นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการดำเนินกิจกรรมการหาเสียงพรรคประชาธิปัตย์ในเขตกทม. ซึ่งระยะหลังมีการสำรวจความคิดเห็นของหลายแหล่งออกมาในทำนองว่าผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ อาจจะได้รับการเลือกตั้งเหมือนเคยคาดการไว้
ในส่วนของพรรคหประชาธิปัตย์นั้น ยืนยันว่า พรรครับฟังการนำเสนอการสำรวจความเห็นของทุกสำนัก และพรรคได้นำเอาผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ต่อผู้สมัคร และมีต่อพรรค มาประกอบการทำงาน อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่พบปะประชาชน ในช่วง 2 สัปดาห์ผ่านมาพบว่ามีการตอบรับของปราชน เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะหลังการ ‘รณรงค์เลือกให้ถึง 201’ ผลการตอบรับของประชาชนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ต่อคำถามที่ว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่รณรงค์หาเสียงที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล นายองอาจกล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาปัตย์ เห็นว่าการเป็นรัฐบาลบริหารประเทศนั้น หากได้ เกิน 250 เสียง ไม่มีกฎหมายใดจำกัดการทำงานในฐานที่เป็นรัฐบาล แต่หากได้รับเสียงไม่พอจัดตั้งรัฐบาล จะมีกฎหมายหลายข้อจำกัดข้อกำหนดไม่ให้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างสมบูรณ์ เช่นกรณีเสียงเกิน 100 เสียง จึงสามารถอภิปรายฯรัฐมนตรีได้ หรือต้องมีเสียงเกิน 125 เสียงขึ้นไป จึงสามารถยื่นถอดถอนรัฐมนตรีได้ หรือต้องมีเสียงเกิน 2 ใน 5 หรือ 200 เสียงขึ้นไปจึงสามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯได้ จะเห็นได้ว่าเงื่อนไขกฎหมายของบทบาทฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างกัน ดังนั้นในฐานะนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องเตรียมพร้อมทั้ง 2 ด้านไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-
ในส่วนของพรรคหประชาธิปัตย์นั้น ยืนยันว่า พรรครับฟังการนำเสนอการสำรวจความเห็นของทุกสำนัก และพรรคได้นำเอาผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่ต่อผู้สมัคร และมีต่อพรรค มาประกอบการทำงาน อย่างไรก็ดี จากการลงพื้นที่พบปะประชาชน ในช่วง 2 สัปดาห์ผ่านมาพบว่ามีการตอบรับของปราชน เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยเฉพาะหลังการ ‘รณรงค์เลือกให้ถึง 201’ ผลการตอบรับของประชาชนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเจน
ต่อคำถามที่ว่าทำไมพรรคประชาธิปัตย์ไม่รณรงค์หาเสียงที่จะเข้าไปเป็นรัฐบาล นายองอาจกล่าวว่า ในส่วนของพรรคประชาปัตย์ เห็นว่าการเป็นรัฐบาลบริหารประเทศนั้น หากได้ เกิน 250 เสียง ไม่มีกฎหมายใดจำกัดการทำงานในฐานที่เป็นรัฐบาล แต่หากได้รับเสียงไม่พอจัดตั้งรัฐบาล จะมีกฎหมายหลายข้อจำกัดข้อกำหนดไม่ให้ทำหน้าที่ในการตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างสมบูรณ์ เช่นกรณีเสียงเกิน 100 เสียง จึงสามารถอภิปรายฯรัฐมนตรีได้ หรือต้องมีเสียงเกิน 125 เสียงขึ้นไป จึงสามารถยื่นถอดถอนรัฐมนตรีได้ หรือต้องมีเสียงเกิน 2 ใน 5 หรือ 200 เสียงขึ้นไปจึงสามารถยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯได้ จะเห็นได้ว่าเงื่อนไขกฎหมายของบทบาทฝ่ายค้านและรัฐบาลต่างกัน ดังนั้นในฐานะนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์จึงต้องเตรียมพร้อมทั้ง 2 ด้านไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 24 ม.ค.2548--จบ--
-ดท-