แท็ก
ข้าวเปลือก
ข้าวไทย : สถานการณ์การผลิตและการตลาดข้าวของไทย ปี 2543/44
รายการ ปี 2541/42 ปี 2542/43 ปี 2543/44 ผลต่างร้อยละ
-1 -2 (3)=(2)-(1)
ข้าวนาปี
พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 56.738 57.195 57.07 -0.22
ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 18.449 18.978 19.042 0.34
ผลผลิตต่อไร่ต่อพื้นที่ปลูก (กก.) 325 332 334 0.6
ข้าวนาปรัง
พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 6.458 7.861 7.405 -5.8
ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 4.336 5.233 4.953 -5.35
ผลผลิตต่อไร่ (กก.) 671 666 669 0.45
ข้าวรวม
พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 63.196 65.056 64.475 -0.64
ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 22.785 24.211 23.995 -0.89
ผลผลิตต่อไร่ (กก.) 361 372 372 0
ข้าวนาปี ปี 2543/44 มีพื้นที่เพาะปลูก 57.070 ล้านไร่ และผลผลิต 19.042 ล้านตันข้าวเปลือก พื้นที่เพาะปลูกลดลงจากปี
2542/43 ร้อยละ 0.22 แต่ผลผลิตและผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.34 และ 0.60 ตามลำดับ แม้ว่าสภาพฝนดี ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แต่พื้นที่ลดลง ทั้งนี้เนื่องจากมีพายุดีเปรสชั่น พายุเกมีและพายุหวู่คง ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และภาคเหนือตอนบนบางจังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อุบลราชธานี สุรินทร์ ชัยภูมิ นครราชสีมา
ทำให้พื้นที่นาข้าวโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำเสียหาย เพราะข้าวส่วนใหญ่อยู่ในช่วงปักดำและแตกกอ แต่ส่งผลดีต่อพื้นที่นาดอนมีการแตกกอ
และออกรวงเพิ่มขึ้น ประกอบกับเกษตรกรมีการใช้เมล็ดพันธุ์ดีเพิ่มขึ้นทำให้ผลผลิตโดยรวมของทั้งประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ราคาข้าวในปีที่ผ่านมา
ไม่จูงใจให้เกษตรกรเพาะปลูกเพิ่ม ขณะนี้เกษตรกรได้เก็บเกี่ยวไปแล้วประมาณร้อยละ 90 ของผลผลิตทั้งหมด
ข้าวนาปรัง ปี 2544 คาดว่าพื้นที่ปลูกรวมทั้งประเทศ 7.405 ล้านไร่ โดยผลผลิต 4.953 ล้านตันข้าวเปลือก ทั้งพื้นที่และผลผลิต
ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 5.80 และ 5.35 ตามลำดับ เนื่องจากราคาในปีที่ผ่านมาไม่จูงใจให้เกษตรกรเพาะปลูกมากนัก
ผลผลิตโดยรวมทั้งข้าวนาปี และนาปรัง คาดว่าจะมี 23.995 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 0.89
เพาะผลผลิตข้าวนาปรังลดลงมาก
2. การตลาด
2.1 การใช้ในประเทศ
รายการ ปี 2542/43 ปี 2543/44 ผลต่างร้อยละ
(คาดคะเน)
ใช้บริโภค 10.313 10.39 0.75
ใช้ทำพันธุ์ 1.023 1.051 2.74
ใช้ในกิจการอื่น ๆ 2.358 2.386 1.19
รวม 13.694 13.827 0.13
ผลผลิตภายในร้อยละ 60 ใช้ในการบริโภคภายในประเทศ โดยปี 2543/44 จะมีการใช้บริโภค การทำพันธุ์และใช้ในกิจการอื่น ๆ
เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 0.75 , 2.74 และ 1.19 ตามลำดับ
2.2 การส่งออกของไทย
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2538-2542) การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3.845 สำหรับในปี 2543 กระทรวงพาณิชย์
ได้ตั้งเป้าการส่งออกไว้ 6.00 ล้านตัน-ข้าวสาร แต่ในขณะนี้ไทยสามารถส่งออกได้เกินเป้าที่กำหนดไว้ โดยส่งออกได้ 6.288 ล้านตัน-
ข้าวสาร (มค.-21 ธค. 2543) ซึ่งสูงกว่าเป้าร้อยละ 4.8 แต่ยังส่งออกได้น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปี 2542 ร้อยละ 1.49
สำหรับการส่งออกในปี 2544 กระทรวงพาณิชย์ได้คาดว่าจะสามารถส่งออกข้าวได้ 6.2 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งตั้งไว้ใกล้เคียง
กับการส่งออกในปี 2543 ทั้งนี้เนื่องจาก ผู้นำเข้าหลายประเทศผลิตได้เพิ่มขึ้น เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ และญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้อินโดนีเซีย
กำลังปรังปรุงนโยบายข้าวใหม่อีกครั้ง โดยใช้มาตรการ "Controlled Free Martket Mechanism" เพื่อปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศ
3. การนำเข้า
ปี 2543 ข้าวที่นำเข้าตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ในโควตามีปริมาณ 244,471 ตันข้าวสาร มีการนำเข้าจริง
(มค.-พย. 43) 422.82 ตันข้าวสาร
สำหรับในปี 2544 ได้มีภาระผูกพันภายใต้ข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปริมาณ 245,792 ล้านตันข้าวสาร
4. ราคา
ราคาข้าวภายในประเทศจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์ อุปทานข้าวของโลก เนื่องจากสถานการณ์การค้าข้าวของโลก ปี 2543/44 เพิ่มขึ้น
เล็กน้อยซึ่งใกล้เคียงกับปี 2542/43 ขณะที่ผลผลิตของโลกแม้จะลดลง และเมื่อรวมกับสต็อกคงเหลือที่เพิ่มขึ้นทำให้ผลผลิตโดยรวมยังมีมากใกล้เคียง
กับปีที่ผ่านมา คากว่าราคาปี 2543/44 จะมีแนวโน้มลดลงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
โดยราคาข้าวภายในประเทศในช่วง 11 เดือนแรก (มค.-พย.) ของปี 2543 เป็นดังนี้
ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยเกวียนละ 7,418 บาท เพิ่มขึ้นจากเกวียนละ 6,919 บาท
ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.21
ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยเกวียนละ 4,979 บาท ลดลงจากเกวียนละ 5,802 บาท
ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.18
ราคาขายส่งข้าวสารเจ้า 5% ในตลาดกรุงเทพฯ เฉลี่ยตันละ 7,331 บาท ลดลงจากตันละ 8,619 บาท
ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.94
ราคาส่งออกเอฟ. โอ. บี. ข้าวสาร 5% เฉลี่ยตันละ 8,464 บาท ลดลง จากตันละ 9,714 บาท
ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.87
มาตรการและนโยบายที่ดำเนินการในปี 2543/44
คณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) ได้กำหนดมาตรการข้าวนาปี ไว้ 4 มาตรการ รวม 11 โครงการ ได้แก่
1) มาตรการเร่งรัดการส่งออกข้าว ประกอบด้วย
1. การส่งออกข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยกรมการค้าต่างประเทศ จำนวนไม่เกิน 500,000
ตัน
2. การส่งออกข้าวภายใต้กองทุนรวมข้าว (Rice Pool) โดยกรมการค้าต่างประเทศ
องค์การคลังสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร
3. สนับสนุนการส่งออกข้าวคุณภาพดี โดยกรมการค้าต่างประเทศ จะให้การส่งเสริมการใช้
ดวงตราสัญลักษณ์ข้าวไทย และเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
2) มาตรการรับจำนำ ประกอบด้วย
4. การรับจำนำข้าวเปลือก โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
รับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร และรับจำนำใบประทวนสินค้าที่องค์การคลังสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ออกให้แก่
เกษตรกร และสถาบันเกษตรกรจำนวน 2.5 ล้านตัน
ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึง 31 มีนาคม 2544 (ยกเว้นภาคใต้)
ระยะเวลาดำเนินการภาคใต้ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2543 ถึง 31 พฤษภาคม 2544 5>
5. การรับจำนำข้าวสารในโกดังกลาง โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาด
เพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 1,000,000 ตัน จำแนกหน่วยงานละ 500,000 ตัน
ระยะเวลารับฝากรับจำนำตั้งแต่มิถุนายน 2544-ตุลาคม 2544 (ขณะนี้ได้เริ่มก่อนกำหนดคือ
ธันวาคม 2543)
ระยะเวลาไถ่ถอน 4 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ
3) มาตรการสนับสนุนตลาดข้าว ประกอบด้วย
6. การเชื่อมโยงสินเชื่อเพื่อการผลิตและบริการตลาดข้าวของสหกรณ์
วงเงิน 1,500 ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึง 30 กันยายน 2544
7. การเก็บรวบรวมข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร วงเงิน 100 ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ 1 ตุลาคม 2543 ถึง 30 กันยายน 2544
8. การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกของกระทรวงมหาดไทย วงเงิน 300 ล้านบาท
ระเวลาดำเนินการ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึง 31 ตุลาคม 2544
9.-10. การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกของกองทัพอากาศ และ นทพ. บก. ทหารสูงสุด
