6.4 แผนแม่บทการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจสาขาพลังงานในการดำเนินการเพื่อเพิ่มบทบาทของภาคเอกชนได้มีการกำหนดแนวทางที่ชัดเจนและเห็นผลเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น โดยกระทรวงการคลังได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา Arthur Anderson จัดทำแผนแม่บทการแปรรูป รัฐวิสาหกิจขึ้น ซึ่งในส่วนของสาขาพลังงานนั้น สพช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ร่วมกันพิจารณาแก้ไข ปรับปรุงให้มีความเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยคณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจได้พิจารณาในภาพรวมแล้ว และได้นำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาเมื่อวันที่ 1 กันยายน 2541 ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามแผนแม่บทการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจตามที่คณะกรรมการกำกับนโยบายด้านรัฐวิสาหกิจเสนอมา โดยในด้านพลังงานสามารถแบ่งออกเป็น 3 สาขา คือ สาขาไฟฟ้า สาขาก๊าซธรรมชาติ และสาขาน้ำมัน การดำเนินงานในแต่ละสาขาได้มีการกำหนดแผนในการปฏิรูปตลาดพลังงาน และมีความก้าวหน้าในการดำเนินการดังนี้
6.4.1 สาขาไฟฟ้า
6.4.1.1 แผนการดำเนินงาน สรุปได้ดังนี้
(1) กำหนดให้ กฟผ. แปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรีภายในปี 2542 และให้ กฟผ. แปลงสภาพโรงไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่จัดตั้งเป็นบริษัท จำกัด อย่างน้อย 2 กลุ่มและลดสัดส่วนการถือหุ้นของ กฟผ. ในบริษัทผลิตไฟฟ้าลงเพื่อให้พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจภายในปี 2544 เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในกิจการผลิตไฟฟ้า โดยผู้ผลิตไฟฟ้าจะซื้อขายไฟฟ้าผ่านตลาดซึ่งจะมีการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า หรือ Wholesale Power Pool ในปี 2546 และจะมีการจัดตั้งบริษัทระบบส่งไฟฟ้าแรงดันสูงหรือ Transmission Company และจัดตั้งหน่วยงานควบคุมระบบอิสระ หรือ Independent System Operator เพื่อทำหน้าที่สั่งการผลิตไฟฟ้า ซึ่ง ทั้งสองบริษัทจะต้องไม่มีโรงไฟฟ้าเป็นของตัวเอง เพื่อทำหน้าที่อย่างอิสระ โดยมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระ หรือ Independent Regulator ซึ่งจะเป็นผู้กำกับดูแลกิจการไฟฟ้า เพื่อให้มีการบริการอย่างมีประสิทธิภาพและในราคาที่เป็นธรรม
(2) ในส่วนของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายทั้งของ กฟน. และ กฟภ. จะต้องจัดตั้งบริษัทระบบสายจำหน่ายไฟฟ้าแรงดันต่ำ หรือ Distribution Companies - DISCOs เพื่อรับผิดชอบในระบบจำหน่ายไฟฟ้าภายในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของตน ซึ่งจะต้องมีการกำกับดูแลด้านราคาและคุณภาพบริการจากองค์กรกำกับดูแลอิสระ ในการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้ารายย่อยนั้นอาจเป็นหน้าที่ของบริษัทระบบจำหน่ายไฟฟ้า (DISCOs) หรือบริษัทจำหน่ายรายย่อยอิสระ (SUPPLY) ซึ่งลูกค้ารายใหญ่สามารถที่จะเลือกซื้อไฟฟ้าได้ทั้งจาก ผู้ผลิตโดยตรงและจากตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า
6.4.1.2 ความก้าวหน้าในการดำเนินการ
(1) การแปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรี
กฟผ. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา Dresdner Kleinwort Benson Advisory Services (Thailand) Limited, Lehman Brothers (Thailand) Limited, และ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด เพื่อ จัดทำแผนระดมทุนจากภาคเอกชนในโครงการโรงไฟฟ้าราชบุรี ซึ่งผลการศึกษาได้แล้วเสร็จ และ กฟผ. ได้นำแผนฯ เสนอ สพช. เพื่อนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2542 อนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542 เห็นชอบแผนระดมทุนจากภาคเอกชนในโครงการโรงไฟฟ้าราชบุรีตามที่ กฟผ. เสนอ โดยมีสาระสำคัญของแผนฯ ดังกล่าว ดังนี้
