นายการุณ กิตติสถาพร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันสำปะหลัง ได้มีมติเมื่อการประชุมครั้งที่ 4/2544 วันที่ 4 พฤษภาคม 2544 ให้ระบายผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังออกสู่ตลาดต่างประเทศ โดยให้เจรจาจำหน่ายแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ และผู้ส่งออกไทยที่มีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ โดยมอบหมายให้กรมการค้าต่างประเทศและองค์การคลังสินค้า (อคส.) ดำเนินการเจรจา
กรมการค้าต่างประเทศ และองค์การคลังสินค้า จึงได้มีการระบายมันสำปะหลังเส้นตามที่รับจำนำไว้ตามโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปี 2543/44 โดยมีเงื่อนไขตามมติของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันฯ ดังนั้นจึงได้กำหนดเงื่อนไขซึ่งประกอบด้วย
ต้องเป็นนิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนขอใบรับรองการส่งออก สนอราคาเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ FOB เกาะสีชัง/ศรีราชา หักค่าใช้จ่ายจากโกดังถึงเรือใหญ่ เป็นเงินบาท แสดงเอกสารคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ หากไม่ดำเนินการส่งออกภายในกำหนดจะต้องชำระค่าปรับในอัตราร้อยละ 25 ของมูลค่ามันสำปะหลังเส้นหรือเม็ดที่ยังไม่ดำเนินการส่งออก
โดย อคส. แจ้งเงื่อนไขผ่านสมาคมที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังทุกสมาคมและกรมการค้าต่างประเทศแจ้งผู้นำเข้าในต่างประเทศเพื่อความโปร่งใส ทั้งสองหน่วยงานจึงจัดประชุมชี้แจงรายละเอียดการเสนอราคาแก่ผู้สนใจ และให้มีการจับสลากลำดับการเจรจาในวันถัดไป
ในการเจรจาทั้งสองหน่วยงาน ได้ขอให้ผู้เสนอราคาแสดงหลักฐานการสั่งซื้อและระบุราคาที่เสนอซื้อเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ FOB เกาะสีชัง/ศรีราชา หักค่าใช้จ่ายจากโกดังที่จัดเก็บสินค้าไปถึงเรือใหญ่เป็นเงินบาท และทอนเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเจรจาเป็นลายลักษณ์อักษร
หลังการเจรจาเสร็จสิ้น ได้เสนอรายชื่อผู้เสนอราคาสูงสุดในแต่ละโกดังต่อประธานคณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งประธานเห็นว่าราคา ณ หน้าโกดังไม่ควรต่ำกว่า 47 เหรียญสหรัฐฯ รวม 66 โกดัง รวมปริมาณประมาณ 656,500 ตัน องค์การคลังสินค้าจึงได้ลงนามในสัญญากับผู้เสนอราคาเหล่านั้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2544 ซึ่งประกอบด้วยผู้ซื้อในต่างประเทศ 2 ราย ผู้ส่งออกไทย 13 ราย รวมมูลค่าประมาณ 1,483.80 ล้านบาท เฉลี่ย ณ หน้าโกดังตันละ 2,260 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาท้องตลาดในขณะนั้น ซึ่งอยู่ที่ตันละ 1,850 บาท สำหรับรายที่เสนอราคาต่ำกว่า 47 เหรียญสหรัฐฯ ประธานคณะกรรมการนโยบายฯ ได้ขอให้ทั้งสองหน่วยงานไปเจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคาสูงสุดในแต่ละโกดังที่ไม่ถึงราคาดังกล่าวให้เพิ่มราคาให้สูงขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์กับรัฐฯ ทั้งนี้ หากผู้เสนอราคาสูงสุดไม่สามารถเพิ่มราคาให้สูงขึ้นตามเป้าหมายได้ให้เรียกผู้เสนอราคาลำดับถัดไปมาต่อรอง
ผลการเจรจาต่อรองปรากฏว่าเกือบทุกรายยอมให้ราคาสูงขึ้นตามเป้าหมาย ยกเว้น 1 ราย ที่เห็นว่าไม่สามารถเพิ่มราคาสูงขึ้นตามเป้าหมายได้ คณะทำงานจึงได้เชิญผู้เสนอราคาลำดับถัดไปมาเจรจา ซึ่งผู้เสนอราคาลำดับถัดไปพร้อมที่จะให้ราคาสูงขึ้น หลังจากนั้นคณะทำงานได้นำผลการเจรจาเสนอต่อประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันสำปะหลังพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ดังนั้นในวันที่ 15 มิถุนายน 2544 จะมีการลงนามในสัญญาซื้อ — ขายมันสำปะหลังเส้น ระหว่างองค์การคลังสินค้ากับผู้นำเข้าในต่างประเทศและผู้ส่งออกไทย ซึ่งคาดว่าจะมาลงนามทั้งหมดรวม 15 ราย รวมปริมาณมันสำปะหลังเส้นจำนวนประมาณ 354,000 ตัน มูลค่า ณ หน้าโกดังรวม 15.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เฉลี่ยตันละ 47.23 เหรียญสหรัฐฯ
