กรุงเทพฯ--30 พ.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2543) ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกรณีอดีตเอกอัครราชทูตได้ลงนามในเอกสารเพื่อขายที่ดินและอาคารสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮกว่า กระทรวงการต่างประเทศได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นภายหลังจากเรื่องดังกล่าวได้รับการร้องเรียนมายังกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเดือนตุลาคม 2542 โดยมีนายเฉลิม อาจารีย์ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงฯ เป็นประธานในการสอบสวน และต่อมาได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเมื่อเดือนกันยายน 2543 โดยมีนายอภินันท์ ปวนะฤทธิ์ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นประธาน เนื่องจากคณะกรรมการชุดแรกพบมูลเหตุสมควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป อย่างไรก็ตาม อดีตเอกอัครราชทูตได้แจ้งกับคณะกรรมการฯ ว่า ตนถูกกลฉ้อฉลจากฝ่ายผู้ซื้อหลอกให้ลงนามในเอกสารภาษาดัทช์ซึ่งเป็นเพียงหนังสือแสดงเจตนาจะซื้อเท่านั้น
ดร.สุรินทร์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงฯ ได้ปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน ทุกขั้นตอนของการดำเนินงานในกรณีนี้ อาทิ กรมธนารักษ์ ราชพัสดุ ตลอดจนสำนักงานข้าราชการพลเรือน และสำนักงานอัยการสูงสุด ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัย เพื่อให้ทุกขั้นตอนเป็นไปตามระเบียบ และกฎเกณฑ์ของทางราชการอย่างเคร่งครัด ในขณะนี้ ต้องรอผลการสอบสวนทางวินัยก่อน ซึ่งตามระเบียบราชการนั้น การสอบทางวินัยเป็นเรื่องปกปิด อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผิดจริง ก็มีมาตรการที่จะลงโทษทางวินัยต่อไปได้
ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอกสารซึ่งอดีตเอกอัครราชทูตได้ลงนามนั้น ดร.สุรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กำลังดำเนินการอยู่ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ซึ่งยินดีจะเป็นผู้ประสานงานให้ โดยรัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่บนพื้นฐานของกฏหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งสิทธิและความคุ้มกันที่ไทยมีอยู่ เพื่อให้เรื่องนี้ยุติลงด้วยดี ดร.สุรินทร์กล่าวย้ำว่า ในกรณีนี้ กระทรวงฯ ไม่เคยมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรมอบหมายให้เอกอัครราชทูตขายทรัพย์สินของทางราชการ เนื่องจากเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับมติยินยอมจากคณะกรรมการร่วมของกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง ตลอดจนจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (29 พฤศจิกายน 2543) ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการ ต่างประเทศให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกรณีอดีตเอกอัครราชทูตได้ลงนามในเอกสารเพื่อขายที่ดินและอาคารสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเฮกว่า กระทรวงการต่างประเทศได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้นภายหลังจากเรื่องดังกล่าวได้รับการร้องเรียนมายังกระทรวงการต่างประเทศเมื่อเดือนตุลาคม 2542 โดยมีนายเฉลิม อาจารีย์ เอกอัครราชทูตประจำกระทรวงฯ เป็นประธานในการสอบสวน และต่อมาได้แต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยขึ้นมาอีกชุดหนึ่งเมื่อเดือนกันยายน 2543 โดยมีนายอภินันท์ ปวนะฤทธิ์ รองปลัดกระทรวงฯ เป็นประธาน เนื่องจากคณะกรรมการชุดแรกพบมูลเหตุสมควรให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยต่อไป อย่างไรก็ตาม อดีตเอกอัครราชทูตได้แจ้งกับคณะกรรมการฯ ว่า ตนถูกกลฉ้อฉลจากฝ่ายผู้ซื้อหลอกให้ลงนามในเอกสารภาษาดัทช์ซึ่งเป็นเพียงหนังสือแสดงเจตนาจะซื้อเท่านั้น
ดร.สุรินทร์ฯ กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงฯ ได้ปรึกษากับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน ทุกขั้นตอนของการดำเนินงานในกรณีนี้ อาทิ กรมธนารักษ์ ราชพัสดุ ตลอดจนสำนักงานข้าราชการพลเรือน และสำนักงานอัยการสูงสุด ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการทางวินัย เพื่อให้ทุกขั้นตอนเป็นไปตามระเบียบ และกฎเกณฑ์ของทางราชการอย่างเคร่งครัด ในขณะนี้ ต้องรอผลการสอบสวนทางวินัยก่อน ซึ่งตามระเบียบราชการนั้น การสอบทางวินัยเป็นเรื่องปกปิด อย่างไรก็ตาม หากพบว่าผิดจริง ก็มีมาตรการที่จะลงโทษทางวินัยต่อไปได้
ส่วนเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเอกสารซึ่งอดีตเอกอัครราชทูตได้ลงนามนั้น ดร.สุรินทร์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่กำลังดำเนินการอยู่ระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลเนเธอร์แลนด์ ซึ่งยินดีจะเป็นผู้ประสานงานให้ โดยรัฐบาลไทยกำลังดำเนินการอย่างเต็มที่บนพื้นฐานของกฏหมายระหว่างประเทศ รวมทั้งสิทธิและความคุ้มกันที่ไทยมีอยู่ เพื่อให้เรื่องนี้ยุติลงด้วยดี ดร.สุรินทร์กล่าวย้ำว่า ในกรณีนี้ กระทรวงฯ ไม่เคยมีคำสั่งเป็นลายลักษณ์อักษรมอบหมายให้เอกอัครราชทูตขายทรัพย์สินของทางราชการ เนื่องจากเป็นเรื่องที่จะต้องได้รับมติยินยอมจากคณะกรรมการร่วมของกระทรวงต่างประเทศ และกระทรวงการคลัง ตลอดจนจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีด้วย
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-