6 เดือนแรกปี 44 ไทยส่งออกข้าวเพิ่มขึ้น 12.4 % ทั้งที่ข้าวนาปี-นาปรัง ยังมีปริมาณมากอยู่ ทั้งนี้เพราะรัฐขายข้าวแบบ G to G ให้ต่างประเทศได้ถึง 2.5 แสนตัน รวมทั้งกำลังเจรจาขายแบบค้าต่างตอบแทนด้วย
นายการุณ กิตติสถาพร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าจากการที่กรมการค้าต่างประเทศได้รับมอบหมายจาก คณะกรรมการนโยบายข้าว(กนข.) ให้ดำเนินการเร่งรัดการส่งออกข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(G to G)โดยไม่จำกัดปริมาณ เนื่องจากสภาวะปริมาณข้าวคงเหลือในสต๊อกของโลกมีค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันในตลาดโลกก็มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ผลผลิตข้าวนาปีปริมาณก็ได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วยและข้าวนาปรังก็ยังมีผลผลิตในปริมาณมากเช่นกัน แต่ความต้องการบริโภคข้าวโดยรวมของโลกกลับลดลง โดยเฉพาะผู้บริโภครายใหญ่อย่างอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งไนจีเรียซึ่งเป็นผู้บริโภคข้าวรายใหญ่ในทวีปแอฟริกา ได้ขึ้นภาษีนำเข้าข้าวเมื่อช่วงต้นปีนี้
นายการุณ กล่าวต่อไปว่าจากเหตุปัจจัยหลายๆด้านดังกล่าวอาจจะทำให้แนวโน้มการส่งออกข้าวของไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ กรมการค้าต่างประเทศซึ่งได้รับมอบหมายจาก กนข. จึงได้พยายามหาวิธีการเพื่อผลักดันการส่งออกข้าวทุกวิถีทาง เพื่อระบายข้าวออกต่างประเทศ และเป็นการช่วยยกระดับราคาข้าวภายในประเทศอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะข้าวนาปรังที่ทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ลงนามขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์จำนวน 150,000 ตัน(ส่งมอบหมดแล้ว) และขายให้รัฐบาลอิหร่านอีกจำนวน 100,000 ตัน โดยจะทำการส่งมอบในเดือนกรกฎาคมนี้จำนวน 48,000 ตัน
นายการุณ กล่าวเพิ่มเติมว่าการขายข้าวได้ในแบบ G to G ให้กับรัฐบาลต่างประเทศ กระตุ้นให้ตลาดภายในประเทศมีการเคลื่อนไหวในเชิงบวก ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2544 (ม.ค.-มิ.ย.)ไทยได้ส่งออกข้าวแล้วจำนวน 3.17 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 3.5 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 นอกจากนี้ก็กำลังเจรจาขายข้าวแบบ G to G เพิ่มเติมอีก รวมทั้งการเจรจาการค้าต่างตอบแทนแลกข้าวกับโครงการลงทุนจากต่างประเทศ การลงนามในบันทึกความร่วมมือการค้าข้าวกับเกาหลีเหนือเกี่ยวกับหนี้ค้างชำระและการซื้อขายข้าวเพิ่มเติม การลงนามในบันทึกความร่วมมือเรื่องข้าวกับเวียดนาม และการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
--กรมการค้าต่างประเทศ กรกฎาคม 2544--
-อน-
นายการุณ กิตติสถาพร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่าจากการที่กรมการค้าต่างประเทศได้รับมอบหมายจาก คณะกรรมการนโยบายข้าว(กนข.) ให้ดำเนินการเร่งรัดการส่งออกข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(G to G)โดยไม่จำกัดปริมาณ เนื่องจากสภาวะปริมาณข้าวคงเหลือในสต๊อกของโลกมีค่อนข้างสูง ขณะเดียวกันในตลาดโลกก็มีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ผลผลิตข้าวนาปีปริมาณก็ได้เพิ่มขึ้นจากปีก่อนด้วยและข้าวนาปรังก็ยังมีผลผลิตในปริมาณมากเช่นกัน แต่ความต้องการบริโภคข้าวโดยรวมของโลกกลับลดลง โดยเฉพาะผู้บริโภครายใหญ่อย่างอินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ รวมทั้งไนจีเรียซึ่งเป็นผู้บริโภคข้าวรายใหญ่ในทวีปแอฟริกา ได้ขึ้นภาษีนำเข้าข้าวเมื่อช่วงต้นปีนี้
นายการุณ กล่าวต่อไปว่าจากเหตุปัจจัยหลายๆด้านดังกล่าวอาจจะทำให้แนวโน้มการส่งออกข้าวของไทยไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ กรมการค้าต่างประเทศซึ่งได้รับมอบหมายจาก กนข. จึงได้พยายามหาวิธีการเพื่อผลักดันการส่งออกข้าวทุกวิถีทาง เพื่อระบายข้าวออกต่างประเทศ และเป็นการช่วยยกระดับราคาข้าวภายในประเทศอีกทางหนึ่ง โดยเฉพาะข้าวนาปรังที่ทยอยออกสู่ตลาดตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นมา ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาก็ได้ลงนามขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์จำนวน 150,000 ตัน(ส่งมอบหมดแล้ว) และขายให้รัฐบาลอิหร่านอีกจำนวน 100,000 ตัน โดยจะทำการส่งมอบในเดือนกรกฎาคมนี้จำนวน 48,000 ตัน
นายการุณ กล่าวเพิ่มเติมว่าการขายข้าวได้ในแบบ G to G ให้กับรัฐบาลต่างประเทศ กระตุ้นให้ตลาดภายในประเทศมีการเคลื่อนไหวในเชิงบวก ทำให้ในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2544 (ม.ค.-มิ.ย.)ไทยได้ส่งออกข้าวแล้วจำนวน 3.17 ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 3.5 แสนตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 12.4 นอกจากนี้ก็กำลังเจรจาขายข้าวแบบ G to G เพิ่มเติมอีก รวมทั้งการเจรจาการค้าต่างตอบแทนแลกข้าวกับโครงการลงทุนจากต่างประเทศ การลงนามในบันทึกความร่วมมือการค้าข้าวกับเกาหลีเหนือเกี่ยวกับหนี้ค้างชำระและการซื้อขายข้าวเพิ่มเติม การลงนามในบันทึกความร่วมมือเรื่องข้าวกับเวียดนาม และการประชาสัมพันธ์ข้าวหอมมะลิทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง
--กรมการค้าต่างประเทศ กรกฎาคม 2544--
-อน-