ควอเตอร์เทค เป็นบริษัทที่ปรึกษาซึ่งดูแลโครงการขยายสายพานและตรวจวัตถุระเบิด โดยผู้ว่าจ้างคือ บทม. วันที่ 16 ต.ค. 2546 บทม. ได้ว่าจ้างควอเตอร์เทคด้วยวงเงิน 44 ล้าน เป็นที่ปรึกษาไอดีซีอี ทำหน้าที่ตรวจสอบรับรองวงเงินงบประมาณ รายการ และเลือกเครื่องตรวจวัตถุระเบิดโดยิสเตอร์สตอกอูเลย์ รองประธานบริษัทมีอำนาจทำการแทนบริษัท คำถามอยู่ที่ว่า บริษัทควอเตอร์เทคเป็นใครมาจากไหน ทำไมบทม. จึงเลือกเป็นบริษัทที่ปรึกษา ดูแลโครงการขนาดใหญ่ 4000 กว่าล้าน และคำถามที่เราตั้งว่าล็อกสเปกกัน วางสเปก ล็อกยี่ห้อ ล็อกยี่ห้อ ล็อกราคา ควอเตอร์เทคคือกุญแจไขไปสู่ปริศนาดังกล่าวครับ และที่สำคัญคืออะไรรู้ไหมครับ ตอนนี้คระกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติชอบของสภาผู้แทนราษฎรที่ผมเป็นรองประธาน เชิญ มิสเตอร์สก็อตอูเลย์ ในนามควอเตอร์เทค มาชี้แจงต่อคณะกรรมการที่พวกเรามีคุณสุชาติ และคุณชาญชัย เป้นกรรมาธิการ ร่วมเสนอญัตติตรวจสอบการทุจริตซีทีเอ็กซ์นั้น มิสเตร์อูเลย์ น่าสงสารทีเดียวครับ คือ แกมายอมรับสารภาพครับ บอกว่าเข้ามาเริ่มทำงานในบทม. ในโครงการสนามบินสุวรรณภูมิตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2546 คนต่างชาติเข้ามาทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ สนามบินของชาติเรา ได้อย่างไร ถ้าไม่มีรับรู้ ถ้าไม่มีใครชักนำ และผมเรียนแล้วว่า จากบันทึกคำให้การณ์ของประธานบริษัทเอเอสไอ ที่ได้ศึกษาระบบอินแวสแกนนิ่ง ระบบตรวจระเบิดและสายพาน ของสนามบินสุวรรณภูมิ เขาบอกว่ามิสเตอร์เดวิด เป็นคนแนะนำมิสเตอร์สก็อต อูเลย์ เมื่อเดือน พ.ค.2546 ตั้งแต่ยังไม่มีบริษัทควอเตอร์เทคเลย ให้เข้ามาทำงานในสนามบินสุวรรณภูมิ ตัวละครเริ่มชัดนะครับ
ผมอยากจะเรียนว่าบริษัทควอเตอร์เทคนั้นให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ในสัญญาว่าจ้างควอเตอรืเทค 2 สัญญา คือ วันที่ 8 ม.ค.2546 และ 30 ก.ย. 2547 นั้นปรากฏว่า ในนั้นระบุไว้ชัดเจนเลยว่ามีผลงานที่ไหนบ้างรวมแล้วเป็น 1000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 1987 1988 มา 2000 2003 แต่ปรากฏว่า ถ้าท่านประธานจะไปดูแฟ้มของมลรัฐเนวาดาร์ที่เมืองลาสเวกัสๆ เป็นเมืองการพนันครับ หมายเลขแฟ้มที่c13343-3 สำนักงานจดทะเบียนบริษัทของมลรัฐเนวาดา เมืองลาสเวกัส ได้มีบริษัทซิสเท็มดีไซด์ ดิวิลอปเมน? อิ๊ง จนทะเบียนด้วยทุน 25000 ดอลลาร์ คูณ 40 บาท จดทะเบียน 1 ล้านบาทไทย ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2546 เดือนถัดมาก็เปลี่ยนชื่อจากsddmi เป็นควอเตอร์เทคครับ สงสัยไหมครับว่า บริษัทที่ ในตอนนั้นไม่มีหัวนอนปลายตีนเลยครับ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า