วงเงิน 2.5 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ตามลำดับ
ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึง 30 พฤศจิกายน 2544
4.) มาตรการสนับสนุนสินเชื่อ
11. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ค้าข้าวเปลือกของธนาคารแห่งประเทศไทย
วงเงิน 20,000 ล้านบาท และผู้ส่งออกผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย วงเงิน 20,000 ล้านบาท
ราคาเป้าหมายข้าวเปลือกเจ้านาปีและราคารับจำนำ ฤดูการผลิต ปี 2543/44
ชนิดข้าว ราคาเป้าหมายข้าวเปลือก ราคารับจำนำ
ข้าวเปลือกหอมมะลิ 6,840 6,495
ข้าวเปลือกเจ้า 100% 5,560 5,280
ข้าวเปลือกเจ้า 5% 5,460 5,185
ข้าวเปลือกเจ้า 10% 5,260 4,995
ข้าวเปลือกเจ้า 15% 5,160 4,900
ข้าวเปลือกเจ้า 25% 4,960 4,710
ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว 6,200 5,890
ข้าวเปลือกเหนียวคละ 5,900 5,605
มันสำปะหลัง : สถานการณ์การผลิตและการตลาดมันสำปะหลัง
การผลิต
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าในปี 2544 (ตุลาคม 2543-กันยายน 2544 ) มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 6.90
ล้านไร่ ผลผลิต 18.28 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 2,649 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับพื้นที่เก็บเกี่ยว 7.10 ล้านไร่ ผลผลิต 18.75 ล้านตันและผลผลิตต่อไร่
2,643 กิโลกรัม ในปีที่ผ่านมาแล้ว ปรากฏว่าพื้นที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตลดลงร้อยละ 2.82 และ 2.51 ส่วนผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.23
แม้ว่าราคาหัวมันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้ในปี 2542 จะตกต่ำมาก ขณะที่พืชไร่อื่น ๆ เช่น ข้าวโพด มีราคาดี แต่เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องลงทุนสูง
ประกอบกับมีความเสี่ยงเรื่องสภาวะอากาศ เกษตรกรจึงยังคงปลูกมันสำปะหลังใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศ
เอื้ออำนวย และปริมาณท่อนพันธุ์ดี กระจายไปสู่เกษตรกรมากขึ้น แต่จากการที่ราคามันสำปะหลังปี 2543 ลดลง ทำให้เกษตรกรดูแลรักษาน้อยลง
ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
การตลาด
1) การใช้ภายในประเทศ
คาดว่าความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 4.42 ล้านตันหัวมันสด หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.76 เนื่องจากแป้งมันสำปะหลังมี
การใช้เพิ่มขึ้น เพราะราคาค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับแป้งชนิดอื่น ๆ ส่วนมันเส้น มันอัดเม็ด เพิ่มขึ้นเพราะมีการส่งเสริมให้มีการใช้มันสำปะหลัง
ในอาหารสัตว์
2) การส่งออก
คาดว่าปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 12.95 ล้านตันหัวมันสดหรือลดลงร้อยละ 7.83 โดยความต้องการแป้งมันสำปะหลัง
เพิ่มขึ้น ทั้งในตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน เกาหลีใต้ และรัสเซียและตลาดประจำ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย ฯลฯ ขณะที่มันอัดเม็ดโดย
เฉพาะอย่างยิ่งตลาดในสหภาพยุโรปมีความต้องการลดลง
3) ราคา
คาดว่าราคาหัวมันสำปะหลังในปี 2543/44 (ตุลาคม 2543-กันยายน 2544) ยังคงตกต่ำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจาก
สหภาพยุโรปซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญได้ดำเนินนโยบายการเกษตรร่วมตาม Agenda 2000 ที่ลดราคาประกันธัญพืชลงร้อยละ 7.5 ต่อปี
ประกอบกับผลผลิตธัญพืชในสหภาพยุโรปมีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 8 นอกจากนี้
ผลผลิตบางส่วนประสบความเสียหายทำให้มีการใช้ในอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น โดยราคาหัวมัน-สำปะหลังสดที่เกษตรกรขายได้
(ตค.-ธค.) ปี 2543 กิโลกรัมละ 0.62 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 0.70 บาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 11.43
มาตรการ
เพื่อยกระดับราคาหัวมันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้ให้สูงขึ้นในระดับหนึ่ง คณะกรรมการนโยบายและมาตรการ
