1. ร่างพระราชบัญญัติสภาเกษตรกรแห่งชาติ พ.ศ……..
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2543 คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างพระราชบัญญัติฯ เป็นการส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อวางแผนพัฒนาการเกษตรและ เสริมสร้างความเข้มแข็งและศักยภาพให้แก่เกษตรกร โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1) กำหนดให้มีสภาเกษตรกร แห่งชาติ ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นผู้แทนจาก สภาเกษตรกรจังหวัด ๆ ละ 3 คน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งแก่องค์กรเกษตรกร จัดทำและเสนอแผนแม่บทและนโยบายการเกษตร ประสานการดำเนินการระหว่างองค์กรเกษตรกับรัฐ เสนอข้อแนะนำการแก้ไขปัญหาการเกษตรแก่รัฐ
2) กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสภาฯ ประกอบด้วยประธานคนหนึ่งและกรรมการไม่เกิน 20 คน โดยมีเลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ ทำหน้าที่กำกับและ ตรวจสอบการดำเนินงานของเลขาธิการ
3) กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานเลขาธิการสภาฯ โดยมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบงานด้านธุรการของสภาฯ โดยมีเลขาธิการเป็นหัวหน้าสำนักงาน
4) กำหนดให้สำนักงานฯ มีรายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงจากสมาชิก งบประมาณแผ่นดินและเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ
5) กำหนดให้แผนแม่บทเพื่อพัฒนาการเกษตรที่สภาฯ จัดทำขึ้น และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ให้รายงานต่อรัฐสภา เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลผูกพัน หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตาม แผนแม่บทนั้น
6) กำหนดให้มีสภาเกษตรกรจังหวัด ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นผู้แทนจากองค์กรเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ต่อสภาเกษตรกรจังหวัด องค์กรละ 1 คน ทำหน้าที่พัฒนาและส่งเสริมความ เข้มแข็งแก่องค์กรเกษตรกรในระดับจังหวัดประสานนโยบายและการดำเนินงานระหว่างองค์กรเกษตรกรกับรัฐในระดับจังหวัด
7) กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานเลขาธิการสภาเกษตรกรจังหวัดโดยมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบงานด้านธุรการของสภาเกษตรกรจังหวัด
2. มาตรการป้องกันและควบคุมสารพิษตกค้างในใบยาสูบไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2543 อนุมัติมาตรการป้องกันและควบคุม สารพิษตกค้างในใบยาสูบไทย ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ เนื่องจากผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ตรวจพบสารพิษ ตกค้างจากการใช้สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืชในใบยาพันธุ์เบอร์เล่ย์ ที่นำเข้าจากไทยมีปริมาณเกินกว่าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ กำหนด กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกันกำหนดมาตรการ ป้องกันและควบคุมสารพิษตกค้างในใบยาสูบ รวมทั้งกำหนดหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน มาตรการที่สำคัญมีดังนี้
1) ให้ความรู้แก่ชาวไร่เรื่องชนิดสารเคมีที่ควรใช้และเพิ่มความเข้มงวดในการ ติดตามควบคุมการใช้ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช
2) สนับสนุนสินเชื่อและการจัดหาปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชที่มีมาตรฐานให้ชาวไร่ โดยประสานงานกับบริษัทเอกชน ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
3) สุ่มตัวอย่างใบยาของชาวไร่ เพื่อตรวจสอบสารพิษตกค้างให้มากขึ้น รวมทั้งกำหนด บทลงโทษชาวไร่ที่ผลิตใบยาสูบมีสารพิษตกค้างเกินกำหนด
4) ด้านการส่งออก ให้บริษัท ผู้ส่งออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสุ่มเก็บตัวอย่างใบยาเพื่อตรวจสอบสารพิษตกค้างก่อนการส่งออก
3. มติคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2543 รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่นที่อนุมัติให้สมาคม ผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมปศุสัตว์ไทยและสมาคมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ เป็นผู้นำเข้าเมล็ด ถั่วเหลืองเพิ่มเติม จากเดิมซึ่งมีผู้ที่ได้รับสิทธินำเข้าเพียง 6 ราย ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออก สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมผู้เลี้ยง เป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก และสมาคมส่งเสริม ผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าต้อง รับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองคุณภาพดีจากเกษตรกรทั้งหมด ในราคาที่สูงกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท ณ ไร่นา หรือ สูงกว่ากิโลกรัมละ 11 บาท ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ตลาดกรุงเทพฯ
4. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2543 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซล ที่สูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีสาระสำคัญคือ จะให้การช่วยเหลือเกษตรกรทุกสาขาการผลิต (ยกเว้นประมงทะเลที่ได้ดำเนินการช่วยเหลือไปแล้ว) จำนวน 5.6 ล้านครัวเรือน
ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น เนื่องจากน้ำมันดีเซลเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ในการผลิตภาคการเกษตร โดยให้ได้รับการชดเชยราคาน้ำมันเป็นรายครัวเรือน ๆ ละ 45 ลิตร อัตราชดเชยลิตรละ 3 บาท หรือเป็นเงิน 135 บาท ต่อครัวเรือน รวมทั้งช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการ ชดเชยและบริหารโครงการของ ธ.ก.ส. โดยให้ใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหรือแหล่งเงินอื่น ซึ่งกระทรวงเกษตรจะได้เสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อขออนุมัติวงเงินต่อไป
5. ร่างพระราชบัญญัติกองทุน ฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ …) พ.ศ. ……
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2543 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งได้ตรวจพิจารณาตามมติคณะรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
ให้มีการจัดตั้งสำนักจัดการหนี้และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เพื่อดำเนินการแก้ไขหนี้ของเกษตรกรทั้งหนี้ในระบบ (หนี้จากโครงการส่งเสริมของรัฐ หนี้จากสถาบันเกษตรกรและหนี้จากสถาบันการเงิน) และหนี้นอกระบบ เกษตรกรที่จะขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ต้องขึ้นทะเบียนต่อสำนัก จัดการหนี้เกษตรกร (หนี้ในระบบ) ตามหลักเกณฑ์ที่จะประกาศกำหนด และต่อสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือหน่วยงานราชการหรือ รัฐวิสาหกิจที่คณะกรรมการกำหนด (หนี้นอกระบบ) โดยให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2543 คณะรัฐมนตรีอนุมัติหลักการพระราชบัญญัติฯ ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอร่างพระราชบัญญัติฯ เป็นการส่งเสริมให้เกิดการรวมกลุ่มของเกษตรกร เพื่อวางแผนพัฒนาการเกษตรและ เสริมสร้างความเข้มแข็งและศักยภาพให้แก่เกษตรกร โดยมีสาระสำคัญดังนี้
1) กำหนดให้มีสภาเกษตรกร แห่งชาติ ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นผู้แทนจาก สภาเกษตรกรจังหวัด ๆ ละ 3 คน ทำหน้าที่กำหนดนโยบายเพื่อพัฒนาความเข้มแข็งแก่องค์กรเกษตรกร จัดทำและเสนอแผนแม่บทและนโยบายการเกษตร ประสานการดำเนินการระหว่างองค์กรเกษตรกับรัฐ เสนอข้อแนะนำการแก้ไขปัญหาการเกษตรแก่รัฐ
2) กำหนดให้มีคณะกรรมการบริหารสภาฯ ประกอบด้วยประธานคนหนึ่งและกรรมการไม่เกิน 20 คน โดยมีเลขาธิการเป็นกรรมการและเลขานุการ ทำหน้าที่กำกับและ ตรวจสอบการดำเนินงานของเลขาธิการ
3) กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานเลขาธิการสภาฯ โดยมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบงานด้านธุรการของสภาฯ โดยมีเลขาธิการเป็นหัวหน้าสำนักงาน
4) กำหนดให้สำนักงานฯ มีรายได้จากค่าธรรมเนียมและค่าบำรุงจากสมาชิก งบประมาณแผ่นดินและเงินช่วยเหลือจากหน่วยงานของรัฐ
5) กำหนดให้แผนแม่บทเพื่อพัฒนาการเกษตรที่สภาฯ จัดทำขึ้น และคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้ว ให้รายงานต่อรัฐสภา เพื่อประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลผูกพัน หน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินการตาม แผนแม่บทนั้น
6) กำหนดให้มีสภาเกษตรกรจังหวัด ประกอบด้วยสมาชิกซึ่งเป็นผู้แทนจากองค์กรเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนไว้ต่อสภาเกษตรกรจังหวัด องค์กรละ 1 คน ทำหน้าที่พัฒนาและส่งเสริมความ เข้มแข็งแก่องค์กรเกษตรกรในระดับจังหวัดประสานนโยบายและการดำเนินงานระหว่างองค์กรเกษตรกรกับรัฐในระดับจังหวัด
7) กำหนดให้จัดตั้งสำนักงานเลขาธิการสภาเกษตรกรจังหวัดโดยมีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบงานด้านธุรการของสภาเกษตรกรจังหวัด
2. มาตรการป้องกันและควบคุมสารพิษตกค้างในใบยาสูบไทย