--กรมการค้าต่างประเทศ มิถุนายน 2544--
-อน-
กรมการค้าต่างประเทศ และองค์การคลังสินค้า จึงได้มีการระบายมันสำปะหลังเส้นตามที่รับจำนำไว้ตามโครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปี 2543/44 โดยมีเงื่อนไขตามมติของคณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันฯ ดังนั้นจึงได้กำหนดเงื่อนไขซึ่งประกอบด้วย
ต้องเป็นนิติบุคคลที่ขึ้นทะเบียนขอใบรับรองการส่งออก สนอราคาเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ FOB เกาะสีชัง/ศรีราชา หักค่าใช้จ่ายจากโกดังถึงเรือใหญ่ เป็นเงินบาท แสดงเอกสารคำสั่งซื้อจากต่างประเทศ หากไม่ดำเนินการส่งออกภายในกำหนดจะต้องชำระค่าปรับในอัตราร้อยละ 25 ของมูลค่ามันสำปะหลังเส้นหรือเม็ดที่ยังไม่ดำเนินการส่งออก
โดย อคส. แจ้งเงื่อนไขผ่านสมาคมที่เกี่ยวข้องกับมันสำปะหลังทุกสมาคมและกรมการค้าต่างประเทศแจ้งผู้นำเข้าในต่างประเทศเพื่อความโปร่งใส ทั้งสองหน่วยงานจึงจัดประชุมชี้แจงรายละเอียดการเสนอราคาแก่ผู้สนใจ และให้มีการจับสลากลำดับการเจรจาในวันถัดไป
ในการเจรจาทั้งสองหน่วยงาน ได้ขอให้ผู้เสนอราคาแสดงหลักฐานการสั่งซื้อและระบุราคาที่เสนอซื้อเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ FOB เกาะสีชัง/ศรีราชา หักค่าใช้จ่ายจากโกดังที่จัดเก็บสินค้าไปถึงเรือใหญ่เป็นเงินบาท และทอนเป็นเงินเหรียญสหรัฐฯ ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันเจรจาเป็นลายลักษณ์อักษร
หลังการเจรจาเสร็จสิ้น ได้เสนอรายชื่อผู้เสนอราคาสูงสุดในแต่ละโกดังต่อประธานคณะกรรมการนโยบายฯ ซึ่งประธานเห็นว่าราคา ณ หน้าโกดังไม่ควรต่ำกว่า 47 เหรียญสหรัฐฯ รวม 66 โกดัง รวมปริมาณประมาณ 656,500 ตัน องค์การคลังสินค้าจึงได้ลงนามในสัญญากับผู้เสนอราคาเหล่านั้นเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2544 ซึ่งประกอบด้วยผู้ซื้อในต่างประเทศ 2 ราย ผู้ส่งออกไทย 13 ราย รวมมูลค่าประมาณ 1,483.80 ล้านบาท เฉลี่ย ณ หน้าโกดังตันละ 2,260 บาท ซึ่งสูงกว่าราคาท้องตลาดในขณะนั้น ซึ่งอยู่ที่ตันละ 1,850 บาท สำหรับรายที่เสนอราคาต่ำกว่า 47 เหรียญสหรัฐฯ ประธานคณะกรรมการนโยบายฯ ได้ขอให้ทั้งสองหน่วยงานไปเจรจาต่อรองกับผู้เสนอราคาสูงสุดในแต่ละโกดังที่ไม่ถึงราคาดังกล่าวให้เพิ่มราคาให้สูงขึ้น เพื่อเป็นประโยชน์กับรัฐฯ ทั้งนี้ หากผู้เสนอราคาสูงสุดไม่สามารถเพิ่มราคาให้สูงขึ้นตามเป้าหมายได้ให้เรียกผู้เสนอราคาลำดับถัดไปมาต่อรอง
ผลการเจรจาต่อรองปรากฏว่าเกือบทุกรายยอมให้ราคาสูงขึ้นตามเป้าหมาย ยกเว้น 1 ราย ที่เห็นว่าไม่สามารถเพิ่มราคาสูงขึ้นตามเป้าหมายได้ คณะทำงานจึงได้เชิญผู้เสนอราคาลำดับถัดไปมาเจรจา ซึ่งผู้เสนอราคาลำดับถัดไปพร้อมที่จะให้ราคาสูงขึ้น หลังจากนั้นคณะทำงานได้นำผลการเจรจาเสนอต่อประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการมันสำปะหลังพิจารณาให้ความเห็นชอบอีกครั้ง ดังนั้นในวันที่ 15 มิถุนายน 2544 จะมีการลงนามในสัญญาซื้อ — ขายมันสำปะหลังเส้น ระหว่างองค์การคลังสินค้ากับผู้นำเข้าในต่างประเทศและผู้ส่งออกไทย ซึ่งคาดว่าจะมาลงนามทั้งหมดรวม 15 ราย รวมปริมาณมันสำปะหลังเส้นจำนวนประมาณ 354,000 ตัน มูลค่า ณ หน้าโกดังรวม 15.60 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เฉลี่ยตันละ 47.23 เหรียญสหรัฐฯ
--กรมการค้าต่างประเทศ มิถุนายน 2544--
-อน-