(1.1) วัตถุประสงค์ของการระดมทุนจากภาคเอกชนในโครงการไฟฟ้าราชบุรี เพื่อ ส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนและเพิ่มการแข่งขันในกิจการผลิตไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ในราคาที่เป็นธรรมและลดภาระการลงทุน และยังสามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องด้านการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นกับ กฟผ. ได้ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะได้รับรายได้จากการระดมทุนประมาณ 55,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังสามารถดำเนินการระดมทุนได้เร็ว และลดผลกระทบของพนักงานเนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าใหม่ซึ่งไม่มีพนักงานประจำ
(1.2) โครงการโรงไฟฟ้าราชบุรี เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งประกอบด้วยทรัพย์สินต่างๆ ดังนี้
โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ชุดที่ 1-3 (กำลังผลิตรวม 2,175 เมกะวัตต์)
กำหนดแล้วเสร็จ กำลังผลิต (เมกะวัตต์)
- กังหันแก๊ส ชุดที่ 1 เครื่องที่ 1 1/4/3085 230
เครื่องที่ 2 1/5/3085 230
ชุดที่ 2 เครื่องที่ 1 1/6/3085 230
เครื่องที่ 2 1/7/3085 230
ชุดที่ 3 เครื่องที่ 1 1/8/3085 230
เครื่องที่ 2 1/9/3085 230
- กังหันไอน้ำ ชุดที่ 1 เครื่องที่ 1 1/4/3086 265
ชุดที่ 2 เครื่องที่ 1 1/6/3086 265
ชุดที่ 3 เครื่องที่ 1 1/3/3087 265
โรงไฟฟ้าพลังความร้อน เครื่องที่ 1 และ 2 (กำลังผลิตรวม 1,470 เมกะวัตต์)
กำหนดแล้วเสร็จ กำลังผลิต (เมกะวัตต์)
เครื่องที่ 1 เม.ย. 2543 735
เครื่องที่ 2 พ.ค. 2543 735
ทรัพย์สินอื่นที่ใช้ร่วมกัน เช่น อาคารสำนักงาน แหล่งน้ำและระบบบำบัดน้ำร้อน เป็นต้น
(1.3) แนวทางการดำเนินการแปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรี มีขั้นตอนการดำเนินงานหลัก ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 กฟผ. จัดตั้งบริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง โดย กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 100
ขั้นตอนที่ 2 บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง และ กฟผ. ร่วมกันจัดตั้งบริษัทในเครือ 2 บริษัท คือ บริษัท ผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี จำกัด (บริษัทในเครือที่ 1) และบริษัทผลิตไฟฟ้า พลังความร้อนราชบุรี จำกัด (บริษัทในเครือที่ 2) โดยบริษัทราชบุรีโฮลดิ้งถือหุ้นร้อยละ 75 และ กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 25
ขั้นตอนที่ 3 กฟผ. ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทราชบุรีโฮลดิ้งให้แก่พันธมิตรร่วมทุน 1 ในสัดส่วนร้อยละ 49 ในราคาประมูล และพนักงาน กฟผ. ในสัดส่วนร้อยละ 2 ในราคาตามมูลค่า ที่ตราไว้ จากนั้นบริษัทราชบุรีโฮลดิ้งเพิ่มทุนครั้งที่ 1 โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมคือ กฟผ. พันธมิตรร่วมทุน 1 และพนักงาน กฟผ. โดย กฟผ. จะยังคงถือหุ้นร้อยละ 49
ขั้นตอนที่ 4 บริษัทในเครือที่ 1 เพิ่มทุนและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง และ กฟผ. ตามสัดส่วนการถือหุ้น 75:25 ต่อมา กฟผ. ขายหุ้นที่ถืออยู่ร้อยละ 25 ในบริษัทในเครือที่ 1 ให้แก่พันธมิตรร่วมทุน 2 ในราคาประมูล
ขั้นตอนที่ 5 บริษัทในเครือที่ 1 จัดหาเงินกู้เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าพลัง ความร้อนร่วม และที่ดินจาก กฟผ. เมื่อชำระเงินให้ กฟผ. ก็จะรับโอนโรงไฟฟ้าและที่ดินดังกล่าวจาก กฟผ. และในขณะเดียวกัน บริษัทราชบุรีโฮลดิ้งก็รับโอนทรัพย์สินที่ใช้ร่วมกันและที่ดินที่เหลือจากการแบ่งขายให้แก่บริษัทในเครือที่ 1 และ 2 พร้อมชำระเงินให้ กฟผ.
