I. ข้อมูลพื้นฐานทั่วไป
- เนื้อที่ (ตารางไมล์) 1.27 ล้าน
- จำนวนประชากร (ล้านคน) 897.7 (1993)
- เมืองหลวง NEW DELHI
- เมืองธุรกิจ NEW DELHI, BOMBAY, KANPUR
- โครงสร้างทางเศรษฐกิจ (%) - อุตสาหกรรม 26.2
- เกษตรกรรม ป่าไม้และประมง 26.9
- บริการและอื่น ๆ 46.9
- อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 6.7 % (1995)
- อัตราเงินเฟ้อ 5.8 % (1995)
- รายได้เฉลี่ยต่อคน (เหรียญสหรัฐ) 310.0 (1991)
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา US$1 = 35 - 36 RUPEE (1995)
- ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ สินแร่ต่าง ๆ เช่น ทองแดง เหล็ก และอัญมณี
- สินค้าส่งออกและนำเข้าที่สำคัญ - ส่งออก ถั่วเขียว ถั่วนิ้วนางแดง เครื่อง
คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ยางพารา อัญมณีและ
เครื่องประดับ หนังโค-กระบือฟอก
- นำเข้า อัญมณีและเครื่องประดับ เส้นใยใช้
ในการทอ เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า
เคมีภัณฑ์
- ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ - ส่งออก สหรัฐ ญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมนี ฮ่องกง
เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก
- นำเข้า สหรัฐ ญี่ปุ่น อังกฤษ เบลเยี่ยม
ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี ซาอุดิอาระเบีย
- ภาษา ฮินดู อังกฤษ
- ศาสนา ฮินดู มุสลิม คริสเตียน พุทธ
- เวลาแตกต่างจากไทย ช้ากว่า 1 ชั่วโมง
- ผู้นำประเทศ ประธานาธิบดี RAMASWAMY VENKATARAMAN
II. ความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศไทย
ภาครัฐบาล
1. ความตกลงทางการค้า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2511
2. จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2532
3. จัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2532
ภาคเอกชน
1.ความตกลงระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย
เมื่อปี 2533
2. ความตกลงระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2533
III. ภาวะการค้ากับประเทศไทย
1. การส่งออก ในปี 2537 และปี 2538 ไทยส่งออกไปอินเดียเป็นมูลค่า 4,844.8 ล้านบาท
และ 7,231.8 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 0.4 และ 0.5 ของมูลค่าการ
ส่งออกทั้งหมดของประเทศ
2. สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา เม็ดพลาสติก เส้นใยประดิษฐ์ น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์พลาสติก
ผ้าผืน อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หลอดภาพโทรทัศน์สี
3. การนำเข้า ในปี 2537 และปี 2538 ไทยนำเข้าจากอินเดียเป็นมูลค่า 13,282.0 ล้านบาท และ
15,676.6 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 0.9 และ 0.8 ของมูลค่าการ
นำเข้าทั้งหมดของประเทศ
4. สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย กากพืชน้ำมัน เคมีภัณฑ์ เหล็กและเหล็กกล้า เครื่องจักร
ใช้ในอุตสาหกรรม ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง ผลิตภัณฑ์โลหะ ผ้าผืน ไขมันและน้ำมันพืช ปุ๋ย
5. ดุลการค้า ในปี 2537 และปี 2538 ไทยเสียเปรียบดุลการค้ามูลค่า 8,437.1 ล้านบาท และ
8,444.8 ล้านบาท ตามลำดับ
IV. ปัญหาทางการค้าที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของไทย
1. อินเดียใช้มาตรการทางภาษีเพื่อกีดกันสินค้าที่ไม่ต้องการ และเพื่อคุ้มครองผู้ผลิตภายในประเทศ
2. อำนาจในการซื้อของอินเดียน้อย
3. ระบบราชการของอินเดีย ยังขาดความคล่องตัวและก่อให้เกิดความล่าช้ามาก
4. ขาดแคลนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้าดับบ่อยในฤดูร้อน เนื่องจากกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ
กับความต้องการ ขาดแคลนน้ำประปาและถนนแคบ อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม
5. อินเดียสามารถผลิตข้าวได้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ ทำให้โอกาสที่ไทยจะขายข้าว
ให้อินเดียมีน้อยลง นอกจากนั้นอินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับที่ 2 ของโลกในปี 2538 รองจาก
ไทยโดยส่งออกข้าวไปจำหน่ายในตลาดโลกได้สูงถึง 4.1 ล้านตัน ข้าวของอินเดียมีคุณภาพใกล้เคียงกับไทย
และส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ INDICA ซึ่งมีลักษณะเม็ดยาว และข้าวอินเดียในตลาดโลกถูกกว่าข้าวไทย ส่งผลให้
อินเดียมีแนวโน้มที่จะขยายตลาดข้าวและช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดบางส่วนจากไทยในภายหน้า
V. สินค้าที่ไทยมีลู่ทางขยายการส่งออก-นำเข้า
1. การส่งออก เครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้า รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก น้ำตาลทราย
ยางพารา เคมีภัณฑ์ด้ายเส้นใยประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า
2. การนำเข้า อัญมณี เหล็กและเหล็กกล้า เส้นใยใช้ในการทอ กากน้ำมันจากพืช ปลาและปลาสำเร็จรูป
สินแร่ โลหะอื่น ๆ และเศษโลหะ ปุ๋ยเคมี
--สรุปความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย--
- เนื้อที่ (ตารางไมล์) 1.27 ล้าน
- จำนวนประชากร (ล้านคน) 897.7 (1993)
- เมืองหลวง NEW DELHI
- เมืองธุรกิจ NEW DELHI, BOMBAY, KANPUR
- โครงสร้างทางเศรษฐกิจ (%) - อุตสาหกรรม 26.2
- เกษตรกรรม ป่าไม้และประมง 26.9
- บริการและอื่น ๆ 46.9
- อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ 6.7 % (1995)
- อัตราเงินเฟ้อ 5.8 % (1995)
- รายได้เฉลี่ยต่อคน (เหรียญสหรัฐ) 310.0 (1991)
- อัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา US$1 = 35 - 36 RUPEE (1995)
- ทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญ สินแร่ต่าง ๆ เช่น ทองแดง เหล็ก และอัญมณี
- สินค้าส่งออกและนำเข้าที่สำคัญ - ส่งออก ถั่วเขียว ถั่วนิ้วนางแดง เครื่อง
คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ยางพารา อัญมณีและ
เครื่องประดับ หนังโค-กระบือฟอก
- นำเข้า อัญมณีและเครื่องประดับ เส้นใยใช้
ในการทอ เครื่องจักรใช้ในอุตสาหกรรมไฟฟ้า
เคมีภัณฑ์
- ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ - ส่งออก สหรัฐ ญี่ปุ่น อังกฤษ เยอรมนี ฮ่องกง
เบลเยี่ยม ลักเซมเบิร์ก
- นำเข้า สหรัฐ ญี่ปุ่น อังกฤษ เบลเยี่ยม
ลักเซมเบิร์ก เยอรมนี ซาอุดิอาระเบีย
- ภาษา ฮินดู อังกฤษ
- ศาสนา ฮินดู มุสลิม คริสเตียน พุทธ
- เวลาแตกต่างจากไทย ช้ากว่า 1 ชั่วโมง
- ผู้นำประเทศ ประธานาธิบดี RAMASWAMY VENKATARAMAN
II. ความสัมพันธ์ทางการค้ากับประเทศไทย
ภาครัฐบาล
1. ความตกลงทางการค้า เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2511
2. จัดตั้งคณะกรรมการร่วมทางการค้า เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2532