และบทม. ดูแลงานก่อสร้างแสนกว่าล้าน ก่อสร้างสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อสร้างสนามบินที่ทันสมัยที่สุดในโลก ใช้เงินภาษีประชาชนแสนกว่าล้าน เลือกบริษัทต๊อกต๋อยอย่างนี้มาได้อย่างไร ถ้าไม่รู้กัน คนแนะนำเข้มาในสนามบินสุวรรณภูมิ ก็คือ บริษัททีซีเอ็กซ์ 9000 และบริษัทนี้เข้ามาทำงานในสนามบินสุวรรรภูมิโดยไม่มีสัญญา ไม่มีใครว่าจ้างอะไรเลย ถามว่าเข้ามาได้อย่างไรในเมื่อยังไม่มีการว่าจ้าง เพราะว่าบทม. ออกหนังสือว่าจ้างวันที่ 16 ต.ค.2546 เข้ามาตั้งแต่ส.ค. ก่อนหน้าตั้ง 3 เดือน เข้ามาป้วนเปี้ยนทำอะไร ถ้าไม่ใช่ช่วงนั้น ร่วมกันล็อกสเปก วางสเปก และบทม. ต้องรับผิดชอบ รวมทั้งท่านรัฐมนตรี บริษัทที่เอามาลอยอย่างนี้ ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ตรวจสอบได้นิดเดียวครับ พวกเราฝ่ายค้านไม่ได้มีอำนาจมากมาย มีแต่ความตั้งใจ และความตั้งใจจริงครับ รัฐบาลเสียอีก รัฐมนตรีเสียอีกมีอำนาจ สามารถที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้ง่ายดายเหลือเกิน ท่านก็ไม่ทำ แสดงว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องมีการสมรู้ร่วมคิดกัน
ให้บริษัทควอเตอร์เทคมาดูแลเป็นที่ปรึกษาคุมงานในโครงการนี้ 4000 กว่าล้านและบริษัทนี้เองที่มีการางสเปกและล็อกสเปก กับบริษัทเคจ ที่เป็นผู้ออกแบบให้กับผู้รับเหมาไอทีโอในโครงการนี้ เห็นชอบกันด้วยดีหมดไม่ว่าจะเป็ยสเปกเครื่องซีทีเอ็กซ์ มียี่ห้อเดียวในโลกนี้ที่เข้าสเปก ที่วางได้ เพราะฉะนัน้ตกลงตามที่เคจเสนอ 2. อนุมัติราคา ซึ่งส่วนต่างของราคาเราก็พูดกันแล้วว่ามันชัดเจนเหลือเกิน ว่ามันสูงเกินจริง และมันกินสินบนกันในส่วนต่างของราคา รับรองได้อย่างไรสำหรับราคา รวมถึงเรื่องงบงาน สุดท้าย
การล็อคข้อมูล จริงๆเรื่องนี้หลายคนยังไม่ทราบ เพราะว่าเรื่องล็อกข้อมูล เวลาที่เราจะเลือกซื้ออะไร ยิ่งน้อยรายอย่างกรณีระบบตรวจระเบิด ภายใต้มาตรฐานทีเอสเอของสหรัฐฯ มี 2 ยี่ห้อเท่านั้น คือ ของบริษัทแอลที ซึ่งมียี่ห้อเครื่องคือเอ็กซ์ซิไมเนอร์ ส่วนบริษัทอินวิชั่น ก็จะมียี่ห้องซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสหรัฐฯ บริษัทซีทีเอ็กซ์เขาเข้าตลาดก่อน แอลทีมาซื้อเปอกิ้น เอลเมอ แล้วทำเป็นแอลที และเข้าสู่ธุรกิจนี้ และมีรุ่นที่ออกมาในซีรีย์ของเอ็กซ์ซิไมเนอร์ ต่อมาเมื่อแอลทีเข้าไปเทคเปอกิ้นเอลเมอ ก็เลยไปเป็นผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของอินวิชั่นและมี่ข่าวว่าเป็นคนหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับการติดสินบนข้ามชาติครั้งนี้
