กรุงเทพ--4 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนสถานเอกอัครราชทูตฯ ร่วมกับสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นคร โตรอนโตได้ไปเยี่ยมผู้หญิงไทยจำนวน 4 คน จากทั้งหมด 8 คน ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2541 ในข้อหาค้าประเวณีและดูแลให้เกิดการค้าประเวณี รวมทั้งขัดขวางกระบวนการยุติธรรมด้วยการไม่ให้ความร่วมมือในการไต่สวนของตำรวจและถือหนังสือเดินทางปลอมเข้าประเทศแคนาดา
ผู้หญิงไทยทั้งหมดถูกจับกุมตัวจากสถานอาบอบนวดแห่งหนึ่งใจกลางเมืองโตรอนโต และมีการกักตัวไว้สอบสวนเป็นเวลา 5 วัน ในที่สุดผู้ต้องหาจำนวน 4 คน ได้รับการประกันตัวในวงเงินตั้งแต่ 500-2000 เหรียญแคนาดา แต่ผู้ต้องหาอีก 4 คน ได้ถูกนำไปฝากขังที่ Mctropolitan Toronto West Detention Centre บริเวณตอนเหนือของนครโตรอนโต ทั้งนี้ ศาลแคนาดาได้จัดหาทนายและล่ามประจำศาลช่วยเหลือต่อสู้คดีด้วย
ในการนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รายงานข้อมูลที่ได้รับจากการสอบถามผู้หญิงไทยดังกล่าว ดังนี้
1. ผู้หญิงทั้ง 8 คน อ้างว่าเดินทางไปท่องเที่ยวและมีคนชักจูงให้ทำงาน ซึ่งแม้ว่าช่วงระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้พักในแคนาดา 6 เดือน แต่เพียง 2 วันเจ้าหน้าที่ตำรวจแคนาดาก็จับกุมแล้ว
2. ผู้หญิงดังกล่าวถือหนังสือเดินทางปลอม โดยมีผู้รับดำเนินการจัดทำให้ในประเทศไทย โดยผู้หญิงดังกล่าวเพียงแต่กรอกคำร้องในแบบฟอร์ม และมอบรูปถ่ายโดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใด ๆ บางรายเดินทางข้ามแดนจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เข้าประเทศมาเลเซียก่อนแล้วบินต่อเข้าเมืองแวนคูเวอร์ ไปจนถึงโตรอนโต ทั้งนี้ กระทรวงฯ กำลังตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของบุคคลดังกล่าวอยู่
เกี่ยวกับเรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศจึงขอเตือนผู้หญิงไทยที่ได้รับการชักชวนไปทำงานที่ประเทศแคนาดาให้ระมัดระวังการถูกหลอกลวงหรือชักจูงไปทำงานค้าประเวณีโดยผิดกฎหมายและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยใช้หนังสือเดินทางปลอม เนื่องจากทางการแคนาดาจะกวดขันและปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดอย่างยิ่ง
อนึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมจากฝ่ายคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศเกี่ยวกับแนวทางปฎิบัติ เพื่อปรับปรุงการทำงานดูแลและคุ้มครองคนไทยจากฝ่ายคุ้มครองที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ ดังนี้
1. ในกรณีที่ประเทศภายในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ มีปัญหาการล่อลวงหญิงไทยมาค้าประเวณี สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่จะประสานและขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น เพื่อกวาดล้างขบวนการล่อลวงหญิงไทยดังกล่าว ทั้งนี้ โดยคำนึงว่าไม่ควรให้หญิงไทยถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดำเนินคดีในฐานค้าประเวณีหรือในความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง
2. เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่จะเพิ่มความร่วมมือกับกลุ่ม NGO ในเขตอาณาเพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาหญิงไทยถูกล่อลวง รวมทั้งพยายามสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่กับกลุ่ม NGO
3. เจ้าหน้าที่ รวมทั้งลูกจ้างท้องถิ่นของสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่จะปฎิบัติต่อผู้มาขอรับความช่วยเหลืออย่างนุ่มนวลทุกกรณี รวมทั้งให้การช่วยเหลือเท่าที่จะกระทำได้เพื่อมิให้ผู้มาติดต่อเกิดความเข้าใจว่าหน่วยงานของกระทรวงฯ ไม่ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะต่อปัญหาหญิงไทยซึ่งถูกหลอกลวงไปค้าประเวณี
4.ในกรณีคนไทยตกทุกข์ได้ยากมาร้องขอให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ช่วยเหลือส่งตัวกลับประเทศไทย หากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่จะดำเนินการส่งตัวผู้นั้นกลับประเทศ โดยปฎิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดลองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ พ.ศ. 2541 (ระเบียบใหม่) ต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร.225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--
