23/11/44 นายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับตัวแทนพาณิชย์จังหวัด 20 จังหวัด และตัวแทนโรงสีข้าวในพื้นที่ภาคกลางและภาคอีสานบางส่วนเพื่อหารือเกี่ยวกับความคืบหน้าในการรับจำนำข้าวว่า หลังจากการเจรจาหารือเรื่องต่างๆ กันแล้ว ทุกฝ่ายที่มาประชุมมีความเข้าใจและพอใจ เกี่ยวกับการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวชัดเจนยิ่งขึ้น โดยมีจำนวนโรงสีเข้าร่วมโครงการเพิ่มจาก 650 แห่งเป็น 800 แห่ง ดังนั้น ขณะนี้สถานที่รับจำนำข้าวจึงได้เพิ่มขึ้นอีกหลายจุดทั่วประเทศแล้ว
ส่วนการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารสำหรับข้าวที่รับจำนำไว้นั้น จะมีการสั่งให้ดำเนินการตามความเหมาะสม โดยจะสั่งแปรสภาพข้าว 40% ของปริมาณข้าวที่สต็อกไว้ ซึ่งอาจจะดำเนินการเป็นรายวัน หรือราย 2 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจังหวัดเป็นผู้พิจารณา
“รัฐบาลได้ดำเนินการเร่งระบายข้าวที่ค้างสต็อกมาโดยตลอด แต่จะขึ้นอยู่กับกระบวนการของตลาดข้าวภายในประเทศด้วย ขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวได้ปรับตัวสูงขึ้น ภายหลังจากที่ไทยได้ติดต่อค้าข้าวร่วมกับปากีสถาน พม่า และเวียดนาม จึงทำให้การค้าข้าวไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยราคาขณะนี้อยู่ที่ตันละ 170 ดอลลาร์
ในส่วนของราคาข้าวมั่นใจว่า ราคาจะไม่ตกอย่างแน่นอน เนื่องจากราคาข้าว 25 % ขยับเพิ่มขึ้นมาอีก 10 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการแก้ปัญหาราคาข้าวนั้นต้องทำทั้งกระบวนการ โดยยกระดับราคาจากภายในประเทศจนทำให้ราคาส่งออกมีราคาดีขึ้น ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เข้ามาดำเนินการในส่วนนี้แล้ว โดยจะทำการบริหารให้เกิดความสมดุลในการค้าข้าวและมีเป้าหมายให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้น 1 เท่าตัวในระยะยาว เนื่องจากที่ผ่านมาในระบบการค้าข้าวมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 1 แสนล้านบาท แต่ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม เช่น ผู้ส่งออก โรงสี แต่เกษตรกรที่มีส่วนแบ่งในเงินนี้จะมีน้อยที่สุด
และในช่วงที่ผ่านมาการทำงานของรัฐบาลไม่ได้สร้างอำนาจต่อรองหรือสร้างราคาให้กับกลุ่มเกษตรกรชาวนา โดยเฉพาะโครงการต่างๆที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เช่น ข้าว ซึ่งไม่เคยมีใครคำนึงถึงราคาที่เกษตรกรขายได้คนกลุ่มนี้จึงถูกละเลย จากนี้ไปทุกฝ่ายต้องแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่ายมีกำไรเท่าๆกัน จึงอาจจะมีผลกระทบกับบางฝ่ายบ้างแต่ก็ต้องทำ เพราะเป็นนโยบาย”
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ธันวาคม 2544--
-ปส-
ส่วนการแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารสำหรับข้าวที่รับจำนำไว้นั้น จะมีการสั่งให้ดำเนินการตามความเหมาะสม โดยจะสั่งแปรสภาพข้าว 40% ของปริมาณข้าวที่สต็อกไว้ ซึ่งอาจจะดำเนินการเป็นรายวัน หรือราย 2 วัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการจังหวัดเป็นผู้พิจารณา
“รัฐบาลได้ดำเนินการเร่งระบายข้าวที่ค้างสต็อกมาโดยตลอด แต่จะขึ้นอยู่กับกระบวนการของตลาดข้าวภายในประเทศด้วย ขณะนี้สถานการณ์ราคาข้าวได้ปรับตัวสูงขึ้น ภายหลังจากที่ไทยได้ติดต่อค้าข้าวร่วมกับปากีสถาน พม่า และเวียดนาม จึงทำให้การค้าข้าวไทยมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยราคาขณะนี้อยู่ที่ตันละ 170 ดอลลาร์
ในส่วนของราคาข้าวมั่นใจว่า ราคาจะไม่ตกอย่างแน่นอน เนื่องจากราคาข้าว 25 % ขยับเพิ่มขึ้นมาอีก 10 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งการแก้ปัญหาราคาข้าวนั้นต้องทำทั้งกระบวนการ โดยยกระดับราคาจากภายในประเทศจนทำให้ราคาส่งออกมีราคาดีขึ้น ซึ่งขณะนี้รัฐบาลได้เข้ามาดำเนินการในส่วนนี้แล้ว โดยจะทำการบริหารให้เกิดความสมดุลในการค้าข้าวและมีเป้าหมายให้ราคาข้าวเพิ่มสูงขึ้น 1 เท่าตัวในระยะยาว เนื่องจากที่ผ่านมาในระบบการค้าข้าวมีมูลค่าตลาดสูงกว่า 1 แสนล้านบาท แต่ผลประโยชน์ตกอยู่กับคนไม่กี่กลุ่ม เช่น ผู้ส่งออก โรงสี แต่เกษตรกรที่มีส่วนแบ่งในเงินนี้จะมีน้อยที่สุด
และในช่วงที่ผ่านมาการทำงานของรัฐบาลไม่ได้สร้างอำนาจต่อรองหรือสร้างราคาให้กับกลุ่มเกษตรกรชาวนา โดยเฉพาะโครงการต่างๆที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ เช่น ข้าว ซึ่งไม่เคยมีใครคำนึงถึงราคาที่เกษตรกรขายได้คนกลุ่มนี้จึงถูกละเลย จากนี้ไปทุกฝ่ายต้องแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่ายมีกำไรเท่าๆกัน จึงอาจจะมีผลกระทบกับบางฝ่ายบ้างแต่ก็ต้องทำ เพราะเป็นนโยบาย”
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ ธันวาคม 2544--
-ปส-