ช่วยเหลือเกษตรกรในคราวประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ได้เห็นชอบโครงการดังต่อไปนี้
1) โครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปี 2543/44 เพื่อรับจำนำมันเส้นจำนวน 5 แสนตัน และแป้งมัน
จำนวน 3.75 แสนตัน
2) โครงการแทรกแซงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อการส่งออก ปี 2543/44 โดยรับซื้อมันอัดเม็ดเก็บสต็อก
จำนวน 5 แสนตัน
3) โครงการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อพัฒนาคุณภาพมันสำปะหลัง ปี 2543/44 เพื่อให้ผู้ประกอบการ
ลานมันพัฒนาคุณภาพมันเส้นให้สะอาด จำนวน 300 ราย
4) โครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการซึ่งเป็น
ผู้ผลิตสินค้าแปรรูปจากผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่น เด็กซ์โทรส กลูโคส ฯลฯ โดยให้ผู้เข้าร่วมโครงการใช้สินค้าเป็นหลักประกันในลักษณะการจำนำ
สินค้ากับองค์การคลังสินค้าหรือหน่วยงานอื่น ๆ
5) โครงการแปรรูปมันสำปะหลังคุณภาพดีเพื่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ซึ่งในโครงการฯ นี้ กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์เป็นผู้นำเสนอโดยให้สถาบันเกษตรกร เช่น สหกรณ์การเกษตรฯ เป็นผู้ดำเนินการ โดยการแปรรูปมันเส้นสะอาด จำนวน 3 แสนตัน
คาดว่าจะมีสหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมประมาณ 60 สหกรณ์
ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการโครงการที่ 1 , 2 , 3 และ 5
กุ้งกุลาดำ : สถานการณ์การผลิตและการตลาดกุ้งกุลาดำ
การผลิต
ปี 2543 ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าผลผลิตกุ้งกุลาดำจากการเพาะเลี้ยงมีประมาณ
248,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12.73 เนื่องจากราคากุ้งสูงขึ้น เป็นเหตุจูงใจให้เกษตรกรขยายการเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น
ส่วนปี 2544 ศูนย์สารสนเทศการเกษตร คาดว่า ประเทศไทยจะผลิตกุ้งกุลาดำจากการเพาะเลี้ยงได้ 242,000 ตัน
ลดลงจากปี 2543 ร้อยละ 2.42 เนื่องจากเกษตรกรชะลอการเลี้ยงลงเพื่อพักบ่อเลี้ยง
การส่งออก
ในระยะ 10 เดือนแรกของปี 2543 ( มกราคม-ตุลาคม) ไทยส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งได้ปริมาณ 117,538 ตัน
มูลค่า 48,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.01 และ 22.51 ตามลำดับ เนื่องจากประเทศผู้ผลิตกุ้งที่สำคัญ
ในแถบอเมริกาใต้ คือ เอกวาดอ ร์ ประสบปัญหาโรคระบาด ทำให้สหรัฐอเมริกาหันมาสั่งซื้อกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งจากไทยเพิ่มมากขึ้น
คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยจะมีปริมาณการส่งออกใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ ตั้งไว้ที่ 150,000 ตัน
สำหรับปี 2544 คาดว่า
การส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยมีแนวโน้มลดลงจากปี 2543 เล็กน้อย เนื่องจากการเลี้ยงกุ้งในแถบอเมริกาใต้มีการขยายฐาน
การเลี้ยงจากเอกวาดอร์ซึ่งประสบปัญหาโรคระบาดไปยังบราซิล ทำให้ผลผลิตกุ้งในแถบนั้นมีปริมาณมากเหมือนเดิม ซึ่งคาดว่าจะทำให้สหรัฐ-อเมริกา
หันกลับไปสั่งซื้อจากแถบอเมริกาใต้และลดการสั่งซื้อกุ้งจากไทยลง
ราคา
ราคากุ้งกุลาดำที่เกษตรกรขายได้ขนาด 31-40 ตัว/กิโลกรัม ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2543 มีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ
339.70 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 22.46 ส่วนราคาส่งออก (F.O.B.) กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งเฉลี่ยเดือนมกราคม-ตุลาคม 2543
กิโลกรัมละ 409.47 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.96 การที่ราคากุ้งปี 2543 สูงขึ้นกว่าปี 2542 ก็เนื่องจากประเทศผู้ผลิตสำคัญ
คือ เอกวาดอร์ ประสบปัญหาโรคตัวแดงดวงขาวระบาด ทำให้ผลผลิตลดลง ในขณะที่ความต้องการกุ้งของตลาดโลกยังสูง ส่งผลให้ราคากุ้งโน้มสูงขึ้น