ขั้นตอนที่ 6 บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน จำกัด และเพิ่มทุนครั้งที่ 2 โดยเสนอหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป พนักงาน กฟผ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฟผ. ในขั้นตอนนี้ กฟผ. จะลดสัดส่วนลงเหลือประมาณร้อยละ 33.3-42.5
ขั้นตอนที่ 7 บริษัทในเครือที่ 2 เพิ่มทุนและเสนอขายแก่บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง และ กฟผ. ตามสัดส่วนการถือหุ้น 75:25 ต่อมา กฟผ. ขายหุ้นที่ถืออยู่ร้อยละ 25 ในบริษัทในเครือที่ 2 ให้แก่พันธมิตรร่วมทุน 3 ในราคาประมูล
ขั้นตอนที่ 8 บริษัทในเครือที่ 2 จัดหาเงินกู้เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าพลัง ความร้อน และที่ดินจาก กฟผ. ตลอดจนรับโอนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนพร้อมทั้งชำระเงินให้แก่ กฟผ.
(1.4) โครงสร้างการถือหุ้นขั้นตอนสุดท้ายของบริษัทราชบุรี โฮลดิ้ง จะประกอบด้วย กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 33.3-42.5 พันธมิตรร่วมทุน 1 ถือหุ้นร้อยละ 33.3-42.5 ประชาชนทั่วไป พนักงาน กฟผ. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฟผ. ถือหุ้นรวมกันร้อยละ 15.0-33.4 สำหรับบริษัทในเครือทั้ง 2 จะ ถือหุ้นโดยบริษัทราชบุรี โฮลดิ้ง และพันธมิตรร่วมทุน 2 และพันธมิตรร่วมทุน 3 ในสัดส่วน 75 : 25 รายละเอียดปรากฏตามแผนภาพ
ภายหลังจากที่ กฟผ. ดำเนินการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน กฎหมาย เทคนิค และผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน การระดมเงินทุนจากพันธมิตรร่วมทุนในบริษัท ราชบุรีโฮลดิ้ง และบริษัทในเครือทั้ง 2 จะดำเนินการขนานไปกับการระดมเงินกู้ของบริษัทในเครือทั้ง 2
(2) การศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า
สพช. ได้กำหนดให้มีการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า โดยในการศึกษา จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้า กฎเกณฑ์กติกาของตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า การคิดค่าบริการสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า และการกำกับดูแลเพื่อให้การปรับโครงสร้าง และแปรรูปกิจการไฟฟ้าประสบผลสำเร็จ และจะรวมถึงการดำเนินการเผยแพร่ ทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนด้วย โดยจะเป็นการแปลงแผนแม่บทการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจสู่ภาคปฏิบัติ มีระยะเวลาการศึกษา 12 เดือน และจะเริ่มทำการศึกษาในเดือนพฤษภาคม 2542 นี้
6.4.2 สาขาก๊าซธรรมชาติ
6.4.2.1 แผนการดำเนินงาน
กำหนดให้มีการเปิดเสรีในกิจการก๊าซธรรมชาติ ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นไป ซึ่งจะต้องมีการแยกกิจการระบบท่อส่งก๊าซฯ ท่อจำหน่าย และกิจการจำหน่ายก๊าซฯ ออกจากกัน เพื่อให้บุคคลที่สามสามารถใช้บริการระบบท่อก๊าซธรรมชาติได้
6.4.2.2 ความก้าวหน้าในการดำเนินการ
สพช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติในระยะยาวขึ้น และได้นำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542 และวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2542 ตามลำดับ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบาย พลังงานแห่งชาติในแนวทางการปรับโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติในระยะยาว โดยมอบหมายให้ ปตท. ใช้เป็นแนวทางในการแปรสภาพ ปตท. เป็นบริษัทจำกัด และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้ง รับทราบแนวทางการแปรสภาพ ปตท. เป็นบริษัทจำกัด (Corporatisation) และการแปรรูป ปตท. (Privatisation) ตามแนวทางการปรับโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้แนวทางในการปรับโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติดังกล่าว มีสาระสำคัญดังนี้
(1) การปรับกิจการโครงสร้างภายในของ ปตท. โดยการแยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ออกจากกิจการจัดหาและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติในลักษณะของการแบ่งแยกตามกฎหมาย (Legal Separation)
(2) การให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อแก่บุคคลที่สาม หรือ Third Party Access ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข คุณภาพ บริการ และราคาค่าบริการที่กำหนด โดยจะเริ่มใช้สำหรับท่อของ ปตท. ที่มีขีดความสามารถเหลือที่จะใช้บริการได้ และสำหรับท่อเส้นใหม่ทั้งหมด
(3) การเปิดเสรีในกิจการก๊าซธรรมชาติโดยจะเริ่มให้มีการแข่งขันในแหล่งก๊าซฯ และตลาดก๊าซใหม่
(4) การให้เอกชนเข้าร่วมในการลงทุนและดำเนินการในระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติหลัก โดยท่อส่งก๊าซฯ ท่อใหม่ที่ไม่อยู่ในแผนแม่บทระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ. 2541-2549 ให้เปิดให้มีการแข่งขันได้ โดย สพช. และกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้กำหนดหลักการให้เอกชนเข้าร่วมในการลงทุนระบบท่อส่งก๊าซฯ ต่อไป
(5) การกำกับดูแลในระยะสั้น เมื่อ ปตท. แปรรูปโดยใช้ พ.ร.บ. ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. …. ภายใต้มาตรา 19 กำหนดให้ยังมีอำนาจตาม พ.ร.บ.ปตท. เดิม เพื่อให้ทำหน้าที่กำกับดูแลร่วมกับ สพช. เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระขึ้นมา
(6) การกำกับดูแลในระยะยาว เมื่อมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระแล้วเสร็จ การดำเนินงานในการออกใบอนุญาตต่างๆ จะเป็นหน้าที่ขององค์กรกำกับดูแลอิสระ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อจำหน่าย การจัดหาและจำหน่ายก๊าซฯ ในด้านราคาค่าผ่านท่อก๊าซฯ การลงทุนขยายท่อก๊าซฯ คุณภาพบริการ และความปลอดภัย
6.4.3 การแปรรูป ปตท.
