ข่าวในประเทศ
1. เมอร์ริล ลินซ์ ภัทร คาดเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 3.5 ในปี 44 บล.เมอร์ริล ลินซ์ ภัทร เผยแพร่บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยฉบับล่าสุดว่า ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ปี 44 จากร้อยละ 4.2 เป็นร้อยละ 3.5 โดยพิจารณาจากแนวโน้มอุปสงค์ภายในประเทศที่ลดต่ำลงมาก และขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และคาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ สรอ. ในช่วงครึ่งแรกในปีนี้ ชะลอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การเติบโตของภาคส่งออก ซึ่งถือเป็นตัวผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่สำคัญตลอด 2 ปีที่ผ่านมาประสบปัญหา สำหรับภาวะเงินเฟ้อในปี 44 ว่าจะเท่ากับร้อยละ 2.4 จากร้อยละ 3.7 เงินเฟ้อพื้นฐานตลอดปี 44 จะอยู่ระหว่างร้อยละ 2-2.5 ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง ช่วยให้ ธปท.ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ 13)
2. ธปท.เปิดเผยยอดเอ็นพีแอลของระบบสถาบันการเงินและแนวทางแก้ไข ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน พ.ย.43 มีจำนวน 1.1 ล้านล้านบาท เมื่อรวมเอ็นพีแอลในบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) แล้ว จะเป็นเอ็นพีแอลที่ต้องแก้ไขทั้งสิ้น 1.7 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดคงค้างที่อยู่ในกระบวนการศาล 1.1 ล้านล้านบาท และที่ต้องประนอมหนี้อีก 6 แสน ล.บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หนี้ผู้บริโภคและหนี้ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีเอ็นพีแอลเพิ่มเข้ามาใหม่ในแต่ละเดือนอีกประมาณ 3 หมื่น ล.บาท แบ่งเป็นเอ็นพีแอลรายใหม่ 1 หมื่น ล.บาท และที่กลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่อีก 2 หมื่น ล.บาท ดังนั้นการแก้ไขเอ็นพีแอลจึงมิใช่เพียง 1.7 ล้านล้านบาท แต่ยังรวมถึงการหาแนวทางไม่ให้เพิ่มเข้ามาอีก 3 หมื่น ล.บาทต่อเดือนด้วย ซึ่งการลดลงของเอ็นพีแอลจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับนโยบายในการประนอมหนี้และภาวะเศรษฐกิจในประเทศโดยรวมว่าฟื้นตัวเพียงใด ปัญหาที่พบในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เอ็นพีแอลไม่ลดลงมากนัก เพราะหนี้เสียในระบบซับซ้อนและแก้ไขได้ยากขึ้น โดยการแก้ไขต้องทำทั้งการประนอมหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ (ไทยโพสต์ 15)
3. ธปท.กล่าวถึงประเด็นพิจารณาในการจัดตั้งเอเอ็มซีแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท. กล่าวถึงประเด็นที่ต้องพิจารณาในการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี)แห่งชาติว่า ประกอบด้วย 1. รูปแบบองค์กรและการบริหาร 2.การตั้งราคาสินทรัพย์ที่โอนไปยังเอเอ็มซี 3.การจัดการบริหารหนี้ที่โอนไปยังเอเอ็มซี และ 4.ประโยชน์ที่มีต่อประชาชน สำหรับผลดีจากการจัดตั้งเอเอ็มซีแห่งชาติ คือประโยชน์ในด้านต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำ เนื่องจากเป็นการบริหารสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่มาก ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้จากการประนอมหนี้ และการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเอเอ็มซีเป็นเจ้าหนี้เพียงรายเดียว สำหรับข้อจำกัดของการตั้งเอเอ็มซีแห่งชาติ คือ ความระมัดระวังในการบริหารจัดการเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากจำนวนสินทรัพย์มีขนาดใหญ่และลูกหนี้จำนวนมาก และการสร้างแรงจูงใจให้ ธพ.โอนสินทรัพย์ให้เอเอ็มซีแห่งชาติบริหาร (กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า 15)
ข่าวต่างประเทศ