3. จัดตั้งคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือ เมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2532
ภาคเอกชน
1.ความตกลงระหว่างสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย
เมื่อปี 2533
2. ความตกลงระหว่างสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยกับสหพันธ์หอการค้าและอุตสาหกรรมอินเดีย
เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2533
III. ภาวะการค้ากับประเทศไทย
1. การส่งออก ในปี 2537 และปี 2538 ไทยส่งออกไปอินเดียเป็นมูลค่า 4,844.8 ล้านบาท
และ 7,231.8 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 0.4 และ 0.5 ของมูลค่าการ
ส่งออกทั้งหมดของประเทศ
2. สินค้าส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ยางพารา เม็ดพลาสติก เส้นใยประดิษฐ์ น้ำตาลทราย ผลิตภัณฑ์พลาสติก
ผ้าผืน อัญมณีและเครื่องประดับ เคมีภัณฑ์ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ หลอดภาพโทรทัศน์สี
3. การนำเข้า ในปี 2537 และปี 2538 ไทยนำเข้าจากอินเดียเป็นมูลค่า 13,282.0 ล้านบาท และ
15,676.6 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 0.9 และ 0.8 ของมูลค่าการ
นำเข้าทั้งหมดของประเทศ
4. สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย กากพืชน้ำมัน เคมีภัณฑ์ เหล็กและเหล็กกล้า เครื่องจักร
ใช้ในอุตสาหกรรม ปลาหมึกสดแช่เย็น แช่แข็ง ผลิตภัณฑ์โลหะ ผ้าผืน ไขมันและน้ำมันพืช ปุ๋ย
5. ดุลการค้า ในปี 2537 และปี 2538 ไทยเสียเปรียบดุลการค้ามูลค่า 8,437.1 ล้านบาท และ
8,444.8 ล้านบาท ตามลำดับ
IV. ปัญหาทางการค้าที่เป็นอุปสรรคต่อการส่งออกของไทย
1. อินเดียใช้มาตรการทางภาษีเพื่อกีดกันสินค้าที่ไม่ต้องการ และเพื่อคุ้มครองผู้ผลิตภายในประเทศ
2. อำนาจในการซื้อของอินเดียน้อย
3. ระบบราชการของอินเดีย ยังขาดความคล่องตัวและก่อให้เกิดความล่าช้ามาก
4. ขาดแคลนสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เช่น ไฟฟ้าดับบ่อยในฤดูร้อน เนื่องจากกระแสไฟฟ้าไม่เพียงพอ
กับความต้องการ ขาดแคลนน้ำประปาและถนนแคบ อยู่ในสภาพที่ทรุดโทรม
5. อินเดียสามารถผลิตข้าวได้เพียงพอกับความต้องการภายในประเทศ ทำให้โอกาสที่ไทยจะขายข้าว
ให้อินเดียมีน้อยลง นอกจากนั้นอินเดียเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่อันดับที่ 2 ของโลกในปี 2538 รองจาก
ไทยโดยส่งออกข้าวไปจำหน่ายในตลาดโลกได้สูงถึง 4.1 ล้านตัน ข้าวของอินเดียมีคุณภาพใกล้เคียงกับไทย
และส่วนใหญ่เป็นพันธุ์ INDICA ซึ่งมีลักษณะเม็ดยาว และข้าวอินเดียในตลาดโลกถูกกว่าข้าวไทย ส่งผลให้
อินเดียมีแนวโน้มที่จะขยายตลาดข้าวและช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดบางส่วนจากไทยในภายหน้า
V. สินค้าที่ไทยมีลู่ทางขยายการส่งออก-นำเข้า
1. การส่งออก เครื่องใช้และอุปกรณ์ไฟฟ้า รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก น้ำตาลทราย
ยางพารา เคมีภัณฑ์ด้ายเส้นใยประดิษฐ์ ผลิตภัณฑ์เหล็กและเหล็กกล้า
2. การนำเข้า อัญมณี เหล็กและเหล็กกล้า เส้นใยใช้ในการทอ กากน้ำมันจากพืช ปลาและปลาสำเร็จรูป
สินแร่ โลหะอื่น ๆ และเศษโลหะ ปุ๋ยเคมี
--สรุปความสัมพันธ์ทางการค้าและเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศต่าง ๆ, สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย--