'อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ' รักษาการหน.ปชป. เผย บรรยากาศเลือก กก.บห. พรรคชุดใหม่ เป็นไปในทางที่ดี ระบุ คุยกับคนในพรรคแล้วว่า อย่าแข่งแล้วบาดหมาง หรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน ย้ำ ปชป. เปิดกว้างเต็มที่ สำหรับคนที่พร้อมทำงาน ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคฯ จะเลือกคนที่ทุกฝ่ายมั่นใจ
วันนี้ (3 มีนาคม 2548) เวลา 13.30 น. ที่ร้านกาแฟดอยตุง ในบริเวณสวนลุม ไนท์บาซ่าร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมเสวนาในงานครบรอบ 1 ปี นิตยสาร a day weekly ว่า การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ คงเป็นไปตามธรรมชาติของการแข่งขัน ซึ่งเข้าใจว่าจะมีผู้สมัครในตำแหน่งต่างๆพอสมควร จึงเป็นเรื่องที่ที่ประชุมใหญ่จะเลือกตั้งกัน ตนได้คุยกับทุกคนที่พูดคุยได้ว่า จะแข่งขันกันอย่างไรก็แล้วแต่ อย่าแบ่งพรรคแบ่งพวก เมื่อเสร็จแล้วก็มาทำงานร่วมกัน เพราะการแพ้ชนะเลือกตั้งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำงาน ซึ่งตอนนี้ก็เปิดโอกาส ใครอยากเสนอตัว ใครอยากหาเสียง ก็สามารถทำได้เต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเหมือนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคราวที่แล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะตนได้พยายามพูดคุยกับหลายๆท่านว่า แข่งขันกันได้ ประชาธิปไตยเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าแข่งแล้วบาดหมาง หรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน คราวที่แล้วก็ช่วยกันทำงาน แต่อาจจะมีบางท่านที่ไม่ได้โอกาสเต็มที่ และตอนหลังก็เกิดเหตุแทรกซ้อนขึ้นมาอีก เพราะมีการแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ แต่ครั้งนี้ดูบรรยากาศแล้ว ดูจะพูดคุยกันทั่วถึงมากขึ้น และยอมรับเรื่องของการแข่งขันกันตั้งแต่แรก ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค หัวหน้าพรรคจะเป็นคนเสนอในวันนั้น และจะต้องเสนอไม่น้อยกว่า 3 ชื่อตามข้อบังคับ ดังนั้นจะไม่เสนอชื่อคนเดียว
‘ไม่มีอะไรน่ากังวลเลย การเลือกตั้งตอนนี้เป็นไปตามธรรมชาติ และผมจับความรู้สึกของคนในพรรคได้ ซึ่งเป็นไปในทางที่ดี คือ อยากเดินไปข้างหน้า และอยากมีส่วนร่วม ใครที่คิดว่าตัวเองมีความพร้อม อาสาตัวเข้ามา ออกมาอย่างไร อยู่ที่ที่ประชุม วันที่ 5 ก็จะทราบเอง ตำแหน่งเลขาธิการพรรค คนที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าต้องคำนึงถึงความมั่นใจ ของ ส.ส. ของคนในพรรค ที่มีต่อคนทำหน้าที่นี้ เพราะว่าหน้าที่หลักตามกฎหมาย ตามข้อบังคับ จะเป็นเรื่องที่ดูแลภายในค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นต้องเอาคนที่มั่นใจ’ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีผู้ลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคกี่คน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องที่สมาชิกสามารถเสนอในที่ประชุมได้ เพราะฉะนั้นยังไม่ทราบว่าจะมีการแข่งขันหรือไม่ เมื่อถามว่าจะมีการเปลี่ยนตัวประธานสภาที่ปรึกษาจะมีการหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ‘อันนั้นยิ่งไปไกลเลย นี่ไม่ใช่เรื่องของที่ประชุมใหญ่ แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหญ่ที่จะพิจารณา แต่คิดว่าองค์ประกอบต้องการการเปลี่ยนแปลง เพราะจะมีบุคคลที่สามารถที่จะไปทำงานตรงนั้นได้เพิ่มเติมด้วย’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยธรรมชาติพรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรมในการเติบโต ของแต่ละตำแหน่ง เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นประชาธิปไตยในการหาเสียง หรือต้องพิจารณาเรื่องความอาวุโส รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สมาชิกที่มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน คงจะดูจากความเหมาะสม แต่น้ำหนักเหตุผลที่แต่ละคนจะใช้ในการตัดสินใจก็อาจจะไม่เหมือนกัน เชื่อว่าความอาวุโสก็เป็นปัจจัยหนึ่งของหลายๆคน ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายๆคนที่อาจจะคำนึงถึงเรื่องของการเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆเข้ามาทำงาน ซึ่งครั้งนี้ค่อนข้างจะเปิดกว้าง และคาดว่าน่าจะผสมผสานกันระหว่างคนที่มีประสบการณ์และคนใหม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งจะมีขั้นตอนในการเลือกทีละตำแหน่ง เพราะฉะนั้นกรณีของโฆษกพรรคฯ จะต้องเป็นคนที่หัวหน้าพรรคเสนอชื่อจากกรรมการบริหารพรรค เพราะฉะนั้นจะบอกไม่ได้จนกว่าจะทราบว่าผลของการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นอย่างไร ตนเข้าใจว่านายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ก็อาจจะแข่งขันในตำแหน่งอื่นก่อนด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องดูผลตรงนั้นด้วย แต่ก็ได้คุยกับคุณองอาจเป็นการส่วนตัวแล้วว่า ถ้าคุณองอาจยังสนใจทำหน้าที่ในตำแหน่งเดิม ก็ไม่มีข้อขัดข้องอะไร ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ก็จะมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้มีข้อจำกัดว่าต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น แต่ ส.ส. อาจมีความได้เปรียบ เพราะ ส.ส. จะเป็นผู้เลือก ร้อยละ 45 ของคะแนนทั้งหมด เพราะฉะนั้นก็อาจจะมีความคุ้นเคยกันมากกว่า แต่ไม่ได้จำกัด ซึ่งจะเปิดเต็มที่ ใครที่สนใจจะเข้ามา และมีผู้เสนอ มีผู้รับรอง มีผู้สนับสนุน ก็ได้ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากได้ขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรค จะรู้สึกว่าทำงานหนักกว่าคนอื่นหรือไม่ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ‘ผมว่าใครขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคก็งานหนักอยู่แล้ว เพราะเราทราบดีว่า หลังจากการเลือกตั้งวันที่ 6 ก.พ. 2548 ที่ผ่านมา ก็เป็นสถานการณ์ที่พรรคต้องทำงานหนักมาก ในการที่จะฟื้นฟูตัวเองขึ้นมา เพราะฉะนั้นความหนักหน่วงของงานมันชัดเจนอยู่แล้ว’ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-
วันนี้ (3 มีนาคม 2548) เวลา 13.30 น. ที่ร้านกาแฟดอยตุง ในบริเวณสวนลุม ไนท์บาซ่าร์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ก่อนร่วมเสวนาในงานครบรอบ 1 ปี นิตยสาร a day weekly ว่า การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ คงเป็นไปตามธรรมชาติของการแข่งขัน ซึ่งเข้าใจว่าจะมีผู้สมัครในตำแหน่งต่างๆพอสมควร จึงเป็นเรื่องที่ที่ประชุมใหญ่จะเลือกตั้งกัน ตนได้คุยกับทุกคนที่พูดคุยได้ว่า จะแข่งขันกันอย่างไรก็แล้วแต่ อย่าแบ่งพรรคแบ่งพวก เมื่อเสร็จแล้วก็มาทำงานร่วมกัน เพราะการแพ้ชนะเลือกตั้งเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขอให้ทุกคนร่วมมือร่วมใจกันทำงาน ซึ่งตอนนี้ก็เปิดโอกาส ใครอยากเสนอตัว ใครอยากหาเสียง ก็สามารถทำได้เต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเหมือนการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคคราวที่แล้วหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีปัญหา เพราะตนได้พยายามพูดคุยกับหลายๆท่านว่า แข่งขันกันได้ ประชาธิปไตยเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าแข่งแล้วบาดหมาง หรือแบ่งฝักแบ่งฝ่ายกัน คราวที่แล้วก็ช่วยกันทำงาน แต่อาจจะมีบางท่านที่ไม่ได้โอกาสเต็มที่ และตอนหลังก็เกิดเหตุแทรกซ้อนขึ้นมาอีก เพราะมีการแยกตัวออกไปตั้งพรรคใหม่ แต่ครั้งนี้ดูบรรยากาศแล้ว ดูจะพูดคุยกันทั่วถึงมากขึ้น และยอมรับเรื่องของการแข่งขันกันตั้งแต่แรก ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรค หัวหน้าพรรคจะเป็นคนเสนอในวันนั้น และจะต้องเสนอไม่น้อยกว่า 3 ชื่อตามข้อบังคับ ดังนั้นจะไม่เสนอชื่อคนเดียว