1. ยอดการขายปลีกของ สรอ. เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ในเดือน ธ.ค. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 44 ก. พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ธ.ค. 43 การขายปลีกโดยรวม ที่ปรับฤดูกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 อยู่ที่มูลค่า 271.34 พัน ล. ดอลลาร์ เทียบกับตัวเลขที่ปรับแล้ว ลดลงร้อยละ 0.5 และ 0.1 ในเดือน พ.ย. และ ต.ค. 43 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ยอดการขายปลีกในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แม้ว่าเป็นช่วงการจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลคริส์ตมาส ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคกำลังระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ. ที่กำลังชะลอตัวลง โดยยอดการขายสินค้าของห้างสรรพสินค้า ในเดือน ธ.ค. 43 ลดลงร้อยละ 0.8 อยู่ที่มูลค่า 34 พัน ล. ดอลลาร์ หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.3 ในเดือน พ.ย. 43 (รอยเตอร์ 12)
2. ดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ. ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือน ธ.ค. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 44 ก. แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ธ.ค. 43 ดัชนีราคาผู้ผลิต ( PPI) โดยรวม ซึ่งใช้วัดเงินเฟ้อในระดับขายส่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน พ.ย. 43 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินลดลงอย่างมากซึ่งชดเชยกับต้นทุนรถยนต์ เสื้อผ้าสตรี รวมทั้งราคายา ล้วนมีราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ที่ผันผวน ดัชนีราคาพื้นฐาน (Core PPI ) ในเดือน ธ.ค. 43 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 สูงเกินกว่าที่เคยคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากรายงานครั้งนี้ ไม่ได้เพิ่มแรงกดดันต่อการที่จะป้องกัน ธ. กลางจากการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในช่วงปลายเดือน ม.ค. 44 ถึงแม้ว่า Core PPI เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม (รอยเตอร์ 12)
3. ราคาขายส่งของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 44 ธ.กลางของญี่ปุ่นรายงานว่า ปี 43 ราคาขายส่ง (WPI) ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากปี 42 ส่วนราคาขายส่ง ในเดือน ธ.ค. 43 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากเดือน พ.ย. 43 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงลดลง โดยในเดือน ธ.ค. 43 การให้สินเชื่อลดลงร้อยละ 3.8 เทียบต่อปี อยู่ที่มูลค่า 460.41 ล้านล้านเยน นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 36 นักวิเคราะห์จาก JP Morgan (Mariko Mentani) กล่าวว่า ราคาขายส่งของญี่ปุ่นกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินเยนที่อ่อนลง ซึ่งชดเชยกับผลกระทบด้านลบจากความต้องการของผู้บริโภคที่อ่อนแอ โดยในเดือน ธ.ค. 43 ค่าเงินเยนได้ลดลงถึงร้อยละ 4 ต่อดอลลาร์ และลดลงต่ำสุดในรอบ 17 เดือน อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 118 เยน เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ม.ค. 44 ขณะเดียวกัน หัวหน้านักเศรษฐศาตร์จาก Credit Suisse Frist Boston Securities (Yasushi Okada) กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังส่งผลให้ WPI ของญี่ปุ่นในปี 43 เพิ่มขึ้นด้วย (รอยเตอร์ 12)
4. ยอดการขายส่งของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ในเดือนพ.ย. 43 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 44 สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า เดือน พ.ย. 43 ยอดการขายส่งโดยรวมของเยอรมนี เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ตามราคาที่แท้จริง และเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 ตามราคาที่เป็นตัวเงิน ซึ่งชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 43 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 และ ร้อยละ 14 ตามลำดับ (รอยเตอร์ 12)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 12 ม.ค.44 43.503 (43.378)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 12 ม.ค. 44