สำหรับปี 2544 คาดว่าผลผลิตกุ้งในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น จากการขยายการเลี้ยงในบราซิล อินโดนีเซีย และเวียดนาม ในขณะที่ความต้องการบริโภค
คาดว่าจะทรงตัว ส่งผลให้ราคากุ้งในตลาดโลกโน้มลดลง ทำให้ราคากุ้งในประเทศลดลงตาม แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 51 ประจำวันที่ 25 - 31 ธ.ค. 2543--
-สส-
รายการ ปี 2541/42 ปี 2542/43 ปี 2543/44 ผลต่างร้อยละ
-1 -2 (3)=(2)-(1)
ข้าวนาปี
พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 56.738 57.195 57.07 -0.22
ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 18.449 18.978 19.042 0.34
ผลผลิตต่อไร่ต่อพื้นที่ปลูก (กก.) 325 332 334 0.6
ข้าวนาปรัง
พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 6.458 7.861 7.405 -5.8
ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 4.336 5.233 4.953 -5.35
ผลผลิตต่อไร่ (กก.) 671 666 669 0.45
ข้าวรวม
พื้นที่เพาะปลูก (ล้านไร่) 63.196 65.056 64.475 -0.64
ผลผลิต (ล้านตันข้าวเปลือก) 22.785 24.211 23.995 -0.89
ผลผลิตต่อไร่ (กก.) 361 372 372 0
ข้าวนาปี ปี 2543/44 มีพื้นที่เพาะปลูก 57.070 ล้านไร่ และผลผลิต 19.042 ล้านตันข้าวเปลือก พื้นที่เพาะปลูกลดลงจากปี
2542/43 ร้อยละ 0.22 แต่ผลผลิตและผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.34 และ 0.60 ตามลำดับ แม้ว่าสภาพฝนดี ทำให้ผลผลิตเพิ่มขึ้น
แต่พื้นที่ลดลง ทั้งนี้เนื่องจากมีพายุดีเปรสชั่น พายุเกมีและพายุหวู่คง ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมทั่วทั้งภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
และภาคเหนือตอนบนบางจังหวัด ได้แก่ เพชรบูรณ์ อุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม มุกดาหาร ยโสธร อุบลราชธานี สุรินทร์ ชัยภูมิ นครราชสีมา
ทำให้พื้นที่นาข้าวโดยเฉพาะในพื้นที่ลุ่มริมฝั่งแม่น้ำเสียหาย เพราะข้าวส่วนใหญ่อยู่ในช่วงปักดำและแตกกอ แต่ส่งผลดีต่อพื้นที่นาดอนมีการแตกกอ
และออกรวงเพิ่มขึ้น ประกอบกับเกษตรกรมีการใช้เมล็ดพันธุ์ดีเพิ่มขึ้นทำให้ผลผลิตโดยรวมของทั้งประเทศเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ราคาข้าวในปีที่ผ่านมา
ไม่จูงใจให้เกษตรกรเพาะปลูกเพิ่ม ขณะนี้เกษตรกรได้เก็บเกี่ยวไปแล้วประมาณร้อยละ 90 ของผลผลิตทั้งหมด
ข้าวนาปรัง ปี 2544 คาดว่าพื้นที่ปลูกรวมทั้งประเทศ 7.405 ล้านไร่ โดยผลผลิต 4.953 ล้านตันข้าวเปลือก ทั้งพื้นที่และผลผลิต
ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 5.80 และ 5.35 ตามลำดับ เนื่องจากราคาในปีที่ผ่านมาไม่จูงใจให้เกษตรกรเพาะปลูกมากนัก
ผลผลิตโดยรวมทั้งข้าวนาปี และนาปรัง คาดว่าจะมี 23.995 ล้านตันข้าวเปลือก ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 0.89
เพาะผลผลิตข้าวนาปรังลดลงมาก
2. การตลาด
2.1 การใช้ในประเทศ
รายการ ปี 2542/43 ปี 2543/44 ผลต่างร้อยละ
(คาดคะเน)
ใช้บริโภค 10.313 10.39 0.75
ใช้ทำพันธุ์ 1.023 1.051 2.74
ใช้ในกิจการอื่น ๆ 2.358 2.386 1.19
รวม 13.694 13.827 0.13
ผลผลิตภายในร้อยละ 60 ใช้ในการบริโภคภายในประเทศ โดยปี 2543/44 จะมีการใช้บริโภค การทำพันธุ์และใช้ในกิจการอื่น ๆ
เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ร้อยละ 0.75 , 2.74 และ 1.19 ตามลำดับ
2.2 การส่งออกของไทย
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (ปี 2538-2542) การส่งออกมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 3.845 สำหรับในปี 2543 กระทรวงพาณิชย์
ได้ตั้งเป้าการส่งออกไว้ 6.00 ล้านตัน-ข้าวสาร แต่ในขณะนี้ไทยสามารถส่งออกได้เกินเป้าที่กำหนดไว้ โดยส่งออกได้ 6.288 ล้านตัน-
ข้าวสาร (มค.-21 ธค. 2543) ซึ่งสูงกว่าเป้าร้อยละ 4.8 แต่ยังส่งออกได้น้อยกว่าช่วงเดียวกันของปี 2542 ร้อยละ 1.49
สำหรับการส่งออกในปี 2544 กระทรวงพาณิชย์ได้คาดว่าจะสามารถส่งออกข้าวได้ 6.2 ล้านตันข้าวสาร ซึ่งตั้งไว้ใกล้เคียง
กับการส่งออกในปี 2543 ทั้งนี้เนื่องจาก ผู้นำเข้าหลายประเทศผลิตได้เพิ่มขึ้น เช่น อินโดนีเซีย ฟิลิปินส์ และญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้อินโดนีเซีย