6.4.3.1 แผนการดำเนินงาน
ปตท. เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในกิจกรรมด้านการกลั่นและจำหน่ายน้ำมัน และมีการ ลงทุนในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสาขาพลังงานอีกมาก ซึ่งเป็นการลงทุนที่ยังไม่เกิดผล ดังนั้น ปตท. จึงควรพิจารณาปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยคำนึงถึงผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นที่ตั้ง โดยควรปรับโครงสร้างและแปรรูปกิจการของ ปตท. ซึ่งมีทางเลือก 2 แนวทาง คือ การแปรรูปแบบรวมทั้งองค์กร (Integrated Initial Public Offering ; Integrated IPO) หรือการแปรรูปแบบแยกธุรกิจก๊าซ (PTT Gas Initial Public Offering ; PTT Gas IPO)
6.4.3.2 ความก้าวหน้าในการดำเนินการ
ปตท. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา จำนวน 9 ราย ทำการศึกษาแนวทางการแปรรูปที่เหมาะสมของ ปตท. และนำเสนอคณะกรรมการ ปตท. พิจารณา ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบรูปแบบการแปรรูป ปตท. แบบรวมกิจการ (Integrated IPO) โดยให้มีการจัดโครงสร้างแบบ Operating Holding Company ซึ่งรูปแบบการรวมกิจการเป็นรูปแบบที่จะทำให้ ปตท. สามารถประสานผลประโยชน์ของกิจการหลักของ ปตท. ที่ดำเนินการผ่านหน่วยธุรกิจก๊าซฯ น้ำมัน และอินเตอร์เนชั่นแนลได้ และจะส่งผลให้ ปตท. มีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูง และการจัดโครงสร้างแบบ Operating Holding นี้ กิจการก๊าซฯ และน้ำมันจะถูกดำเนินการ โดยหน่วยธุรกิจที่อยู่ภายใต้องค์กรทางกฎหมายเดียวกันดังเช่นในปัจจุบัน และจะมีการปรับปรุงโครงสร้างให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซฯ ที่ต้องแยกธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ ออกจากธุรกิจการจัดหาและจำหน่ายก๊าซฯ การแปรรูป ปตท. ดังกล่าวจะใช้แนวทางตามร่าง พรบ. ทุนรัฐวิสาหกิจเพื่อแปรสภาพจาก ปตท. รัฐวิสาหกิจ เป็นบริษัท ปตท. จำกัด /(มหาชน) และเมื่อภาวะตลาดมีความเหมาะสมก็จะดำเนินก าร จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้รับทราบแล้ว เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542
-ยังมีต่อ-
--สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ--
-ยก-
6.4.1 สาขาไฟฟ้า
6.4.1.1 แผนการดำเนินงาน สรุปได้ดังนี้
(1) กำหนดให้ กฟผ. แปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรีภายในปี 2542 และให้ กฟผ. แปลงสภาพโรงไฟฟ้าเดิมที่มีอยู่จัดตั้งเป็นบริษัท จำกัด อย่างน้อย 2 กลุ่มและลดสัดส่วนการถือหุ้นของ กฟผ. ในบริษัทผลิตไฟฟ้าลงเพื่อให้พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจภายในปี 2544 เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรมในกิจการผลิตไฟฟ้า โดยผู้ผลิตไฟฟ้าจะซื้อขายไฟฟ้าผ่านตลาดซึ่งจะมีการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า หรือ Wholesale Power Pool ในปี 2546 และจะมีการจัดตั้งบริษัทระบบส่งไฟฟ้าแรงดันสูงหรือ Transmission Company และจัดตั้งหน่วยงานควบคุมระบบอิสระ หรือ Independent System Operator เพื่อทำหน้าที่สั่งการผลิตไฟฟ้า ซึ่ง ทั้งสองบริษัทจะต้องไม่มีโรงไฟฟ้าเป็นของตัวเอง เพื่อทำหน้าที่อย่างอิสระ โดยมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระ หรือ Independent Regulator ซึ่งจะเป็นผู้กำกับดูแลกิจการไฟฟ้า เพื่อให้มีการบริการอย่างมีประสิทธิภาพและในราคาที่เป็นธรรม