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2543 อนุมัติมาตรการป้องกันและควบคุม สารพิษตกค้างในใบยาสูบไทย ตามที่กระทรวงการคลัง เสนอ เนื่องจากผู้นำเข้าในสหรัฐฯ ตรวจพบสารพิษ ตกค้างจากการใช้สารป้องกันและกำจัดศัตรูพืชในใบยาพันธุ์เบอร์เล่ย์ ที่นำเข้าจากไทยมีปริมาณเกินกว่าที่กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ กำหนด กระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจึงได้ร่วมกันกำหนดมาตรการ ป้องกันและควบคุมสารพิษตกค้างในใบยาสูบ รวมทั้งกำหนดหน้าที่รับผิดชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐและเอกชน มาตรการที่สำคัญมีดังนี้
1) ให้ความรู้แก่ชาวไร่เรื่องชนิดสารเคมีที่ควรใช้และเพิ่มความเข้มงวดในการ ติดตามควบคุมการใช้ปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืช
2) สนับสนุนสินเชื่อและการจัดหาปุ๋ยและยาปราบศัตรูพืชที่มีมาตรฐานให้ชาวไร่ โดยประสานงานกับบริษัทเอกชน ธนาคารออมสินและธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
3) สุ่มตัวอย่างใบยาของชาวไร่ เพื่อตรวจสอบสารพิษตกค้างให้มากขึ้น รวมทั้งกำหนด บทลงโทษชาวไร่ที่ผลิตใบยาสูบมีสารพิษตกค้างเกินกำหนด
4) ด้านการส่งออก ให้บริษัท ผู้ส่งออกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องสุ่มเก็บตัวอย่างใบยาเพื่อตรวจสอบสารพิษตกค้างก่อนการส่งออก
3. มติคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่น
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 2543 รับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายถั่วเหลืองและพืชน้ำมันอื่นที่อนุมัติให้สมาคม ผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมปศุสัตว์ไทยและสมาคมผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ เป็นผู้นำเข้าเมล็ด ถั่วเหลืองเพิ่มเติม จากเดิมซึ่งมีผู้ที่ได้รับสิทธินำเข้าเพียง 6 ราย ได้แก่ สมาคมผู้ผลิตอาหารสัตว์ไทย สมาคมผู้ผลิตน้ำมันถั่วเหลืองและรำข้าว กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ สมาคมผู้ผลิตไก่เพื่อส่งออก สมาคมผู้เลี้ยงไก่เนื้อเพื่อการส่งออก สมาคมผู้เลี้ยง เป็ดเพื่อการค้าและการส่งออก และสมาคมส่งเสริม ผู้ใช้วัตถุดิบอาหารสัตว์ โดยกำหนดให้ผู้นำเข้าต้อง รับซื้อเมล็ดถั่วเหลืองคุณภาพดีจากเกษตรกรทั้งหมด ในราคาที่สูงกว่ากิโลกรัมละ 10 บาท ณ ไร่นา หรือ สูงกว่ากิโลกรัมละ 11 บาท ณ หน้าโรงงานสกัดน้ำมันถั่วเหลือง ตลาดกรุงเทพฯ
4. มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2543 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซล ที่สูงขึ้น ตามที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์เสนอ โดยมีสาระสำคัญคือ จะให้การช่วยเหลือเกษตรกรทุกสาขาการผลิต (ยกเว้นประมงทะเลที่ได้ดำเนินการช่วยเหลือไปแล้ว) จำนวน 5.6 ล้านครัวเรือน
ที่ได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันดีเซลที่สูงขึ้น เนื่องจากน้ำมันดีเซลเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ ในการผลิตภาคการเกษตร โดยให้ได้รับการชดเชยราคาน้ำมันเป็นรายครัวเรือน ๆ ละ 45 ลิตร อัตราชดเชยลิตรละ 3 บาท หรือเป็นเงิน 135 บาท ต่อครัวเรือน รวมทั้งช่วยเหลือค่าใช้จ่ายในการ ชดเชยและบริหารโครงการของ ธ.ก.ส. โดยให้ใช้เงินจากกองทุนรวมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรหรือแหล่งเงินอื่น ซึ่งกระทรวงเกษตรจะได้เสนอคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) เพื่อขออนุมัติวงเงินต่อไป
5. ร่างพระราชบัญญัติกองทุน ฟื้นฟูและพัฒนาเกษตรกร (ฉบับที่ …) พ.ศ. ……
คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2543 เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติฯ ซึ่งได้ตรวจพิจารณาตามมติคณะรัฐมนตรี ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ โดยมีสาระสำคัญดังนี้
ให้มีการจัดตั้งสำนักจัดการหนี้และคณะกรรมการจัดการหนี้ของเกษตรกร เพื่อดำเนินการแก้ไขหนี้ของเกษตรกรทั้งหนี้ในระบบ (หนี้จากโครงการส่งเสริมของรัฐ หนี้จากสถาบันเกษตรกรและหนี้จากสถาบันการเงิน) และหนี้นอกระบบ เกษตรกรที่จะขอรับการสนับสนุนจากกองทุนฯ ต้องขึ้นทะเบียนต่อสำนัก จัดการหนี้เกษตรกร (หนี้ในระบบ) ตามหลักเกณฑ์ที่จะประกาศกำหนด และต่อสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี หรือหน่วยงานราชการหรือ รัฐวิสาหกิจที่คณะกรรมการกำหนด (หนี้นอกระบบ) โดยให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนภายใน 180 วัน นับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-