เพราะฉะนั้นการแข่งขันระหว่างแอลที กับ การแข่งขันระหว่างอินวิชั่นนั้น รุนแรงมาก ในสหรัฐฯเองเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่เรียกว่า 11 ปัญหาการก่อการร้ายกลายเป็นประเด็นความมั่นคงของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงได้ก่อตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า ทีเอสเอ เหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดนั้นปี 2544 และมาสู่ปี 2545 ต้นปีในการตั้งทีเอสเอ ก็กำหนดมาตรฐานทีเอสเอขึ้นมา หลังจากนั้นเขาจะให้รับรองเครื่องและระบบปรากฏว่า ของเยอรมันที่ใช้อยู่ในยุโรป ในเอเชีย โดนอเมริกันล็อกไม่ให้ผ่านมาตรฐานทีเอสเอ ก็เลยเหลือ 2 บริษัทเท่านั้น เขาก็ซื้อทั้งคู่ ล็อตแรกถ้าจำไม่ผิดซื้อไปบริษัทละ 450 เครื่อง เมื่อปี สองปีนี้ มาปีนี้ซื้อแอลทีไป 70 ซื้อซีทีเอ็กซ์ไป 43 เจ้าหน้าที่รัฐบาลต้องรอบคอบในการดูข้อมูลหน่อย แต่สิ่งสำคัญคือในช่วงที่บริษัทควอตอเทคก็ดี ไอทีโอก็ดี หรือแพทริออตก็ดี ได้นำเสนอรายงานชิ้นหนึ่งเป็นชิ้นอ้างอิง และกลายเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจให้ความชอบธรรมต่อการวางสเปกและตัดสินใจเลือกซีทีเอ็กซ์ 9000
ท่านไปดูซิครับ แม้แต่เอกสารสภาผู้แทนราษฎรที่แจกวันนี้ ที่เป็นเอกสารประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ทราบท่านประธานตรวจรึเปล่า ปรากฏว่า เอารายงานฉบับนี้ ขึ้นหัวกระดาษว่าทีเอสเอ มุมขวาชื่อ แมรี่ ทรีวอช เปรียบเทียบระบบตรวจระเบิด ระบบสายพานของสนามบินซานฟรานซิสโก และสนามบินโลเกน ของบอสตัน นั่นก็คือเปรียบเทียบระหว่างแอลทรีกับอินวิชั่นในสมรรถนะของเครื่อง เปรียบเทียบทุกอย่างเลยครับ อ่านดูแล้ว อ่านจบใครไม่เลือกซีทีเอ็กซ์ 9000 ก็บ้าแล้วครับ เพราะอะไร เพราะเปรียบเทียบสมรรถนะทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องของความสามารถในการตรวจกระเป๋า ที่เรียกว่า ทรูพุด หรือว่า ฟออะราม ทั้งเนกาทีฟ และโพสซิทีฟ หรือแม้แต่ทุกระบบ ซีทีเอ็กซ์สุดยอด แอล 3 เอ็กซไมเนอร์ แย่ที่สุดในทุกด้าน อ่านตรงนี้ต้องเลือกซีทีเอ็กซ์ รายงานตรงนี้ข้ออ้างอิงของการเปรียบเทียบสเปก และความสามารถประสิทธิภาพระหว่างเครื่อง 2 ชนิดนี้ ไปปรากฏหมดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการนี้จนกระทั่งวันนี้ที่เป็นวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปลายเดือน พ.ค.ท่านรัฐมนตรีก็เช่นกัน และ บทม.ก็เช่นกัน ได้อ้างอิงการเปรียบเทียบสมรรถนะตรงนั้นตรงนี้ชี้แจงกับสาธารณชนว่าทำไมต้องซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000