กระทรวงการต่างประเทศ ได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงออตตาวา ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนสถานเอกอัครราชทูตฯ ร่วมกับสถานกงสุลใหญ่กิตติมศักดิ์ ณ นคร โตรอนโตได้ไปเยี่ยมผู้หญิงไทยจำนวน 4 คน จากทั้งหมด 8 คน ซึ่งถูกจับกุมเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2541 ในข้อหาค้าประเวณีและดูแลให้เกิดการค้าประเวณี รวมทั้งขัดขวางกระบวนการยุติธรรมด้วยการไม่ให้ความร่วมมือในการไต่สวนของตำรวจและถือหนังสือเดินทางปลอมเข้าประเทศแคนาดา
ผู้หญิงไทยทั้งหมดถูกจับกุมตัวจากสถานอาบอบนวดแห่งหนึ่งใจกลางเมืองโตรอนโต และมีการกักตัวไว้สอบสวนเป็นเวลา 5 วัน ในที่สุดผู้ต้องหาจำนวน 4 คน ได้รับการประกันตัวในวงเงินตั้งแต่ 500-2000 เหรียญแคนาดา แต่ผู้ต้องหาอีก 4 คน ได้ถูกนำไปฝากขังที่ Mctropolitan Toronto West Detention Centre บริเวณตอนเหนือของนครโตรอนโต ทั้งนี้ ศาลแคนาดาได้จัดหาทนายและล่ามประจำศาลช่วยเหลือต่อสู้คดีด้วย
ในการนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ ได้รายงานข้อมูลที่ได้รับจากการสอบถามผู้หญิงไทยดังกล่าว ดังนี้
1. ผู้หญิงทั้ง 8 คน อ้างว่าเดินทางไปท่องเที่ยวและมีคนชักจูงให้ทำงาน ซึ่งแม้ว่าช่วงระยะเวลาที่ได้รับอนุญาตให้พักในแคนาดา 6 เดือน แต่เพียง 2 วันเจ้าหน้าที่ตำรวจแคนาดาก็จับกุมแล้ว
2. ผู้หญิงดังกล่าวถือหนังสือเดินทางปลอม โดยมีผู้รับดำเนินการจัดทำให้ในประเทศไทย โดยผู้หญิงดังกล่าวเพียงแต่กรอกคำร้องในแบบฟอร์ม และมอบรูปถ่ายโดยไม่มีการคิดค่าใช้จ่ายใด ๆ บางรายเดินทางข้ามแดนจากอำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เข้าประเทศมาเลเซียก่อนแล้วบินต่อเข้าเมืองแวนคูเวอร์ ไปจนถึงโตรอนโต ทั้งนี้ กระทรวงฯ กำลังตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับหนังสือเดินทางของบุคคลดังกล่าวอยู่
เกี่ยวกับเรื่องนี้กระทรวงการต่างประเทศจึงขอเตือนผู้หญิงไทยที่ได้รับการชักชวนไปทำงานที่ประเทศแคนาดาให้ระมัดระวังการถูกหลอกลวงหรือชักจูงไปทำงานค้าประเวณีโดยผิดกฎหมายและเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย โดยใช้หนังสือเดินทางปลอม เนื่องจากทางการแคนาดาจะกวดขันและปฎิบัติหน้าที่อย่างเข้มงวดอย่างยิ่ง
อนึ่งกระทรวงการต่างประเทศ ขอเรียนข้อมูลเพิ่มเติมจากฝ่ายคุ้มครองและดูแลผลประโยชน์คนไทยในต่างประเทศเกี่ยวกับแนวทางปฎิบัติ เพื่อปรับปรุงการทำงานดูแลและคุ้มครองคนไทยจากฝ่ายคุ้มครองที่ตกทุกข์ได้ยากในต่างประเทศ ดังนี้
1. ในกรณีที่ประเทศภายในเขตอาณาของสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ มีปัญหาการล่อลวงหญิงไทยมาค้าประเวณี สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่จะประสานและขอความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่น เพื่อกวาดล้างขบวนการล่อลวงหญิงไทยดังกล่าว ทั้งนี้ โดยคำนึงว่าไม่ควรให้หญิงไทยถูกเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นดำเนินคดีในฐานค้าประเวณีหรือในความผิดฐานอื่นที่เกี่ยวข้อง
2. เจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่จะเพิ่มความร่วมมือกับกลุ่ม NGO ในเขตอาณาเพื่อขอทราบข้อมูลเกี่ยวกับปัญหาหญิงไทยถูกล่อลวง รวมทั้งพยายามสร้างความเข้าใจอันดีระหว่างสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่กับกลุ่ม NGO
3. เจ้าหน้าที่ รวมทั้งลูกจ้างท้องถิ่นของสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่จะปฎิบัติต่อผู้มาขอรับความช่วยเหลืออย่างนุ่มนวลทุกกรณี รวมทั้งให้การช่วยเหลือเท่าที่จะกระทำได้เพื่อมิให้ผู้มาติดต่อเกิดความเข้าใจว่าหน่วยงานของกระทรวงฯ ไม่ให้ความสำคัญต่อการคุ้มครองคนไทยในต่างประเทศ โดยเฉพาะต่อปัญหาหญิงไทยซึ่งถูกหลอกลวงไปค้าประเวณี
4.ในกรณีคนไทยตกทุกข์ได้ยากมาร้องขอให้สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ช่วยเหลือส่งตัวกลับประเทศไทย หากสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่พิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นกรณีจำเป็นเร่งด่วน สถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่จะดำเนินการส่งตัวผู้นั้นกลับประเทศ โดยปฎิบัติตามระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยเงินทดลองราชการเพื่อช่วยเหลือคนไทยในต่างประเทศ พ.ศ. 2541 (ระเบียบใหม่) ต่อไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร.225 0096 หรือ 225 7900-43--จบ--