ซื้อ 43.3270 (43.1430) ขาย 43.6256 (43.4457)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,400 (5,450) ขาย 5,500 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 22.82 (22.68)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.89 (15.59) ดีเซลหมุนเร็ว 13.64 (13.44)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. เมอร์ริล ลินซ์ ภัทร คาดเศรษฐกิจไทยเติบโตร้อยละ 3.5 ในปี 44 บล.เมอร์ริล ลินซ์ ภัทร เผยแพร่บทวิเคราะห์เศรษฐกิจไทยฉบับล่าสุดว่า ได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์อัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในประเทศ (จีดีพี) ปี 44 จากร้อยละ 4.2 เป็นร้อยละ 3.5 โดยพิจารณาจากแนวโน้มอุปสงค์ภายในประเทศที่ลดต่ำลงมาก และขยายตัวของเศรษฐกิจโลก และคาดว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจ สรอ. ในช่วงครึ่งแรกในปีนี้ ชะลอลงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้การเติบโตของภาคส่งออก ซึ่งถือเป็นตัวผลักดันการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่สำคัญตลอด 2 ปีที่ผ่านมาประสบปัญหา สำหรับภาวะเงินเฟ้อในปี 44 ว่าจะเท่ากับร้อยละ 2.4 จากร้อยละ 3.7 เงินเฟ้อพื้นฐานตลอดปี 44 จะอยู่ระหว่างร้อยละ 2-2.5 ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง ช่วยให้ ธปท.ยังคงใช้นโยบายผ่อนคลายการเงินต่อไป (กรุงเทพธุรกิจ 13)
2. ธปท.เปิดเผยยอดเอ็นพีแอลของระบบสถาบันการเงินและแนวทางแก้ไข ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ของระบบสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือน พ.ย.43 มีจำนวน 1.1 ล้านล้านบาท เมื่อรวมเอ็นพีแอลในบริษัทบริหารสินทรัพย์ (เอเอ็มซี) แล้ว จะเป็นเอ็นพีแอลที่ต้องแก้ไขทั้งสิ้น 1.7 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดคงค้างที่อยู่ในกระบวนการศาล 1.1 ล้านล้านบาท และที่ต้องประนอมหนี้อีก 6 แสน ล.บาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) หนี้ผู้บริโภคและหนี้ที่อยู่อาศัย นอกจากนี้ ยังมีเอ็นพีแอลเพิ่มเข้ามาใหม่ในแต่ละเดือนอีกประมาณ 3 หมื่น ล.บาท แบ่งเป็นเอ็นพีแอลรายใหม่ 1 หมื่น ล.บาท และที่กลับมาเป็นเอ็นพีแอลใหม่อีก 2 หมื่น ล.บาท ดังนั้นการแก้ไขเอ็นพีแอลจึงมิใช่เพียง 1.7 ล้านล้านบาท แต่ยังรวมถึงการหาแนวทางไม่ให้เพิ่มเข้ามาอีก 3 หมื่น ล.บาทต่อเดือนด้วย ซึ่งการลดลงของเอ็นพีแอลจะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับนโยบายในการประนอมหนี้และภาวะเศรษฐกิจในประเทศโดยรวมว่าฟื้นตัวเพียงใด ปัญหาที่พบในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา เอ็นพีแอลไม่ลดลงมากนัก เพราะหนี้เสียในระบบซับซ้อนและแก้ไขได้ยากขึ้น โดยการแก้ไขต้องทำทั้งการประนอมหนี้และปรับโครงสร้างหนี้ (ไทยโพสต์ 15)
3. ธปท.กล่าวถึงประเด็นพิจารณาในการจัดตั้งเอเอ็มซีแห่งชาติ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท. กล่าวถึงประเด็นที่ต้องพิจารณาในการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์(เอเอ็มซี)แห่งชาติว่า ประกอบด้วย 1. รูปแบบองค์กรและการบริหาร 2.การตั้งราคาสินทรัพย์ที่โอนไปยังเอเอ็มซี 3.การจัดการบริหารหนี้ที่โอนไปยังเอเอ็มซี และ 4.ประโยชน์ที่มีต่อประชาชน สำหรับผลดีจากการจัดตั้งเอเอ็มซีแห่งชาติ คือประโยชน์ในด้านต้นทุนการดำเนินการที่ต่ำ เนื่องจากเป็นการบริหารสินทรัพย์ที่มีขนาดใหญ่มาก ธุรกิจสามารถดำเนินต่อไปได้จากการประนอมหนี้ และการเจรจาปรับปรุงโครงสร้างหนี้ของลูกหนี้ทำได้ง่ายขึ้น เนื่องจากเอเอ็มซีเป็นเจ้าหนี้เพียงรายเดียว สำหรับข้อจำกัดของการตั้งเอเอ็มซีแห่งชาติ คือ ความระมัดระวังในการบริหารจัดการเพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจากจำนวนสินทรัพย์มีขนาดใหญ่และลูกหนี้จำนวนมาก และการสร้างแรงจูงใจให้ ธพ.โอนสินทรัพย์ให้เอเอ็มซีแห่งชาติบริหาร (กรุงเทพธุรกิจ, แนวหน้า 15)
ข่าวต่างประเทศ
1. ยอดการขายปลีกของ สรอ. เพิ่มขึ้นเพียงร้อยละ 0.1 ในเดือน ธ.ค. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 44 ก. พาณิชย์ สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ธ.ค. 43 การขายปลีกโดยรวม ที่ปรับฤดูกาล เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 อยู่ที่มูลค่า 271.34 พัน ล. ดอลลาร์ เทียบกับตัวเลขที่ปรับแล้ว ลดลงร้อยละ 0.5 และ 0.1 ในเดือน พ.ย. และ ต.ค. 43 ตามลำดับ ทั้งนี้ การที่ยอดการขายปลีกในเดือน ธ.ค. เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย แม้ว่าเป็นช่วงการจับจ่ายซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลคริส์ตมาส ชี้ให้เห็นว่าผู้บริโภคกำลังระมัดระวังการใช้จ่ายเงิน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจของ สรอ. ที่กำลังชะลอตัวลง โดยยอดการขายสินค้าของห้างสรรพสินค้า ในเดือน ธ.ค. 43 ลดลงร้อยละ 0.8 อยู่ที่มูลค่า 34 พัน ล. ดอลลาร์ หลังจากที่ลดลงร้อยละ 0.3 ในเดือน พ.ย. 43 (รอยเตอร์ 12)