กำลังปรังปรุงนโยบายข้าวใหม่อีกครั้ง โดยใช้มาตรการ "Controlled Free Martket Mechanism" เพื่อปกป้องผู้ผลิตภายในประเทศ
3. การนำเข้า
ปี 2543 ข้าวที่นำเข้าตามข้อผูกพันภายใต้องค์การการค้าโลก (WTO) ในโควตามีปริมาณ 244,471 ตันข้าวสาร มีการนำเข้าจริง
(มค.-พย. 43) 422.82 ตันข้าวสาร
สำหรับในปี 2544 ได้มีภาระผูกพันภายใต้ข้อตกลงองค์การการค้าโลก (WTO) ปริมาณ 245,792 ล้านตันข้าวสาร
4. ราคา
ราคาข้าวภายในประเทศจะขึ้นอยู่กับอุปสงค์ อุปทานข้าวของโลก เนื่องจากสถานการณ์การค้าข้าวของโลก ปี 2543/44 เพิ่มขึ้น
เล็กน้อยซึ่งใกล้เคียงกับปี 2542/43 ขณะที่ผลผลิตของโลกแม้จะลดลง และเมื่อรวมกับสต็อกคงเหลือที่เพิ่มขึ้นทำให้ผลผลิตโดยรวมยังมีมากใกล้เคียง
กับปีที่ผ่านมา คากว่าราคาปี 2543/44 จะมีแนวโน้มลดลงใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา
โดยราคาข้าวภายในประเทศในช่วง 11 เดือนแรก (มค.-พย.) ของปี 2543 เป็นดังนี้
ราคาข้าวเปลือกหอมมะลิที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยเกวียนละ 7,418 บาท เพิ่มขึ้นจากเกวียนละ 6,919 บาท
ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 7.21
ราคาข้าวเปลือกเจ้านาปี 5% ที่เกษตรกรขายได้เฉลี่ยเกวียนละ 4,979 บาท ลดลงจากเกวียนละ 5,802 บาท
ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.18
ราคาขายส่งข้าวสารเจ้า 5% ในตลาดกรุงเทพฯ เฉลี่ยตันละ 7,331 บาท ลดลงจากตันละ 8,619 บาท
ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 14.94
ราคาส่งออกเอฟ. โอ. บี. ข้าวสาร 5% เฉลี่ยตันละ 8,464 บาท ลดลง จากตันละ 9,714 บาท
ของช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 12.87
มาตรการและนโยบายที่ดำเนินการในปี 2543/44
คณะกรรมการนโยบายข้าว (กนข.) ได้กำหนดมาตรการข้าวนาปี ไว้ 4 มาตรการ รวม 11 โครงการ ได้แก่
1) มาตรการเร่งรัดการส่งออกข้าว ประกอบด้วย
1. การส่งออกข้าวแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล โดยกรมการค้าต่างประเทศ จำนวนไม่เกิน 500,000
ตัน
2. การส่งออกข้าวภายใต้กองทุนรวมข้าว (Rice Pool) โดยกรมการค้าต่างประเทศ
องค์การคลังสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร
3. สนับสนุนการส่งออกข้าวคุณภาพดี โดยกรมการค้าต่างประเทศ จะให้การส่งเสริมการใช้
ดวงตราสัญลักษณ์ข้าวไทย และเครื่องหมายรับรองข้าวหอมมะลิไทย
2) มาตรการรับจำนำ ประกอบด้วย
4. การรับจำนำข้าวเปลือก โดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
รับจำนำข้าวเปลือกจากเกษตรกรและสถาบันเกษตรกร และรับจำนำใบประทวนสินค้าที่องค์การคลังสินค้า และองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร ออกให้แก่
เกษตรกร และสถาบันเกษตรกรจำนวน 2.5 ล้านตัน
ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึง 31 มีนาคม 2544 (ยกเว้นภาคใต้)
ระยะเวลาดำเนินการภาคใต้ ตั้งแต่ 1 มีนาคม 2543 ถึง 31 พฤษภาคม 2544 5>
5. การรับจำนำข้าวสารในโกดังกลาง โดยองค์การคลังสินค้า (อคส.) และองค์การตลาด
เพื่อเกษตรกร (อ.ต.ก.) จำนวน 1,000,000 ตัน จำแนกหน่วยงานละ 500,000 ตัน
ระยะเวลารับฝากรับจำนำตั้งแต่มิถุนายน 2544-ตุลาคม 2544 (ขณะนี้ได้เริ่มก่อนกำหนดคือ
ธันวาคม 2543)
ระยะเวลาไถ่ถอน 4 เดือน นับถัดจากเดือนที่รับจำนำ
3) มาตรการสนับสนุนตลาดข้าว ประกอบด้วย
6. การเชื่อมโยงสินเชื่อเพื่อการผลิตและบริการตลาดข้าวของสหกรณ์
วงเงิน 1,500 ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึง 30 กันยายน 2544
7. การเก็บรวบรวมข้าวเปลือกของกลุ่มเกษตรกร วงเงิน 100 ล้านบาท
ระยะเวลาดำเนินการ 1 ตุลาคม 2543 ถึง 30 กันยายน 2544
8. การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกของกระทรวงมหาดไทย วงเงิน 300 ล้านบาท
ระเวลาดำเนินการ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึง 31 ตุลาคม 2544
9.-10. การแทรกแซงตลาดข้าวเปลือกของกองทัพอากาศ และ นทพ. บก. ทหารสูงสุด
วงเงิน 2.5 ล้านบาท และ 10 ล้านบาท ตามลำดับ
ระยะเวลาดำเนินการตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน 2543 ถึง 30 พฤศจิกายน 2544
