กรุงเทพฯ--8 พ.ค.--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
นายศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และ สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เพื่อพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติงาน ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจตามที่ผู้นำอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2542 ณ กรุงมะนิลา ได้มอบหมายในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่ประชุมได้ย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม การค้าการลงทุน และอื่นๆ ระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งมีการพึ่งพากันทางเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้ง ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ และการพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จของการ ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ จะมีบทบาทสำคัญเป็นศูนย์กลางความเจริญเติบโตแห่งหนึ่งของโลก และขอบคุณญี่ปุ่นที่จะช่วยผลักดันผลประโยชน์ของอาเซียนในการประชุมสุดยอด G8 ในเดือนกรกฎาคม 2543 ณ เกาะโอกินนาวา ที่ประชุมได้ตกลงแนวทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและแผนปฏิบัติงานในสาขา ต่างๆ สรุปได้ดังนี้
1. เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการค้าการลงทุน และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เช่น ร่วมกันขจัด อุปสรรคการค้าด้านมาตรการมิใช่ภาษี โดยเฉพาะสินค้าเกษตรอย่างจริงจัง
2. สนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยพัฒนาความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี
3. การพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง โดยขอให้จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลีให้ความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มน้ำโขง เพื่อลดช่องว่าง ระดับการพัฒนาของประเทศสมาชิกอาเซียนในการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาค
4. เพิ่มความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอาเซียน โดยเฉพาะให้ความช่วยเหลือ ประเทศสมาชิกใหม่
5. สนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจมากขึ้น โดยผ่านโครงการเครือข่ายต่างๆ เช่น คณะมนตรีการค้าเอเชียตะวันออก (East Asia Business Council) และเวทีธุรกิจอุตสาหกรรม เฉพาะด้าน (Industry-Specific Business Fora)
6. ส่งเสริมความร่วมมือด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว เช่น จัดตั้งโครงการสำรอง อาหารเพื่อความมั่นคงในเอเชียตะวันออก
7. เสริมสร้างความแข็งแกร่งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น สร้างเครือข่ายศูนย์พัฒนา SME ของอาเซียนกับ จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ผู้เชี่ยวชาญและการฝึกอบรม
8. ความร่วมมือกันในด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น ส่งเสริมการแลกเปลี่ยน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับเทคโนโลยีขั้นสูง
9. ประสานความร่วมมือด้านต่างๆ ในเวทีการประชุมระหว่างประเทศและ ภูมิภาค เช่น WTO APEC และ ASEM
ที่ประชุมได้ย้ำความสำคัญของความร่วมมือในภูมิภาคที่จะเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน และมอบหมายให้ เจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ประชุมหารือกันเป็นประจำ เพื่อเสนอแนะและ ติดตามการดำเนินงานตามกรอบความร่วมมือให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม สุดยอดอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ณ สิงคโปร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2543 นอกจากนั้น ที่ประชุมได้หารือในด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศและภูมิภาคในมุมกว้าง เช่น องค์การการค้าโลกจะดำเนิน ไปข้างหน้าได้อย่างไรภายหลังการประชุมระดับรัฐมนตรีที่นครซีแอตเติ้ล โดยได้ตกลงกันเรื่องวาระการ ประชุมของการเจรจาการค้ารอบใหม่ ให้เน้นกรอบกว้าง ครอบคลุมถึงประโยชน์ของประเทศสมาชิก WTO อย่างสมดุล และช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาด้านการเสริมสมรรถนะ (Capacity building) ให้ความสำคัญ ด้านการนำเข้าสู่ตลาดสินค้าอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการค้าบริการ
รวมทั้งการปรับปรุงข้อตกลง ที่มีอยู่เดิม เช่น การทุ่มตลาด เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้าสู่ตลาด ตลอดจนสนับสนุน จีน กัมพูชา ลาวและเวียดนามให้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกโดยเร็ว ตามมติที่ประชุมอังค์ถัด X เมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 2543 ที่กรุงเทพฯ รวมทั้งหารือเตรียมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่เมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย ที่ประชุมตกลงให้มีประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งต่อไปในช่วงการประชุม AEM ครั้งที่ 32 ในเดือนตุลาคม 2543 ณ จังหวัดเชียงใหม่ และให้มี การประชุมหารือกันเป็นครั้งคราวก่อนการประชุมระดับผู้นำ กัมพูชาเสนอขอเป็นเจ้าภาพการประชุม รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการครั้งต่อไปในเดือนพฤษภาคม 2544 ณ เมืองเสียมราฐ โดยจะมีการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 282-6623--จบ--
-อน-
นายศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย เข้าร่วมประชุมระหว่างรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับรัฐมนตรีของจีน ญี่ปุ่น และ สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งแรก เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2543 ณ กรุงย่างกุ้ง ประเทศพม่า เพื่อพิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติงาน ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจตามที่ผู้นำอาเซียน จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2542 ณ กรุงมะนิลา ได้มอบหมายในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือในภูมิภาคเอเชียตะวันออก ที่ประชุมได้ย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือด้านเศรษฐกิจโดยเฉพาะด้านอุตสาหกรรม การค้าการลงทุน และอื่นๆ ระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ซึ่งมีการพึ่งพากันทางเศรษฐกิจอย่างลึกซึ้ง ภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์ และการพัฒนาเทคโนโลยีสื่อสารโทรคมนาคมอย่างรวดเร็ว ความสำเร็จของการ ฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคนี้ จะมีบทบาทสำคัญเป็นศูนย์กลางความเจริญเติบโตแห่งหนึ่งของโลก และขอบคุณญี่ปุ่นที่จะช่วยผลักดันผลประโยชน์ของอาเซียนในการประชุมสุดยอด G8 ในเดือนกรกฎาคม 2543 ณ เกาะโอกินนาวา ที่ประชุมได้ตกลงแนวทางความร่วมมือด้านเศรษฐกิจและแผนปฏิบัติงานในสาขา ต่างๆ สรุปได้ดังนี้
1. เสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านการค้าการลงทุน และการถ่ายทอดเทคโนโลยี เช่น ร่วมกันขจัด อุปสรรคการค้าด้านมาตรการมิใช่ภาษี โดยเฉพาะสินค้าเกษตรอย่างจริงจัง
2. สนับสนุนความร่วมมือทางวิชาการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยพัฒนาความร่วมมือด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ระหว่างอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี
3. การพัฒนาพื้นที่ที่มีศักยภาพในการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างจริงจัง ในพื้นที่ลุ่มแม่น้ำโขง โดยขอให้จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลีให้ความร่วมมือในการพัฒนาลุ่มน้ำโขง เพื่อลดช่องว่าง ระดับการพัฒนาของประเทศสมาชิกอาเซียนในการรวมกลุ่มเศรษฐกิจในภูมิภาค
4. เพิ่มความร่วมมือด้านการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในอาเซียน โดยเฉพาะให้ความช่วยเหลือ ประเทศสมาชิกใหม่
5. สนับสนุนให้เอกชนมีส่วนร่วมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจมากขึ้น โดยผ่านโครงการเครือข่ายต่างๆ เช่น คณะมนตรีการค้าเอเชียตะวันออก (East Asia Business Council) และเวทีธุรกิจอุตสาหกรรม เฉพาะด้าน (Industry-Specific Business Fora)
6. ส่งเสริมความร่วมมือด้านเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว เช่น จัดตั้งโครงการสำรอง อาหารเพื่อความมั่นคงในเอเชียตะวันออก
7. เสริมสร้างความแข็งแกร่งของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม และอุตสาหกรรมสนับสนุน เช่น สร้างเครือข่ายศูนย์พัฒนา SME ของอาเซียนกับ จีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อแลกเปลี่ยน ประสบการณ์ ผู้เชี่ยวชาญและการฝึกอบรม
8. ความร่วมมือกันในด้านการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น ส่งเสริมการแลกเปลี่ยน การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในระดับเทคโนโลยีขั้นสูง
9. ประสานความร่วมมือด้านต่างๆ ในเวทีการประชุมระหว่างประเทศและ ภูมิภาค เช่น WTO APEC และ ASEM
ที่ประชุมได้ย้ำความสำคัญของความร่วมมือในภูมิภาคที่จะเป็นประโยชน์ซึ่งกันและกัน และมอบหมายให้ เจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ประชุมหารือกันเป็นประจำ เพื่อเสนอแนะและ ติดตามการดำเนินงานตามกรอบความร่วมมือให้เกิดผลงานที่เป็นรูปธรรม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม สุดยอดอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น และสาธารณรัฐเกาหลี ณ สิงคโปร์ ในเดือนพฤศจิกายน 2543 นอกจากนั้น ที่ประชุมได้หารือในด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศและภูมิภาคในมุมกว้าง เช่น องค์การการค้าโลกจะดำเนิน ไปข้างหน้าได้อย่างไรภายหลังการประชุมระดับรัฐมนตรีที่นครซีแอตเติ้ล โดยได้ตกลงกันเรื่องวาระการ ประชุมของการเจรจาการค้ารอบใหม่ ให้เน้นกรอบกว้าง ครอบคลุมถึงประโยชน์ของประเทศสมาชิก WTO อย่างสมดุล และช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาด้านการเสริมสมรรถนะ (Capacity building) ให้ความสำคัญ ด้านการนำเข้าสู่ตลาดสินค้าอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการค้าบริการ
รวมทั้งการปรับปรุงข้อตกลง ที่มีอยู่เดิม เช่น การทุ่มตลาด เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจในการเข้าสู่ตลาด ตลอดจนสนับสนุน จีน กัมพูชา ลาวและเวียดนามให้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลกโดยเร็ว ตามมติที่ประชุมอังค์ถัด X เมื่อ เดือนกุมภาพันธ์ 2543 ที่กรุงเทพฯ รวมทั้งหารือเตรียมการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปคที่เมืองดาร์วิน ประเทศออสเตรเลีย ที่ประชุมตกลงให้มีประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ครั้งต่อไปในช่วงการประชุม AEM ครั้งที่ 32 ในเดือนตุลาคม 2543 ณ จังหวัดเชียงใหม่ และให้มี การประชุมหารือกันเป็นครั้งคราวก่อนการประชุมระดับผู้นำ กัมพูชาเสนอขอเป็นเจ้าภาพการประชุม รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการครั้งต่อไปในเดือนพฤษภาคม 2544 ณ เมืองเสียมราฐ โดยจะมีการประชุมรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนกับจีน ญี่ปุ่น สาธารณรัฐเกาหลี ในช่วงเวลาดังกล่าวด้วย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 282-6623--จบ--
-อน-