2. ดัชนีราคาผู้ผลิตของ สรอ. ไม่เปลี่ยนแปลงในเดือน ธ.ค. 43 รายงานจากวอชิงตันเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 44 ก. แรงงาน สรอ. เปิดเผยว่า เดือน ธ.ค. 43 ดัชนีราคาผู้ผลิต ( PPI) โดยรวม ซึ่งใช้วัดเงินเฟ้อในระดับขายส่งไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน พ.ย. 43 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินลดลงอย่างมากซึ่งชดเชยกับต้นทุนรถยนต์ เสื้อผ้าสตรี รวมทั้งราคายา ล้วนมีราคาเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน ที่ผันผวน ดัชนีราคาพื้นฐาน (Core PPI ) ในเดือน ธ.ค. 43 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.3 สูงเกินกว่าที่เคยคาดไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากรายงานครั้งนี้ ไม่ได้เพิ่มแรงกดดันต่อการที่จะป้องกัน ธ. กลางจากการลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมในช่วงปลายเดือน ม.ค. 44 ถึงแม้ว่า Core PPI เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ก็ตาม (รอยเตอร์ 12)
3. ราคาขายส่งของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี รายงานจากโตเกียวเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 44 ธ.กลางของญี่ปุ่นรายงานว่า ปี 43 ราคาขายส่ง (WPI) ของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี โดยเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากปี 42 ส่วนราคาขายส่ง ในเดือน ธ.ค. 43 เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.1 จากเดือน พ.ย. 43 ซึ่งเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน แต่การปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ยังคงลดลง โดยในเดือน ธ.ค. 43 การให้สินเชื่อลดลงร้อยละ 3.8 เทียบต่อปี อยู่ที่มูลค่า 460.41 ล้านล้านเยน นับเป็นการลดลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 36 นักวิเคราะห์จาก JP Morgan (Mariko Mentani) กล่าวว่า ราคาขายส่งของญี่ปุ่นกำลังอยู่ภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินเยนที่อ่อนลง ซึ่งชดเชยกับผลกระทบด้านลบจากความต้องการของผู้บริโภคที่อ่อนแอ โดยในเดือน ธ.ค. 43 ค่าเงินเยนได้ลดลงถึงร้อยละ 4 ต่อดอลลาร์ และลดลงต่ำสุดในรอบ 17 เดือน อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 118 เยน เมื่อวันศุกร์ที่ 12 ม.ค. 44 ขณะเดียวกัน หัวหน้านักเศรษฐศาตร์จาก Credit Suisse Frist Boston Securities (Yasushi Okada) กล่าวว่า ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นยังส่งผลให้ WPI ของญี่ปุ่นในปี 43 เพิ่มขึ้นด้วย (รอยเตอร์ 12)
4. ยอดการขายส่งของเยอรมนีเพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ในเดือนพ.ย. 43 รายงานจากแฟรงก์เฟิร์ตเมื่อวันที่ 12 ม.ค. 44 สำนักงานสถิติแห่งชาติ เปิดเผยว่า เดือน พ.ย. 43 ยอดการขายส่งโดยรวมของเยอรมนี เพิ่มขึ้นร้อยละ 4.6 ตามราคาที่แท้จริง และเพิ่มขึ้นร้อยละ 11.6 ตามราคาที่เป็นตัวเงิน ซึ่งชะลอลงเมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. 43 ที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.2 และ ร้อยละ 14 ตามลำดับ (รอยเตอร์ 12)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์ สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 12 ม.ค.44 43.503 (43.378)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 12 ม.ค. 44
ซื้อ 43.3270 (43.1430) ขาย 43.6256 (43.4457)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,400 (5,450) ขาย 5,500 (5,550)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 22.82 (22.68)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 15.89 (15.59) ดีเซลหมุนเร็ว 13.64 (13.44)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-