ผมมีหลักฐานครับท่านประธาน หลักฐานว่า รายงานของ แมรี่ วอช ฉบับนี้นั้นจะเรียกว่าเป็นเท็จก็ใกล้เคียงเพราะว่า ทีเอสเอได้ออกหนังสือฉบับนี้ ผมไม่ทราบว่าท่านรัฐมนตรีมีอยู่ในมือมั๊ยครับ หนังสือฉบับนี้ ผมไม่ได้กล่าวหาท่านทุจริตนะครับ กล่าวหาท่านบกพร่อง รวมทั้งรัฐมนตรีช่วย 2 คน มาใหม่ไม่เป็นไร ถือว่าท่านบกพร่อง หลักฐานอย่างนี้ปล่อยให้กระบวนการสมรู้ร่วมคิด ทุจริตติดสินบน ต้มตุ๋นคนไทยทั้งประเทศได้อย่างไร เพราะหนังสือทีเอสเอ วันที่ 29 ส.ค. 2546 เขามีหนังสือฉบับนี้ส่งไปถึงประธานบริษัทแอลทรี ผู้ผลิตเอ็กซไมเนอร์ และประธานบริษัท อินวิชั่น ส่งไปถึง 2 บริษัทนี้ เพราะมันมีแค่ 2 บริษัทที่ผ่านมาตรฐานทีเอสเอ ระบุเลยว่า รายงานฉบับนี้ของแมรี่ วอช ไม่ใช่เอกสารของสำนักงานทีเอสเอ และระบุว่า เป็นการทำโดยเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิคเลย และระบุเลยว่า ห้ามบริษัท อินวิชั่น เอาไปใช้อ้างอิงทางการค้าโดยเด็ดขาด แต่ประเทศไทยเอามาใช้ตั้งแต่ระดับผู้รับเหมา ที่ปรึกษา รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร แม้แต่ในการชี้แจงของคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร 2-3 คณะ ก็ปรากฏเอกสารนี้แนบอยู่ ผมถึงว่า การล็อกสเปก ล็อกอะไรสารพัดอย่าง
สุดท้ายพอมาล็อกข้อมูลจบเลยครับ เหมือนกับประมูลซื้อรถ มีอยู่ 2 ยี่ห้อ แล้วก็รับข้อมูลฝ่ายเดียวว่า ไอ้นี่ดีไอ้นั่นไม่ดี แต่ผมไม่ได้หยิบประเด็นว่าใครดีกว่าใคร แต่ให้เห็นว่าวิธีการ พฤติกรรมตั้งแต่ต้นจนจบนั้นมันส่อการทุจริตอย่างเป็นขบวนการ และแปลกใจนะครับ ท่านรัฐมนตรี ท่านนายกฯ ใครต่อใคร รวมทั้งที่ประชุม กทภ.ที่ท่านนายกฯ ไปเป็นประธานก็ดี การประชุม ครม.ก็ดี การประชุมทุกระดับ ได้อาศัยอ้างอิงข้อมูลตรงนี้ในการให้ความชอบธรรมว่าไมจะต้องเป็นซีทีเอ็กซ์ 9000 การเลือกซีทีเอ็กซ์ 9000 นั้นร่วม 2 เดือนมานี้คนเชื่อทั้งประเทศครับ เชื่อทั้งประเทศว่ามันมีการทุจริต แม้ว่าท่านนายกฯ จะบอกว่าไม่มี รัฐมนตรีบอกว่าไม่มี ทำไมมันตรงข้ามล่ะครับ อีทีข้อมูลที่มันไม่น่าเชื่อท่านเชื่อ อีทีเรื่องที่ควรจะเชื่อและช่วยกันหาคนกระทำผิดมาลงโทษในการคอร์รัปชั่นข้ามชาติ สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศชาติมากมายเหลือเกินอย่างนี้ ท่านกลับไม่เชื่อ มันคงเป็นสารคดีฉากสุดท้าย ทุจริตซีทีเอ็กซ์ ที่จากการประมวลข้อมูลพฤติกรรมแวดล้อมทั้งหมดผมไม่อาจไว้วางใจท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเรียกร้องให้ท่านลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2548--จบ--
