1.อุตสาหกรรมอาหาร
“ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารการส่งออกลดลงเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท และการลดลงของอุปสงค์ในประเทศ สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารยังทรงตัวเป็นผลต่อเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ”
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวมส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 31.7 และเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงร้อยละ 6 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลงจากการแข็งค่าของเงินบาท เช่น กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 3.1 ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งลดลงร้อยละ 42.3 ส่วนสับปะรดกระป๋องลดลงร้อยละ 13.1 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 3.8 น้ำตาลทราย ร้อยละ 3.4 เนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลน มีเพียงปลาทูน่ากระป๋องที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 สำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ เช่น อาหารสัตว์ผลิตลดลงร้อยละ14.3 แต่สินค้าน้ำมันพืชกลับขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร แม้ว่าในภาพรวมมีการจำหน่ายลดลงประมาณร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากความกังวลในการบริโภคอาหารทะเลที่สืบเนื่องจากภัยธรณีพิบัติ-สึนามิ ส่งผลต่อความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ เช่น สุกร และไก่ ( มีปริมาณการผลิตลดลง จากผลกระทบไข้หวัดนก) เพิ่มขึ้น ประกอบกับใกล้เทศกาลตรุษจีน ระดับราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ
ภาวะการส่งออกโดยรวม มีมูลค่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 13.1 เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาท สินค้าที่ส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน คือ กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 24.9 สับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 4.1 และมันสำปะหลัง ร้อยละ 40 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากวัตถุดิบขาดแคลน อย่างไรก็ตามปลาทูน่ากระป๋องมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ไก่แปรรูป เครื่องเทศและสมุนไพร และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็สามารถส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อน
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกโดยรวมจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทั้งอาหารประเภทกระป๋อง แปรรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพรวมการส่งออกของไทยในระยะต่อไป
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
“ภาวะการผลิตของอุตสาหกรรมอาหารการส่งออกลดลงเนื่องจากการแข็งค่าของเงินบาท และการลดลงของอุปสงค์ในประเทศ สำหรับแนวโน้มการส่งออกอาหารยังทรงตัวเป็นผลต่อเนื่องจากค่าเงินบาทแข็งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ”
1. การผลิต
ภาวะการผลิตโดยรวมส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ร้อยละ 31.7 และเมื่อเทียบกับปีก่อนลดลงร้อยละ 6 โดยสินค้าอาหารที่ผลิตเพื่อส่งออกลดลงจากการแข็งค่าของเงินบาท เช่น กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 3.1 ไก่สดแช่เย็นแช่แข็งลดลงร้อยละ 42.3 ส่วนสับปะรดกระป๋องลดลงร้อยละ 13.1 ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ร้อยละ 3.8 น้ำตาลทราย ร้อยละ 3.4 เนื่องจากวัตถุดิบขาดแคลน มีเพียงปลาทูน่ากระป๋องที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.1 สำหรับสินค้าที่ผลิตเพื่อใช้ภายในประเทศ เช่น อาหารสัตว์ผลิตลดลงร้อยละ14.3 แต่สินค้าน้ำมันพืชกลับขยายตัวเพิ่มขึ้น ร้อยละ 10
2. การตลาด
1) ตลาดในประเทศ สินค้าอาหารและเกษตร แม้ว่าในภาพรวมมีการจำหน่ายลดลงประมาณร้อยละ 15 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนหนึ่งเป็นผลกระทบจากความกังวลในการบริโภคอาหารทะเลที่สืบเนื่องจากภัยธรณีพิบัติ-สึนามิ ส่งผลต่อความต้องการบริโภคเนื้อสัตว์ เช่น สุกร และไก่ ( มีปริมาณการผลิตลดลง จากผลกระทบไข้หวัดนก) เพิ่มขึ้น ประกอบกับใกล้เทศกาลตรุษจีน ระดับราคามีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้น
2) ตลาดต่างประเทศ
ภาวะการส่งออกโดยรวม มีมูลค่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 13.1 เป็นผลจากการแข็งค่าของเงินบาท สินค้าที่ส่งออกลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อน คือ กุ้งแช่เย็นแช่แข็ง ร้อยละ 24.9 สับปะรดกระป๋อง ร้อยละ 4.1 และมันสำปะหลัง ร้อยละ 40 โดยส่วนหนึ่งเป็นผลจากวัตถุดิบขาดแคลน อย่างไรก็ตามปลาทูน่ากระป๋องมีมูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 16 ไก่แปรรูป เครื่องเทศและสมุนไพร และบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ก็สามารถส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 10 เมื่อเทียบกับปีก่อน
3. แนวโน้ม
คาดว่าการผลิตและการส่งออกโดยรวมจะทรงตัวเมื่อเทียบกับเดือนก่อน ทั้งอาหารประเภทกระป๋อง แปรรูป และอาหารกึ่งสำเร็จรูป อย่างไรก็ตาม มีปัจจัยลบจากค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลต่อภาพรวมการส่งออกของไทยในระยะต่อไป
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-