4.) มาตรการสนับสนุนสินเชื่อ
11. การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ผู้ค้าข้าวเปลือกของธนาคารแห่งประเทศไทย
วงเงิน 20,000 ล้านบาท และผู้ส่งออกผ่านธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย วงเงิน 20,000 ล้านบาท
ราคาเป้าหมายข้าวเปลือกเจ้านาปีและราคารับจำนำ ฤดูการผลิต ปี 2543/44
ชนิดข้าว ราคาเป้าหมายข้าวเปลือก ราคารับจำนำ
ข้าวเปลือกหอมมะลิ 6,840 6,495
ข้าวเปลือกเจ้า 100% 5,560 5,280
ข้าวเปลือกเจ้า 5% 5,460 5,185
ข้าวเปลือกเจ้า 10% 5,260 4,995
ข้าวเปลือกเจ้า 15% 5,160 4,900
ข้าวเปลือกเจ้า 25% 4,960 4,710
ข้าวเปลือกเหนียว 10% เมล็ดยาว 6,200 5,890
ข้าวเปลือกเหนียวคละ 5,900 5,605
มันสำปะหลัง : สถานการณ์การผลิตและการตลาดมันสำปะหลัง
การผลิต
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าในปี 2544 (ตุลาคม 2543-กันยายน 2544 ) มีพื้นที่เก็บเกี่ยว 6.90
ล้านไร่ ผลผลิต 18.28 ล้านตัน ผลผลิตต่อไร่ 2,649 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับพื้นที่เก็บเกี่ยว 7.10 ล้านไร่ ผลผลิต 18.75 ล้านตันและผลผลิตต่อไร่
2,643 กิโลกรัม ในปีที่ผ่านมาแล้ว ปรากฏว่าพื้นที่เก็บเกี่ยวและผลผลิตลดลงร้อยละ 2.82 และ 2.51 ส่วนผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นร้อยละ 0.23
แม้ว่าราคาหัวมันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้ในปี 2542 จะตกต่ำมาก ขณะที่พืชไร่อื่น ๆ เช่น ข้าวโพด มีราคาดี แต่เนื่องจากเป็นพืชที่ต้องลงทุนสูง
ประกอบกับมีความเสี่ยงเรื่องสภาวะอากาศ เกษตรกรจึงยังคงปลูกมันสำปะหลังใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา ส่วนผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้น เนื่องจากสภาพอากาศ
เอื้ออำนวย และปริมาณท่อนพันธุ์ดี กระจายไปสู่เกษตรกรมากขึ้น แต่จากการที่ราคามันสำปะหลังปี 2543 ลดลง ทำให้เกษตรกรดูแลรักษาน้อยลง
ส่งผลให้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย
การตลาด
1) การใช้ภายในประเทศ
คาดว่าความต้องการใช้ในประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 4.42 ล้านตันหัวมันสด หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 3.76 เนื่องจากแป้งมันสำปะหลังมี
การใช้เพิ่มขึ้น เพราะราคาค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับแป้งชนิดอื่น ๆ ส่วนมันเส้น มันอัดเม็ด เพิ่มขึ้นเพราะมีการส่งเสริมให้มีการใช้มันสำปะหลัง
ในอาหารสัตว์
2) การส่งออก
คาดว่าปริมาณการส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง 12.95 ล้านตันหัวมันสดหรือลดลงร้อยละ 7.83 โดยความต้องการแป้งมันสำปะหลัง
เพิ่มขึ้น ทั้งในตลาดที่มีศักยภาพ เช่น จีน เกาหลีใต้ และรัสเซียและตลาดประจำ เช่น ญี่ปุ่น ไต้หวัน มาเลเซีย ฯลฯ ขณะที่มันอัดเม็ดโดย
เฉพาะอย่างยิ่งตลาดในสหภาพยุโรปมีความต้องการลดลง
3) ราคา
คาดว่าราคาหัวมันสำปะหลังในปี 2543/44 (ตุลาคม 2543-กันยายน 2544) ยังคงตกต่ำต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เนื่องจาก
สหภาพยุโรปซึ่งเป็นประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญได้ดำเนินนโยบายการเกษตรร่วมตาม Agenda 2000 ที่ลดราคาประกันธัญพืชลงร้อยละ 7.5 ต่อปี
ประกอบกับผลผลิตธัญพืชในสหภาพยุโรปมีปริมาณมากกว่าปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 8 นอกจากนี้
ผลผลิตบางส่วนประสบความเสียหายทำให้มีการใช้ในอาหารสัตว์เพิ่มขึ้น โดยราคาหัวมัน-สำปะหลังสดที่เกษตรกรขายได้
(ตค.-ธค.) ปี 2543 กิโลกรัมละ 0.62 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 0.70 บาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 11.43
มาตรการ
เพื่อยกระดับราคาหัวมันสำปะหลังที่เกษตรกรขายได้ให้สูงขึ้นในระดับหนึ่ง คณะกรรมการนโยบายและมาตรการ
ช่วยเหลือเกษตรกรในคราวประชุมเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2543 ได้เห็นชอบโครงการดังต่อไปนี้
1) โครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง ปี 2543/44 เพื่อรับจำนำมันเส้นจำนวน 5 แสนตัน และแป้งมัน
