ข่าวในประเทศ
1. ธปท.ปรับวิธีการควบคุมตรวจสอบสถาบันการเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า ธปท.จะปรับปรุงระบบการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) ตั้งแต่ต้นปี 44 เป็นต้นไป โดยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบในเรื่องความเสี่ยงต่างๆ 5 ด้าน คือ ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ, ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์, ความเสี่ยงด้านบริการการเงินและธุรกรรมต่างประเทศ, ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการและการควบคุมภายใน และความเสี่ยงทางด้านการบริหารสภาพคล่อง จากเดิมที่ให้ความสำคัญเรื่องการดำเนินงานให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของ ธปท.เท่านั้น ในส่วนของสายงานนโยบายการเงิน มีมาตรการปรับปรุงระบบการบริหารและควบคุมการดำเนินงานของ ธพ. โดยให้ความสำคัญกับบทบาทของคณะกรรมการธนาคาร การปล่อยกู้บุคคลใกล้ชิดและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนให้สถาบันการเงินปฏิบัติ และในอนาคต ธปท.จะเข้าไปกำกับดูแลบทบาทของคณะกรรมการอิสระที่มาจากภายนอกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวทางของธปท.ดังกล่าว จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารและ สถาบันการเงินไทยมีระบบการบริหารที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (วัฏจักร 20)
2. ธปท. สามารถคืนเงินกู้ไอเอ็มเอฟได้โดยไม่กระทบต่อทุนสำรองระหว่างประเทศ รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะชำระคืนเงินกู้ให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) งวดแรกเป็นเงิน 200 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นเงินจากผลกำไรของการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศ และกู้ยืมเงินจากตลาดเงินบางส่วน เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินอย่างแน่นอน เพราะตลาดได้รับรู้ข่าวเป็นเวลานานแล้ว รวมทั้งเป็นวงเงินไม่มากนัก ทั้งนี้ ฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดเมื่อ 10 พ.ย.43 มีจำนวน 32,400 ล.ดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากงวดวันที่ 3 พ.ย. แต่เพิ่มขึ้นจากงวดวันที่ 27 ต.ค.43 ที่มีจำนวน 32,000 ล.ดอลลาร์ สาเหตุที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนแปลงราคาสินทรัพย์ในต่างประเทศ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นว่าฐานะทุนสำรองฯ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะต้องชำระคืนให้ไอเอ็มเอฟก็ตาม สำหรับปี 44 จะทยอยจ่ายคืนไอเอ็มเอฟประมาณ 1,000-2,000 ล.ดอลลาร์ และเพิ่มมากขึ้นในปี 45 ทั้งนี้ ธปท.เชื่อมั่นว่าจะสามารถบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เดลินิวส์ 20)
3. ธปท.เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจชี้แจงต่อนักลงทุนที่อาจมีความกังวลในช่วงเปลี่ยนรัฐบาล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดเตรียมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ ชี้แจงต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่อาจมีความกังวลในช่วงเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยเฉพาะความต่อเนื่องของนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ สำหรับนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ นั้นถือว่ามีหลักการที่เหมือนกัน ซึ่งต้องพิจารณาในรายละเอียดของแต่ละพรรคว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร คงต้องรอให้ผลการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จก่อนจึงจะชัดเจน นอกจากนั้น ธปท.ยังเตรียมแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทด้วย (เดลินิวส์ ,แนวหน้า 18)
ข่าวต่างประเทศ
1. ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ45 ในเดือน ม.ค. 43 รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 43 สำนักงานวางแผนเศรษฐกิจ ( EPA) -ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ ที่ปรับตัวเลขแล้ว ลดลงอยู่ที่ระดับ 45 จากที่ระดับ 70 ในเดือน ส.ค. 43 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ดัชนีฯต่ำกว่าระดับ 50 นับแต่เดือน พ.ค. 43 ซึ่งชี้ถึงสัญญาณภาวะเศรษฐกิจที่จะหดตัวในเดือนหน้าต่อไป ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 Coincident index ลดลงอยู่ที่ระดับ 55.6 จากระดับ 88.9 ในเดือน ส.ค. 43 และ Lagging index ก็ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 33.3 จากระดับ 50 ในเดือน ส.ค. 43 (รอยเตอร์ 17)
2. การสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ของ สรอ. เพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 43 ก. พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 การสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เป็นจำนวน 1.532 ล.หลังต่อปี จากเดือน ก.ย. 43 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่การสร้างที่อยู่อาศัยสิ้นสุดการลดลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ลดลงติดต่อกัน 4 เดือน ขณะเดียวกัน คำขออนุญาตเพื่อการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ที่ปรับฤดูกาล ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 อยู่ที่จำนวน 1.537 ล. หลังต่อปี หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2ในเดือน ก.ย. 43 นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสูงเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ จากรายงานครั้งนี้ชี้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของ สรอ. ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะไม่ร้อนแรงเหมือนในช่วงปี 42 และต้นปี 43 แต่ตลาดที่อยู่อาศัยก็ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์ 17)
3. เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 17 พ.ย.43 สำนักวางแผนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (EPA) รายงานว่า ไตรมาสเดือน ก.ค.-ก.ย. 43 และไตรมาสเดือน ต.ค.-ธ.ค.43 เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 4.2 และ 10.3 ต่อปี ในไตรมาสเดือน เม.ย.-มิ.ย.43 และไตรมาสเดือน ม.ค.-มี.ค.43 ตามลำดับ โดย EPA คาดว่า การบริโภคส่วนบุคคลจะอ่อนตัวลงในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.43 แต่คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะกระเตื้องขึ้นมาใหม่หลังจากสิ้นปี 43 (รอยเตอร์ 17)
4. เยอรมนีตัดสินใจลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณลงเหลือ 43.7 พัน ล. มาร์กในปี 44 รายงานจากเบอร์ลินเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 43 รมว.คลังของเยอรมนี (Hans Eichel) กล่าวว่า เยอรมนีตัดสินใจลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 44 อยู่ที่มูลค่า 43.7 พัน ล. มาร์ก จากเป้าหมายเดิมที่มูลค่า 46.1 พัน ล. มาร์ก โดยเป้าหมายค่าใช้จ่ายโดยรวม ลดลงอยู่ที่มูลค่า 477.1 พัน ล. มาร์ก เทียบกับเป้าหมายขั้นต้นที่มูลค่า 478.7 พัน ล. มาร์ก ทั้งนี้ ก. คลังประมาณการว่า จะมีรายรับจากภาษีเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าถึง 1.5 พัน ล. มาร์ก เนื่องจากเศรษฐกิจของเยอรมนีขยายตัวเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์ 17)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 17พ.ย. 43 44.046 (43.799)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 17พ.ย. 43