(2) ในส่วนของการไฟฟ้าฝ่ายจำหน่ายทั้งของ กฟน. และ กฟภ. จะต้องจัดตั้งบริษัทระบบสายจำหน่ายไฟฟ้าแรงดันต่ำ หรือ Distribution Companies - DISCOs เพื่อรับผิดชอบในระบบจำหน่ายไฟฟ้าภายในเขตพื้นที่ความรับผิดชอบของตน ซึ่งจะต้องมีการกำกับดูแลด้านราคาและคุณภาพบริการจากองค์กรกำกับดูแลอิสระ ในการจำหน่ายไฟฟ้าให้กับลูกค้ารายย่อยนั้นอาจเป็นหน้าที่ของบริษัทระบบจำหน่ายไฟฟ้า (DISCOs) หรือบริษัทจำหน่ายรายย่อยอิสระ (SUPPLY) ซึ่งลูกค้ารายใหญ่สามารถที่จะเลือกซื้อไฟฟ้าได้ทั้งจาก ผู้ผลิตโดยตรงและจากตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า
6.4.1.2 ความก้าวหน้าในการดำเนินการ
(1) การแปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรี
กฟผ. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา Dresdner Kleinwort Benson Advisory Services (Thailand) Limited, Lehman Brothers (Thailand) Limited, และ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ จำกัด เพื่อ จัดทำแผนระดมทุนจากภาคเอกชนในโครงการโรงไฟฟ้าราชบุรี ซึ่งผลการศึกษาได้แล้วเสร็จ และ กฟผ. ได้นำแผนฯ เสนอ สพช. เพื่อนำเสนอขออนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรี ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2542 อนุมัติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542 เห็นชอบแผนระดมทุนจากภาคเอกชนในโครงการโรงไฟฟ้าราชบุรีตามที่ กฟผ. เสนอ โดยมีสาระสำคัญของแผนฯ ดังกล่าว ดังนี้
(1.1) วัตถุประสงค์ของการระดมทุนจากภาคเอกชนในโครงการไฟฟ้าราชบุรี เพื่อ ส่งเสริมบทบาทของภาคเอกชนและเพิ่มการแข่งขันในกิจการผลิตไฟฟ้า เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการ ในราคาที่เป็นธรรมและลดภาระการลงทุน และยังสามารถแก้ไขปัญหาสภาพคล่องด้านการเงินที่อาจจะเกิดขึ้นกับ กฟผ. ได้ ในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า โดยคาดว่าจะได้รับรายได้จากการระดมทุนประมาณ 55,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังสามารถดำเนินการระดมทุนได้เร็ว และลดผลกระทบของพนักงานเนื่องจากเป็นโรงไฟฟ้าใหม่ซึ่งไม่มีพนักงานประจำ
(1.2) โครงการโรงไฟฟ้าราชบุรี เป็นโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างซึ่งประกอบด้วยทรัพย์สินต่างๆ ดังนี้
โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม ชุดที่ 1-3 (กำลังผลิตรวม 2,175 เมกะวัตต์)
กำหนดแล้วเสร็จ กำลังผลิต (เมกะวัตต์)
- กังหันแก๊ส ชุดที่ 1 เครื่องที่ 1 1/4/3085 230
เครื่องที่ 2 1/5/3085 230
ชุดที่ 2 เครื่องที่ 1 1/6/3085 230
เครื่องที่ 2 1/7/3085 230
ชุดที่ 3 เครื่องที่ 1 1/8/3085 230
เครื่องที่ 2 1/9/3085 230
