ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนอีก 8 แห่ง สนับสนุนโครงการลดต้นทุนการผลิตอุตสาหกรรมขนาดกลาง-ขนาดย่อม (SMEs)
นายสุปรียา แสงอุดมเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธสน. เปิดเผยถึงการเข้าร่วมโครงการลดต้นทุน SMEs ว่า เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการและสร้างทัศนคติในการใช้พลังงานให้เกิดขึ้นในสังคมระยะยาวโดยมีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดทำโครงการนี้ขึ้นและได้เชิญชวนให้ ธสน. เข้าร่วมโครงการพร้อมกับอีก 6 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกล่าวต่ออีกว่าโครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการแนะนำการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ มอเตอร์ อุปกรณ์ควบคุมการใช้พลังงานในระบบแสงสว่าง ระบบทำความเย็น เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น เพื่อลดการใช้พ้ลังงานไฟฟ้าสิ้นเปลือง/สูญเปล่าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพต่ำ มูลค่าการลงทุนที่ให้แก่ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมทุกสาขา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมแต่ละรายสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ส่วนที่สองเป็นการสนับสนุนในการสร้างฐานการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีประหยัดพลังงานเพื่อทดแทนการนำเข้าและส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน มูลค่าการลงทุนที่ให้แก่ผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงานรายละไม่เกิน 50 ล้านบาท
สำหรับผู้ส่งออกในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่สนใจสามารถติดต่อได้โดยตรงที่ ธสน. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
--Exim News, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ปีที่ 5 ฉบับ 11 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2542--
นายสุปรียา แสงอุดมเลิศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธสน. เปิดเผยถึงการเข้าร่วมโครงการลดต้นทุน SMEs ว่า เพื่อเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลในเรื่องการใช้พลังงานอย่างประหยัดและมีประสิทธิภาพ ช่วยลดต้นทุนการผลิตของผู้ประกอบการและสร้างทัศนคติในการใช้พลังงานให้เกิดขึ้นในสังคมระยะยาวโดยมีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จัดทำโครงการนี้ขึ้นและได้เชิญชวนให้ ธสน. เข้าร่วมโครงการพร้อมกับอีก 6 หน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งประกอบด้วยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติกรมพัฒนาและส่งเสริมพลังงาน บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย บรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมขนาดย่อม ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการกล่าวต่ออีกว่าโครงการดังกล่าวแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกเป็นการแนะนำการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์ไฟฟ้า ได้แก่ มอเตอร์ อุปกรณ์ควบคุมการใช้พลังงานในระบบแสงสว่าง ระบบทำความเย็น เครื่องสูบน้ำ เป็นต้น เพื่อลดการใช้พ้ลังงานไฟฟ้าสิ้นเปลือง/สูญเปล่าจากอุปกรณ์ไฟฟ้าประสิทธิภาพต่ำ มูลค่าการลงทุนที่ให้แก่ผู้ประกอบการในกลุ่มอุตสาหกรรมทุกสาขา โดยเฉพาะอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมแต่ละรายสูงสุดไม่เกิน 5 ล้านบาท ส่วนที่สองเป็นการสนับสนุนในการสร้างฐานการผลิตอุปกรณ์เทคโนโลยีประหยัดพลังงานเพื่อทดแทนการนำเข้าและส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอาเซียน มูลค่าการลงทุนที่ให้แก่ผู้ผลิตและผู้แทนจำหน่ายอุปกรณ์ประหยัดพลังงานรายละไม่เกิน 50 ล้านบาท
สำหรับผู้ส่งออกในอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อมที่สนใจสามารถติดต่อได้โดยตรงที่ ธสน. ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
--Exim News, ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย, ปีที่ 5 ฉบับ 11 ประจำเดือนพฤศจิกายน 2542--