ผมอยากจะเรียนว่าบริษัทควอเตอร์เทคนั้นให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ในสัญญาว่าจ้างควอเตอรืเทค 2 สัญญา คือ วันที่ 8 ม.ค.2546 และ 30 ก.ย. 2547 นั้นปรากฏว่า ในนั้นระบุไว้ชัดเจนเลยว่ามีผลงานที่ไหนบ้างรวมแล้วเป็น 1000 ล้านบาท ตั้งแต่ปี 1987 1988 มา 2000 2003 แต่ปรากฏว่า ถ้าท่านประธานจะไปดูแฟ้มของมลรัฐเนวาดาร์ที่เมืองลาสเวกัสๆ เป็นเมืองการพนันครับ หมายเลขแฟ้มที่c13343-3 สำนักงานจดทะเบียนบริษัทของมลรัฐเนวาดา เมืองลาสเวกัส ได้มีบริษัทซิสเท็มดีไซด์ ดิวิลอปเมน? อิ๊ง จนทะเบียนด้วยทุน 25000 ดอลลาร์ คูณ 40 บาท จดทะเบียน 1 ล้านบาทไทย ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 4 มิ.ย.2546 เดือนถัดมาก็เปลี่ยนชื่อจากsddmi เป็นควอเตอร์เทคครับ สงสัยไหมครับว่า บริษัทที่ ในตอนนั้นไม่มีหัวนอนปลายตีนเลยครับ ไม่มีหัวนอนปลายเท้า และบทม. ดูแลงานก่อสร้างแสนกว่าล้าน ก่อสร้างสนามบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อสร้างสนามบินที่ทันสมัยที่สุดในโลก ใช้เงินภาษีประชาชนแสนกว่าล้าน เลือกบริษัทต๊อกต๋อยอย่างนี้มาได้อย่างไร ถ้าไม่รู้กัน คนแนะนำเข้มาในสนามบินสุวรรณภูมิ ก็คือ บริษัททีซีเอ็กซ์ 9000 และบริษัทนี้เข้ามาทำงานในสนามบินสุวรรรภูมิโดยไม่มีสัญญา ไม่มีใครว่าจ้างอะไรเลย ถามว่าเข้ามาได้อย่างไรในเมื่อยังไม่มีการว่าจ้าง เพราะว่าบทม. ออกหนังสือว่าจ้างวันที่ 16 ต.ค.2546 เข้ามาตั้งแต่ส.ค. ก่อนหน้าตั้ง 3 เดือน เข้ามาป้วนเปี้ยนทำอะไร ถ้าไม่ใช่ช่วงนั้น ร่วมกันล็อกสเปก วางสเปก และบทม. ต้องรับผิดชอบ รวมทั้งท่านรัฐมนตรี บริษัทที่เอามาลอยอย่างนี้ ให้ข้อมูลอันเป็นเท็จ ตรวจสอบได้นิดเดียวครับ พวกเราฝ่ายค้านไม่ได้มีอำนาจมากมาย มีแต่ความตั้งใจ และความตั้งใจจริงครับ รัฐบาลเสียอีก รัฐมนตรีเสียอีกมีอำนาจ สามารถที่จะแสวงหาข้อเท็จจริงเหล่านี้ได้ง่ายดายเหลือเกิน ท่านก็ไม่ทำ แสดงว่า ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ต้องมีการสมรู้ร่วมคิดกัน
ให้บริษัทควอเตอร์เทคมาดูแลเป็นที่ปรึกษาคุมงานในโครงการนี้ 4000 กว่าล้านและบริษัทนี้เองที่มีการางสเปกและล็อกสเปก กับบริษัทเคจ ที่เป็นผู้ออกแบบให้กับผู้รับเหมาไอทีโอในโครงการนี้ เห็นชอบกันด้วยดีหมดไม่ว่าจะเป็ยสเปกเครื่องซีทีเอ็กซ์ มียี่ห้อเดียวในโลกนี้ที่เข้าสเปก ที่วางได้ เพราะฉะนัน้ตกลงตามที่เคจเสนอ 2. อนุมัติราคา ซึ่งส่วนต่างของราคาเราก็พูดกันแล้วว่ามันชัดเจนเหลือเกิน ว่ามันสูงเกินจริง และมันกินสินบนกันในส่วนต่างของราคา รับรองได้อย่างไรสำหรับราคา รวมถึงเรื่องงบงาน สุดท้าย