- กังหันไอน้ำ ชุดที่ 1 เครื่องที่ 1 1/4/3086 265
ชุดที่ 2 เครื่องที่ 1 1/6/3086 265
ชุดที่ 3 เครื่องที่ 1 1/3/3087 265
โรงไฟฟ้าพลังความร้อน เครื่องที่ 1 และ 2 (กำลังผลิตรวม 1,470 เมกะวัตต์)
กำหนดแล้วเสร็จ กำลังผลิต (เมกะวัตต์)
เครื่องที่ 1 เม.ย. 2543 735
เครื่องที่ 2 พ.ค. 2543 735
ทรัพย์สินอื่นที่ใช้ร่วมกัน เช่น อาคารสำนักงาน แหล่งน้ำและระบบบำบัดน้ำร้อน เป็นต้น
(1.3) แนวทางการดำเนินการแปรรูปโรงไฟฟ้าราชบุรี มีขั้นตอนการดำเนินงานหลัก ดังนี้
ขั้นตอนที่ 1 กฟผ. จัดตั้งบริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง โดย กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 100
ขั้นตอนที่ 2 บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง และ กฟผ. ร่วมกันจัดตั้งบริษัทในเครือ 2 บริษัท คือ บริษัท ผลิตไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมราชบุรี จำกัด (บริษัทในเครือที่ 1) และบริษัทผลิตไฟฟ้า พลังความร้อนราชบุรี จำกัด (บริษัทในเครือที่ 2) โดยบริษัทราชบุรีโฮลดิ้งถือหุ้นร้อยละ 75 และ กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 25
ขั้นตอนที่ 3 กฟผ. ขายหุ้นที่ถืออยู่ในบริษัทราชบุรีโฮลดิ้งให้แก่พันธมิตรร่วมทุน 1 ในสัดส่วนร้อยละ 49 ในราคาประมูล และพนักงาน กฟผ. ในสัดส่วนร้อยละ 2 ในราคาตามมูลค่า ที่ตราไว้ จากนั้นบริษัทราชบุรีโฮลดิ้งเพิ่มทุนครั้งที่ 1 โดยเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมคือ กฟผ. พันธมิตรร่วมทุน 1 และพนักงาน กฟผ. โดย กฟผ. จะยังคงถือหุ้นร้อยละ 49
ขั้นตอนที่ 4 บริษัทในเครือที่ 1 เพิ่มทุนและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนให้แก่บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง และ กฟผ. ตามสัดส่วนการถือหุ้น 75:25 ต่อมา กฟผ. ขายหุ้นที่ถืออยู่ร้อยละ 25 ในบริษัทในเครือที่ 1 ให้แก่พันธมิตรร่วมทุน 2 ในราคาประมูล
ขั้นตอนที่ 5 บริษัทในเครือที่ 1 จัดหาเงินกู้เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าพลัง ความร้อนร่วม และที่ดินจาก กฟผ. เมื่อชำระเงินให้ กฟผ. ก็จะรับโอนโรงไฟฟ้าและที่ดินดังกล่าวจาก กฟผ. และในขณะเดียวกัน บริษัทราชบุรีโฮลดิ้งก็รับโอนทรัพย์สินที่ใช้ร่วมกันและที่ดินที่เหลือจากการแบ่งขายให้แก่บริษัทในเครือที่ 1 และ 2 พร้อมชำระเงินให้ กฟผ.
ขั้นตอนที่ 6 บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชน จำกัด และเพิ่มทุนครั้งที่ 2 โดยเสนอหุ้นเพิ่มทุนให้แก่ประชาชนทั่วไป พนักงาน กฟผ. กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฟผ. ในขั้นตอนนี้ กฟผ. จะลดสัดส่วนลงเหลือประมาณร้อยละ 33.3-42.5
ขั้นตอนที่ 7 บริษัทในเครือที่ 2 เพิ่มทุนและเสนอขายแก่บริษัทราชบุรีโฮลดิ้ง และ กฟผ. ตามสัดส่วนการถือหุ้น 75:25 ต่อมา กฟผ. ขายหุ้นที่ถืออยู่ร้อยละ 25 ในบริษัทในเครือที่ 2 ให้แก่พันธมิตรร่วมทุน 3 ในราคาประมูล
ขั้นตอนที่ 8 บริษัทในเครือที่ 2 จัดหาเงินกู้เพื่อซื้อโรงไฟฟ้าพลัง ความร้อน และที่ดินจาก กฟผ. ตลอดจนรับโอนโรงไฟฟ้าพลังความร้อนพร้อมทั้งชำระเงินให้แก่ กฟผ.