จำนวน 3.75 แสนตัน
2) โครงการแทรกแซงผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังเพื่อการส่งออก ปี 2543/44 โดยรับซื้อมันอัดเม็ดเก็บสต็อก
จำนวน 5 แสนตัน
3) โครงการจัดหาสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อพัฒนาคุณภาพมันสำปะหลัง ปี 2543/44 เพื่อให้ผู้ประกอบการ
ลานมันพัฒนาคุณภาพมันเส้นให้สะอาด จำนวน 300 ราย
4) โครงการรับจำนำผลิตภัณฑ์แปรรูปมันสำปะหลังเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการซึ่งเป็น
ผู้ผลิตสินค้าแปรรูปจากผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง เช่น เด็กซ์โทรส กลูโคส ฯลฯ โดยให้ผู้เข้าร่วมโครงการใช้สินค้าเป็นหลักประกันในลักษณะการจำนำ
สินค้ากับองค์การคลังสินค้าหรือหน่วยงานอื่น ๆ
5) โครงการแปรรูปมันสำปะหลังคุณภาพดีเพื่ออุตสาหกรรมอาหารสัตว์ ซึ่งในโครงการฯ นี้ กระทรวงเกษตร
และสหกรณ์เป็นผู้นำเสนอโดยให้สถาบันเกษตรกร เช่น สหกรณ์การเกษตรฯ เป็นผู้ดำเนินการ โดยการแปรรูปมันเส้นสะอาด จำนวน 3 แสนตัน
คาดว่าจะมีสหกรณ์การเกษตรเข้าร่วมประมาณ 60 สหกรณ์
ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินการโครงการที่ 1 , 2 , 3 และ 5
กุ้งกุลาดำ : สถานการณ์การผลิตและการตลาดกุ้งกุลาดำ
การผลิต
ปี 2543 ศูนย์สารสนเทศการเกษตร สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร คาดว่าผลผลิตกุ้งกุลาดำจากการเพาะเลี้ยงมีประมาณ
248,000 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อนร้อยละ 12.73 เนื่องจากราคากุ้งสูงขึ้น เป็นเหตุจูงใจให้เกษตรกรขยายการเลี้ยงเพิ่มมากขึ้น
ส่วนปี 2544 ศูนย์สารสนเทศการเกษตร คาดว่า ประเทศไทยจะผลิตกุ้งกุลาดำจากการเพาะเลี้ยงได้ 242,000 ตัน
ลดลงจากปี 2543 ร้อยละ 2.42 เนื่องจากเกษตรกรชะลอการเลี้ยงลงเพื่อพักบ่อเลี้ยง
การส่งออก
ในระยะ 10 เดือนแรกของปี 2543 ( มกราคม-ตุลาคม) ไทยส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งได้ปริมาณ 117,538 ตัน
มูลค่า 48,166 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3.01 และ 22.51 ตามลำดับ เนื่องจากประเทศผู้ผลิตกุ้งที่สำคัญ
ในแถบอเมริกาใต้ คือ เอกวาดอ ร์ ประสบปัญหาโรคระบาด ทำให้สหรัฐอเมริกาหันมาสั่งซื้อกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งจากไทยเพิ่มมากขึ้น
คาดว่าเมื่อถึงสิ้นปีการส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยจะมีปริมาณการส่งออกใกล้เคียงกับเป้าหมายที่กระทรวงพาณิชย์ ตั้งไว้ที่ 150,000 ตัน
สำหรับปี 2544 คาดว่า
การส่งออกกุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งของไทยมีแนวโน้มลดลงจากปี 2543 เล็กน้อย เนื่องจากการเลี้ยงกุ้งในแถบอเมริกาใต้มีการขยายฐาน
การเลี้ยงจากเอกวาดอร์ซึ่งประสบปัญหาโรคระบาดไปยังบราซิล ทำให้ผลผลิตกุ้งในแถบนั้นมีปริมาณมากเหมือนเดิม ซึ่งคาดว่าจะทำให้สหรัฐ-อเมริกา
หันกลับไปสั่งซื้อจากแถบอเมริกาใต้และลดการสั่งซื้อกุ้งจากไทยลง
ราคา
ราคากุ้งกุลาดำที่เกษตรกรขายได้ขนาด 31-40 ตัว/กิโลกรัม ในช่วงเดือนมกราคม-พฤศจิกายน 2543 มีราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ
339.70 บาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 22.46 ส่วนราคาส่งออก (F.O.B.) กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็งเฉลี่ยเดือนมกราคม-ตุลาคม 2543
กิโลกรัมละ 409.47 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 18.96 การที่ราคากุ้งปี 2543 สูงขึ้นกว่าปี 2542 ก็เนื่องจากประเทศผู้ผลิตสำคัญ
คือ เอกวาดอร์ ประสบปัญหาโรคตัวแดงดวงขาวระบาด ทำให้ผลผลิตลดลง ในขณะที่ความต้องการกุ้งของตลาดโลกยังสูง ส่งผลให้ราคากุ้งโน้มสูงขึ้น
สำหรับปี 2544 คาดว่าผลผลิตกุ้งในตลาดโลกจะเพิ่มขึ้น จากการขยายการเลี้ยงในบราซิล อินโดนีเซีย และเวียดนาม ในขณะที่ความต้องการบริโภค
คาดว่าจะทรงตัว ส่งผลให้ราคากุ้งในตลาดโลกโน้มลดลง ทำให้ราคากุ้งในประเทศลดลงตาม แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเงินตรา
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 51 ประจำวันที่ 25 - 31 ธ.ค. 2543--
-สส-