การล็อคข้อมูล จริงๆเรื่องนี้หลายคนยังไม่ทราบ เพราะว่าเรื่องล็อกข้อมูล เวลาที่เราจะเลือกซื้ออะไร ยิ่งน้อยรายอย่างกรณีระบบตรวจระเบิด ภายใต้มาตรฐานทีเอสเอของสหรัฐฯ มี 2 ยี่ห้อเท่านั้น คือ ของบริษัทแอลที ซึ่งมียี่ห้อเครื่องคือเอ็กซ์ซิไมเนอร์ ส่วนบริษัทอินวิชั่น ก็จะมียี่ห้องซีทีเอ็กซ์ 9000 ในสหรัฐฯ บริษัทซีทีเอ็กซ์เขาเข้าตลาดก่อน แอลทีมาซื้อเปอกิ้น เอลเมอ แล้วทำเป็นแอลที และเข้าสู่ธุรกิจนี้ และมีรุ่นที่ออกมาในซีรีย์ของเอ็กซ์ซิไมเนอร์ ต่อมาเมื่อแอลทีเข้าไปเทคเปอกิ้นเอลเมอ ก็เลยไปเป็นผู้จัดการฝ่ายขายภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ของอินวิชั่นและมี่ข่าวว่าเป็นคนหนึ่ง ที่เกี่ยวข้องกับการติดสินบนข้ามชาติครั้งนี้
เพราะฉะนั้นการแข่งขันระหว่างแอลที กับ การแข่งขันระหว่างอินวิชั่นนั้น รุนแรงมาก ในสหรัฐฯเองเมื่อมีเหตุการณ์เกิดขึ้นที่เรียกว่า 11 ปัญหาการก่อการร้ายกลายเป็นประเด็นความมั่นคงของรัฐบาลสหรัฐฯ จึงได้ก่อตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า ทีเอสเอ เหตุการณ์เครื่องบินชนตึกเวิลด์เทรดนั้นปี 2544 และมาสู่ปี 2545 ต้นปีในการตั้งทีเอสเอ ก็กำหนดมาตรฐานทีเอสเอขึ้นมา หลังจากนั้นเขาจะให้รับรองเครื่องและระบบปรากฏว่า ของเยอรมันที่ใช้อยู่ในยุโรป ในเอเชีย โดนอเมริกันล็อกไม่ให้ผ่านมาตรฐานทีเอสเอ ก็เลยเหลือ 2 บริษัทเท่านั้น เขาก็ซื้อทั้งคู่ ล็อตแรกถ้าจำไม่ผิดซื้อไปบริษัทละ 450 เครื่อง เมื่อปี สองปีนี้ มาปีนี้ซื้อแอลทีไป 70 ซื้อซีทีเอ็กซ์ไป 43 เจ้าหน้าที่รัฐบาลต้องรอบคอบในการดูข้อมูลหน่อย แต่สิ่งสำคัญคือในช่วงที่บริษัทควอตอเทคก็ดี ไอทีโอก็ดี หรือแพทริออตก็ดี ได้นำเสนอรายงานชิ้นหนึ่งเป็นชิ้นอ้างอิง และกลายเป็นหัวใจสำคัญในการตัดสินใจให้ความชอบธรรมต่อการวางสเปกและตัดสินใจเลือกซีทีเอ็กซ์ 9000
ท่านไปดูซิครับ แม้แต่เอกสารสภาผู้แทนราษฎรที่แจกวันนี้ ที่เป็นเอกสารประกอบการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ไม่ทราบท่านประธานตรวจรึเปล่า ปรากฏว่า เอารายงานฉบับนี้ ขึ้นหัวกระดาษว่าทีเอสเอ มุมขวาชื่อ แมรี่ ทรีวอช เปรียบเทียบระบบตรวจระเบิด ระบบสายพานของสนามบินซานฟรานซิสโก และสนามบินโลเกน ของบอสตัน นั่นก็คือเปรียบเทียบระหว่างแอลทรีกับอินวิชั่นในสมรรถนะของเครื่อง เปรียบเทียบทุกอย่างเลยครับ อ่านดูแล้ว อ่านจบใครไม่เลือกซีทีเอ็กซ์ 9000 ก็บ้าแล้วครับ เพราะอะไร เพราะเปรียบเทียบสมรรถนะทุกเรื่อง ไม่ว่าเรื่องของความสามารถในการตรวจกระเป๋า ที่เรียกว่า ทรูพุด หรือว่า ฟออะราม ทั้งเนกาทีฟ และโพสซิทีฟ หรือแม้แต่ทุกระบบ ซีทีเอ็กซ์สุดยอด แอล 3 เอ็กซไมเนอร์ แย่ที่สุดในทุกด้าน อ่านตรงนี้ต้องเลือกซีทีเอ็กซ์ รายงานตรงนี้ข้ออ้างอิงของการเปรียบเทียบสเปก และความสามารถประสิทธิภาพระหว่างเครื่อง 2 ชนิดนี้ ไปปรากฏหมดตั้งแต่เริ่มต้นโครงการนี้จนกระทั่งวันนี้ที่เป็นวันอภิปรายไม่ไว้วางใจ ปลายเดือน พ.ค.ท่านรัฐมนตรีก็เช่นกัน และ บทม.ก็เช่นกัน ได้อ้างอิงการเปรียบเทียบสมรรถนะตรงนั้นตรงนี้ชี้แจงกับสาธารณชนว่าทำไมต้องซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ 9000