(1.4) โครงสร้างการถือหุ้นขั้นตอนสุดท้ายของบริษัทราชบุรี โฮลดิ้ง จะประกอบด้วย กฟผ. ถือหุ้นร้อยละ 33.3-42.5 พันธมิตรร่วมทุน 1 ถือหุ้นร้อยละ 33.3-42.5 ประชาชนทั่วไป พนักงาน กฟผ. และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ กฟผ. ถือหุ้นรวมกันร้อยละ 15.0-33.4 สำหรับบริษัทในเครือทั้ง 2 จะ ถือหุ้นโดยบริษัทราชบุรี โฮลดิ้ง และพันธมิตรร่วมทุน 2 และพันธมิตรร่วมทุน 3 ในสัดส่วน 75 : 25 รายละเอียดปรากฏตามแผนภาพ
ภายหลังจากที่ กฟผ. ดำเนินการคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงิน กฎหมาย เทคนิค และผู้ประเมินราคาทรัพย์สิน การระดมเงินทุนจากพันธมิตรร่วมทุนในบริษัท ราชบุรีโฮลดิ้ง และบริษัทในเครือทั้ง 2 จะดำเนินการขนานไปกับการระดมเงินกู้ของบริษัทในเครือทั้ง 2
(2) การศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า
สพช. ได้กำหนดให้มีการศึกษาเรื่องการกำหนดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้าและการจัดตั้งตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า โดยในการศึกษา จะต้องมีการกำหนดรายละเอียดโครงสร้างอุตสาหกรรมไฟฟ้า กฎเกณฑ์กติกาของตลาดกลางซื้อขายไฟฟ้า การคิดค่าบริการสายส่งและสายจำหน่ายไฟฟ้า และการกำกับดูแลเพื่อให้การปรับโครงสร้าง และแปรรูปกิจการไฟฟ้าประสบผลสำเร็จ และจะรวมถึงการดำเนินการเผยแพร่ ทำความเข้าใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชนด้วย โดยจะเป็นการแปลงแผนแม่บทการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจสู่ภาคปฏิบัติ มีระยะเวลาการศึกษา 12 เดือน และจะเริ่มทำการศึกษาในเดือนพฤษภาคม 2542 นี้
6.4.2 สาขาก๊าซธรรมชาติ
6.4.2.1 แผนการดำเนินงาน
กำหนดให้มีการเปิดเสรีในกิจการก๊าซธรรมชาติ ตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นไป ซึ่งจะต้องมีการแยกกิจการระบบท่อส่งก๊าซฯ ท่อจำหน่าย และกิจการจำหน่ายก๊าซฯ ออกจากกัน เพื่อให้บุคคลที่สามสามารถใช้บริการระบบท่อก๊าซธรรมชาติได้
6.4.2.2 ความก้าวหน้าในการดำเนินการ
สพช. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้จัดทำโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติในระยะยาวขึ้น และได้นำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542 และวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2542 ตามลำดับ ซึ่งคณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบตามมติคณะกรรมการนโยบาย พลังงานแห่งชาติในแนวทางการปรับโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติในระยะยาว โดยมอบหมายให้ ปตท. ใช้เป็นแนวทางในการแปรสภาพ ปตท. เป็นบริษัทจำกัด และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรับไปดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป รวมทั้ง รับทราบแนวทางการแปรสภาพ ปตท. เป็นบริษัทจำกัด (Corporatisation) และการแปรรูป ปตท. (Privatisation) ตามแนวทางการปรับโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติของประเทศในระยะยาว ทั้งนี้แนวทางในการปรับโครงสร้างกิจการก๊าซธรรมชาติดังกล่าว มีสาระสำคัญดังนี้
(1) การปรับกิจการโครงสร้างภายในของ ปตท. โดยการแยกกิจการท่อส่งก๊าซธรรมชาติของ ปตท. ออกจากกิจการจัดหาและจำหน่ายก๊าซธรรมชาติในลักษณะของการแบ่งแยกตามกฎหมาย (Legal Separation)
(2) การให้บริการขนส่งก๊าซธรรมชาติทางท่อแก่บุคคลที่สาม หรือ Third Party Access ภายใต้หลักเกณฑ์ เงื่อนไข คุณภาพ บริการ และราคาค่าบริการที่กำหนด โดยจะเริ่มใช้สำหรับท่อของ ปตท. ที่มีขีดความสามารถเหลือที่จะใช้บริการได้ และสำหรับท่อเส้นใหม่ทั้งหมด