ซื้อ 43.8256 (43.5615) ขาย 44.1379 (43.8748)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,500 (5,450) ขาย 5,600 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 29.79 (28.94)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.79 (16.79) ดีเซลหมุนเร็ว 14.74 (14.74)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. ธปท.ปรับวิธีการควบคุมตรวจสอบสถาบันการเงิน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า ธปท.จะปรับปรุงระบบการกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงินใหม่ทั้งหมด เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานของธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (บีไอเอส) ตั้งแต่ต้นปี 44 เป็นต้นไป โดยให้ความสำคัญกับการตรวจสอบในเรื่องความเสี่ยงต่างๆ 5 ด้าน คือ ความเสี่ยงด้านสินเชื่อ, ความเสี่ยงด้านกลยุทธ์, ความเสี่ยงด้านบริการการเงินและธุรกรรมต่างประเทศ, ความเสี่ยงด้านการปฏิบัติการและการควบคุมภายใน และความเสี่ยงทางด้านการบริหารสภาพคล่อง จากเดิมที่ให้ความสำคัญเรื่องการดำเนินงานให้ถูกต้องตามกฎระเบียบของ ธปท.เท่านั้น ในส่วนของสายงานนโยบายการเงิน มีมาตรการปรับปรุงระบบการบริหารและควบคุมการดำเนินงานของ ธพ. โดยให้ความสำคัญกับบทบาทของคณะกรรมการธนาคาร การปล่อยกู้บุคคลใกล้ชิดและแนวทางปฏิบัติที่ชัดเจนให้สถาบันการเงินปฏิบัติ และในอนาคต ธปท.จะเข้าไปกำกับดูแลบทบาทของคณะกรรมการอิสระที่มาจากภายนอกมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ เชื่อว่าแนวทางของธปท.ดังกล่าว จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธนาคารและ สถาบันการเงินไทยมีระบบการบริหารที่แข็งแกร่ง สามารถรองรับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต (วัฏจักร 20)
2. ธปท. สามารถคืนเงินกู้ไอเอ็มเอฟได้โดยไม่กระทบต่อทุนสำรองระหว่างประเทศ รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท.จะชำระคืนเงินกู้ให้แก่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) งวดแรกเป็นเงิน 200 ล.ดอลลาร์ สรอ. โดยเป็นเงินจากผลกำไรของการบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศ และกู้ยืมเงินจากตลาดเงินบางส่วน เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดเงินอย่างแน่นอน เพราะตลาดได้รับรู้ข่าวเป็นเวลานานแล้ว รวมทั้งเป็นวงเงินไม่มากนัก ทั้งนี้ ฐานะเงินทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดเมื่อ 10 พ.ย.43 มีจำนวน 32,400 ล.ดอลลาร์ ไม่เปลี่ยนแปลงจากงวดวันที่ 3 พ.ย. แต่เพิ่มขึ้นจากงวดวันที่ 27 ต.ค.43 ที่มีจำนวน 32,000 ล.ดอลลาร์ สาเหตุที่เพิ่มขึ้นส่วนใหญ่มาจากการเปลี่ยนแปลงราคาสินทรัพย์ในต่างประเทศ ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวจะเห็นว่าฐานะทุนสำรองฯ ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้จะต้องชำระคืนให้ไอเอ็มเอฟก็ตาม สำหรับปี 44 จะทยอยจ่ายคืนไอเอ็มเอฟประมาณ 1,000-2,000 ล.ดอลลาร์ และเพิ่มมากขึ้นในปี 45 ทั้งนี้ ธปท.เชื่อมั่นว่าจะสามารถบริหารทุนสำรองระหว่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ (เดลินิวส์ 20)
3. ธปท.เตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการดูแลภาพรวมเศรษฐกิจชี้แจงต่อนักลงทุนที่อาจมีความกังวลในช่วงเปลี่ยนรัฐบาล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.กล่าวว่า ขณะนี้ได้จัดเตรียมข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับการดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลภาพรวมเศรษฐกิจ ชี้แจงต่อนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ที่อาจมีความกังวลในช่วงเปลี่ยนแปลงรัฐบาล โดยเฉพาะความต่อเนื่องของนโยบายฟื้นฟูเศรษฐกิจ สำหรับนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ นั้นถือว่ามีหลักการที่เหมือนกัน ซึ่งต้องพิจารณาในรายละเอียดของแต่ละพรรคว่าจะฟื้นฟูเศรษฐกิจอย่างไร คงต้องรอให้ผลการจัดตั้งรัฐบาลแล้วเสร็จก่อนจึงจะชัดเจน นอกจากนั้น ธปท.ยังเตรียมแผนปฏิบัติการเพื่อรองรับสถานการณ์ต่างๆ ที่อาจส่งผลกระทบต่อค่าเงินบาทด้วย (เดลินิวส์ ,แนวหน้า 18)
ข่าวต่างประเทศ
1. ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นลดลงอยู่ที่ระดับร้อยละ45 ในเดือน ม.ค. 43 รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 43 สำนักงานวางแผนเศรษฐกิจ ( EPA) -ของญี่ปุ่น เปิดเผยว่า เดือน ก.ย. 43 ดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ ที่ปรับตัวเลขแล้ว ลดลงอยู่ที่ระดับ 45 จากที่ระดับ 70 ในเดือน ส.ค. 43 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ดัชนีฯต่ำกว่าระดับ 50 นับแต่เดือน พ.ค. 43 ซึ่งชี้ถึงสัญญาณภาวะเศรษฐกิจที่จะหดตัวในเดือนหน้าต่อไป ขณะเดียวกัน ในเดือน ก.ย. 43 Coincident index ลดลงอยู่ที่ระดับ 55.6 จากระดับ 88.9 ในเดือน ส.ค. 43 และ Lagging index ก็ปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 33.3 จากระดับ 50 ในเดือน ส.ค. 43 (รอยเตอร์ 17)
2. การสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ของ สรอ. เพิ่มขึ้นในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 43 ก. พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 การสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เป็นจำนวน 1.532 ล.หลังต่อปี จากเดือน ก.ย. 43 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ซึ่งเป็นเดือนแรกที่การสร้างที่อยู่อาศัยสิ้นสุดการลดลง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ลดลงติดต่อกัน 4 เดือน ขณะเดียวกัน คำขออนุญาตเพื่อการก่อสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ ที่ปรับฤดูกาล ก็เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.3 อยู่ที่จำนวน 1.537 ล. หลังต่อปี หลังจากที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.2ในเดือน ก.ย. 43 นับเป็นระดับสูงสุดในรอบ 6 เดือน และสูงเกินความคาดหมายของนักวิเคราะห์ จากรายงานครั้งนี้ชี้ว่า ตลาดที่อยู่อาศัยของ สรอ. ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะไม่ร้อนแรงเหมือนในช่วงปี 42 และต้นปี 43 แต่ตลาดที่อยู่อาศัยก็ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง (รอยเตอร์ 17)
3. เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลงในไตรมาสที่ 2 และ 3 ปี 43 รายงานจากโตเกียว เมื่อวันที่ 17 พ.ย.43 สำนักวางแผนเศรษฐกิจของญี่ปุ่น (EPA) รายงานว่า ไตรมาสเดือน ก.ค.-ก.ย. 43 และไตรมาสเดือน ต.ค.-ธ.ค.43 เศรษฐกิจญี่ปุ่นมีแนวโน้มขยายตัวชะลอลง หลังจากที่ขยายตัวร้อยละ 4.2 และ 10.3 ต่อปี ในไตรมาสเดือน เม.ย.-มิ.ย.43 และไตรมาสเดือน ม.ค.-มี.ค.43 ตามลำดับ โดย EPA คาดว่า การบริโภคส่วนบุคคลจะอ่อนตัวลงในช่วงเดือน ก.ค.-ก.ย.43 แต่คาดว่า เศรษฐกิจญี่ปุ่นจะกระเตื้องขึ้นมาใหม่หลังจากสิ้นปี 43 (รอยเตอร์ 17)
4. เยอรมนีตัดสินใจลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณลงเหลือ 43.7 พัน ล. มาร์กในปี 44 รายงานจากเบอร์ลินเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 43 รมว.คลังของเยอรมนี (Hans Eichel) กล่าวว่า เยอรมนีตัดสินใจลดเป้าหมายการขาดดุลงบประมาณในปี 44 อยู่ที่มูลค่า 43.7 พัน ล. มาร์ก จากเป้าหมายเดิมที่มูลค่า 46.1 พัน ล. มาร์ก โดยเป้าหมายค่าใช้จ่ายโดยรวม ลดลงอยู่ที่มูลค่า 477.1 พัน ล. มาร์ก เทียบกับเป้าหมายขั้นต้นที่มูลค่า 478.7 พัน ล. มาร์ก ทั้งนี้ ก. คลังประมาณการว่า จะมีรายรับจากภาษีเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าถึง 1.5 พัน ล. มาร์ก เนื่องจากเศรษฐกิจของเยอรมนีขยายตัวเพิ่มขึ้น (รอยเตอร์ 17)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 17พ.ย. 43 44.046 (43.799)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 17พ.ย. 43
ซื้อ 43.8256 (43.5615) ขาย 44.1379 (43.8748)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,500 (5,450) ขาย 5,600 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 29.79 (28.94)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 16.79 (16.79) ดีเซลหมุนเร็ว 14.74 (14.74)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-