ผมมีหลักฐานครับท่านประธาน หลักฐานว่า รายงานของ แมรี่ วอช ฉบับนี้นั้นจะเรียกว่าเป็นเท็จก็ใกล้เคียงเพราะว่า ทีเอสเอได้ออกหนังสือฉบับนี้ ผมไม่ทราบว่าท่านรัฐมนตรีมีอยู่ในมือมั๊ยครับ หนังสือฉบับนี้ ผมไม่ได้กล่าวหาท่านทุจริตนะครับ กล่าวหาท่านบกพร่อง รวมทั้งรัฐมนตรีช่วย 2 คน มาใหม่ไม่เป็นไร ถือว่าท่านบกพร่อง หลักฐานอย่างนี้ปล่อยให้กระบวนการสมรู้ร่วมคิด ทุจริตติดสินบน ต้มตุ๋นคนไทยทั้งประเทศได้อย่างไร เพราะหนังสือทีเอสเอ วันที่ 29 ส.ค. 2546 เขามีหนังสือฉบับนี้ส่งไปถึงประธานบริษัทแอลทรี ผู้ผลิตเอ็กซไมเนอร์ และประธานบริษัท อินวิชั่น ส่งไปถึง 2 บริษัทนี้ เพราะมันมีแค่ 2 บริษัทที่ผ่านมาตรฐานทีเอสเอ ระบุเลยว่า รายงานฉบับนี้ของแมรี่ วอช ไม่ใช่เอกสารของสำนักงานทีเอสเอ และระบุว่า เป็นการทำโดยเจ้าหน้าที่ที่ไม่มีความรู้ทางเทคนิคเลย และระบุเลยว่า ห้ามบริษัท อินวิชั่น เอาไปใช้อ้างอิงทางการค้าโดยเด็ดขาด แต่ประเทศไทยเอามาใช้ตั้งแต่ระดับผู้รับเหมา ที่ปรึกษา รัฐมนตรี นายกรัฐมนตรี สภาผู้แทนราษฎร แม้แต่ในการชี้แจงของคณะกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร 2-3 คณะ ก็ปรากฏเอกสารนี้แนบอยู่ ผมถึงว่า การล็อกสเปก ล็อกอะไรสารพัดอย่าง
สุดท้ายพอมาล็อกข้อมูลจบเลยครับ เหมือนกับประมูลซื้อรถ มีอยู่ 2 ยี่ห้อ แล้วก็รับข้อมูลฝ่ายเดียวว่า ไอ้นี่ดีไอ้นั่นไม่ดี แต่ผมไม่ได้หยิบประเด็นว่าใครดีกว่าใคร แต่ให้เห็นว่าวิธีการ พฤติกรรมตั้งแต่ต้นจนจบนั้นมันส่อการทุจริตอย่างเป็นขบวนการ และแปลกใจนะครับ ท่านรัฐมนตรี ท่านนายกฯ ใครต่อใคร รวมทั้งที่ประชุม กทภ.ที่ท่านนายกฯ ไปเป็นประธานก็ดี การประชุม ครม.ก็ดี การประชุมทุกระดับ ได้อาศัยอ้างอิงข้อมูลตรงนี้ในการให้ความชอบธรรมว่าไมจะต้องเป็นซีทีเอ็กซ์ 9000 การเลือกซีทีเอ็กซ์ 9000 นั้นร่วม 2 เดือนมานี้คนเชื่อทั้งประเทศครับ เชื่อทั้งประเทศว่ามันมีการทุจริต แม้ว่าท่านนายกฯ จะบอกว่าไม่มี รัฐมนตรีบอกว่าไม่มี ทำไมมันตรงข้ามล่ะครับ อีทีข้อมูลที่มันไม่น่าเชื่อท่านเชื่อ อีทีเรื่องที่ควรจะเชื่อและช่วยกันหาคนกระทำผิดมาลงโทษในการคอร์รัปชั่นข้ามชาติ สร้างความเสื่อมเสียให้กับประเทศชาติมากมายเหลือเกินอย่างนี้ ท่านกลับไม่เชื่อ มันคงเป็นสารคดีฉากสุดท้าย ทุจริตซีทีเอ็กซ์ ที่จากการประมวลข้อมูลพฤติกรรมแวดล้อมทั้งหมดผมไม่อาจไว้วางใจท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และเรียกร้องให้ท่านลาออกจากตำแหน่งเพื่อแสดงความรับผิดชอบ
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 27 มิ.ย. 2548--จบ--