(3) การเปิดเสรีในกิจการก๊าซธรรมชาติโดยจะเริ่มให้มีการแข่งขันในแหล่งก๊าซฯ และตลาดก๊าซใหม่
(4) การให้เอกชนเข้าร่วมในการลงทุนและดำเนินการในระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติหลัก โดยท่อส่งก๊าซฯ ท่อใหม่ที่ไม่อยู่ในแผนแม่บทระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ฉบับที่ 2 ปี พ.ศ. 2541-2549 ให้เปิดให้มีการแข่งขันได้ โดย สพช. และกระทรวงอุตสาหกรรมจะเป็นผู้กำหนดหลักการให้เอกชนเข้าร่วมในการลงทุนระบบท่อส่งก๊าซฯ ต่อไป
(5) การกำกับดูแลในระยะสั้น เมื่อ ปตท. แปรรูปโดยใช้ พ.ร.บ. ทุนรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. …. ภายใต้มาตรา 19 กำหนดให้ยังมีอำนาจตาม พ.ร.บ.ปตท. เดิม เพื่อให้ทำหน้าที่กำกับดูแลร่วมกับ สพช. เป็นการชั่วคราว จนกว่าจะมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระขึ้นมา
(6) การกำกับดูแลในระยะยาว เมื่อมีการจัดตั้งองค์กรกำกับดูแลอิสระแล้วเสร็จ การดำเนินงานในการออกใบอนุญาตต่างๆ จะเป็นหน้าที่ขององค์กรกำกับดูแลอิสระ เพื่อทำหน้าที่กำกับดูแลกิจการระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ท่อจำหน่าย การจัดหาและจำหน่ายก๊าซฯ ในด้านราคาค่าผ่านท่อก๊าซฯ การลงทุนขยายท่อก๊าซฯ คุณภาพบริการ และความปลอดภัย
6.4.3 การแปรรูป ปตท.
6.4.3.1 แผนการดำเนินงาน
ปตท. เป็นองค์กรที่มีบทบาทสำคัญในกิจกรรมด้านการกลั่นและจำหน่ายน้ำมัน และมีการ ลงทุนในกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับสาขาพลังงานอีกมาก ซึ่งเป็นการลงทุนที่ยังไม่เกิดผล ดังนั้น ปตท. จึงควรพิจารณาปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยคำนึงถึงผลตอบแทนจากการลงทุนเป็นที่ตั้ง โดยควรปรับโครงสร้างและแปรรูปกิจการของ ปตท. ซึ่งมีทางเลือก 2 แนวทาง คือ การแปรรูปแบบรวมทั้งองค์กร (Integrated Initial Public Offering ; Integrated IPO) หรือการแปรรูปแบบแยกธุรกิจก๊าซ (PTT Gas Initial Public Offering ; PTT Gas IPO)
6.4.3.2 ความก้าวหน้าในการดำเนินการ
ปตท. ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษา จำนวน 9 ราย ทำการศึกษาแนวทางการแปรรูปที่เหมาะสมของ ปตท. และนำเสนอคณะกรรมการ ปตท. พิจารณา ซึ่งคณะกรรมการฯ ได้มีมติเห็นชอบรูปแบบการแปรรูป ปตท. แบบรวมกิจการ (Integrated IPO) โดยให้มีการจัดโครงสร้างแบบ Operating Holding Company ซึ่งรูปแบบการรวมกิจการเป็นรูปแบบที่จะทำให้ ปตท. สามารถประสานผลประโยชน์ของกิจการหลักของ ปตท. ที่ดำเนินการผ่านหน่วยธุรกิจก๊าซฯ น้ำมัน และอินเตอร์เนชั่นแนลได้ และจะส่งผลให้ ปตท. มีความน่าเชื่อถือทางการเงินสูง และการจัดโครงสร้างแบบ Operating Holding นี้ กิจการก๊าซฯ และน้ำมันจะถูกดำเนินการ โดยหน่วยธุรกิจที่อยู่ภายใต้องค์กรทางกฎหมายเดียวกันดังเช่นในปัจจุบัน และจะมีการปรับปรุงโครงสร้างให้สอดคล้องกับแนวโน้มการเปิดเสรีธุรกิจก๊าซฯ ที่ต้องแยกธุรกิจท่อส่งก๊าซฯ ออกจากธุรกิจการจัดหาและจำหน่ายก๊าซฯ การแปรรูป ปตท. ดังกล่าวจะใช้แนวทางตามร่าง พรบ. ทุนรัฐวิสาหกิจเพื่อแปรสภาพจาก ปตท. รัฐวิสาหกิจ เป็นบริษัท ปตท. จำกัด /(มหาชน) และเมื่อภาวะตลาดมีความเหมาะสมก็จะดำเนินก าร จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ต่อไป ซึ่งแนวทางดังกล่าวนี้ คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติได้รับทราบแล้ว เมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2542
-ยังมีต่อ-
--สำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ--
-ยก-