‘ไม่มีอะไรน่ากังวลเลย การเลือกตั้งตอนนี้เป็นไปตามธรรมชาติ และผมจับความรู้สึกของคนในพรรคได้ ซึ่งเป็นไปในทางที่ดี คือ อยากเดินไปข้างหน้า และอยากมีส่วนร่วม ใครที่คิดว่าตัวเองมีความพร้อม อาสาตัวเข้ามา ออกมาอย่างไร อยู่ที่ที่ประชุม วันที่ 5 ก็จะทราบเอง ตำแหน่งเลขาธิการพรรค คนที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าต้องคำนึงถึงความมั่นใจ ของ ส.ส. ของคนในพรรค ที่มีต่อคนทำหน้าที่นี้ เพราะว่าหน้าที่หลักตามกฎหมาย ตามข้อบังคับ จะเป็นเรื่องที่ดูแลภายในค่อนข้างมาก เพราะฉะนั้นต้องเอาคนที่มั่นใจ’ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีผู้ลงสมัครชิงหัวหน้าพรรคกี่คน นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังไม่ทราบ เพราะเป็นเรื่องที่สมาชิกสามารถเสนอในที่ประชุมได้ เพราะฉะนั้นยังไม่ทราบว่าจะมีการแข่งขันหรือไม่ เมื่อถามว่าจะมีการเปลี่ยนตัวประธานสภาที่ปรึกษาจะมีการหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ‘อันนั้นยิ่งไปไกลเลย นี่ไม่ใช่เรื่องของที่ประชุมใหญ่ แต่เป็นเรื่องของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหญ่ที่จะพิจารณา แต่คิดว่าองค์ประกอบต้องการการเปลี่ยนแปลง เพราะจะมีบุคคลที่สามารถที่จะไปทำงานตรงนั้นได้เพิ่มเติมด้วย’ นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยธรรมชาติพรรคประชาธิปัตย์มีวัฒนธรรมในการเติบโต ของแต่ละตำแหน่ง เพราะฉะนั้นการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นประชาธิปไตยในการหาเสียง หรือต้องพิจารณาเรื่องความอาวุโส รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า สมาชิกที่มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน คงจะดูจากความเหมาะสม แต่น้ำหนักเหตุผลที่แต่ละคนจะใช้ในการตัดสินใจก็อาจจะไม่เหมือนกัน เชื่อว่าความอาวุโสก็เป็นปัจจัยหนึ่งของหลายๆคน ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายๆคนที่อาจจะคำนึงถึงเรื่องของการเปิดโอกาสให้คนใหม่ๆเข้ามาทำงาน ซึ่งครั้งนี้ค่อนข้างจะเปิดกว้าง และคาดว่าน่าจะผสมผสานกันระหว่างคนที่มีประสบการณ์และคนใหม่
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การเลือกตั้งจะมีขั้นตอนในการเลือกทีละตำแหน่ง เพราะฉะนั้นกรณีของโฆษกพรรคฯ จะต้องเป็นคนที่หัวหน้าพรรคเสนอชื่อจากกรรมการบริหารพรรค เพราะฉะนั้นจะบอกไม่ได้จนกว่าจะทราบว่าผลของการเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรคเป็นอย่างไร ตนเข้าใจว่านายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ก็อาจจะแข่งขันในตำแหน่งอื่นก่อนด้วย เพราะฉะนั้นก็ต้องดูผลตรงนั้นด้วย แต่ก็ได้คุยกับคุณองอาจเป็นการส่วนตัวแล้วว่า ถ้าคุณองอาจยังสนใจทำหน้าที่ในตำแหน่งเดิม ก็ไม่มีข้อขัดข้องอะไร ส่วนตำแหน่งกรรมการบริหารพรรค ก็จะมาจากการเลือกตั้ง ซึ่งไม่ได้มีข้อจำกัดว่าต้องเป็น ส.ส.เท่านั้น แต่ ส.ส. อาจมีความได้เปรียบ เพราะ ส.ส. จะเป็นผู้เลือก ร้อยละ 45 ของคะแนนทั้งหมด เพราะฉะนั้นก็อาจจะมีความคุ้นเคยกันมากกว่า แต่ไม่ได้จำกัด ซึ่งจะเปิดเต็มที่ ใครที่สนใจจะเข้ามา และมีผู้เสนอ มีผู้รับรอง มีผู้สนับสนุน ก็ได้ทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากได้ขึ้นสู่ตำแหน่งหัวหน้าพรรค จะรู้สึกว่าทำงานหนักกว่าคนอื่นหรือไม่ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ‘ผมว่าใครขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคก็งานหนักอยู่แล้ว เพราะเราทราบดีว่า หลังจากการเลือกตั้งวันที่ 6 ก.พ. 2548 ที่ผ่านมา ก็เป็นสถานการณ์ที่พรรคต้องทำงานหนักมาก ในการที่จะฟื้นฟูตัวเองขึ้นมา เพราะฉะนั้นความหนักหน่วงของงานมันชัดเจนอยู่แล้ว’ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าว
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 3 มี.ค. 2548--จบ--
-ดท-