กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแถลงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งที่ 1ของเวทีหารือระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา กับการประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2544 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งที่ 1 ของเวทีหารือระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา (EALAF) ที่กรุงซานติอาโก ระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม 2544 กับการประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 ที่นครเจนีวา ระหว่างวันที่ 1-3 เมษายน 2544 ดังนี้
1. การประชุมที่กรุงซานติอาโก
1.1 การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีหารือระหว่างภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกและลาตินอเมริกา ครั้งนี้นับเป็นการประชุมครั้งแรกมีรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 30 ประเทศใน 2 ภูมิภาคมาร่วมประชุมกัน โดยเน้นถึงความสำคัญของการร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านต่างๆ ในการนี้ ประเทศไทยเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเจรจาระดับพหุภาคี เช่น การเจรจาการค้าในเวทีองค์การการค้าโลก (WTO) การแลกเปลี่ยนนักวิชาการ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องวิกฤตทางการเงิน ซึ่งเริ่มต้นในภูมิภาคเอเชีย และมีผลกระทบขยายไปยังภูมิภาคละตินอเมริกา ซึ่งได้มีการริเริ่มที่จะจัดตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
1.2 ระหว่างการประชุมได้มีการพบปะหารือทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ดังนี้
1.2.1 การหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย
- ได้มีการหารือถึงเรื่องที่จะมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ของการจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย เพื่อให้การค้าและการลงทุนสะดวกขึ้น และได้ขอให้ฝ่ายออสเตรเลียพิจารณาแก้ปัญหาสินค้าการเกษตรบางประเภทที่ยังมีอยู่ โดยสาเหตุ มิได้มาจากประเทศไทย เช่น กุ้งที่มีมาตรฐานการนำเข้า ซึ่งประเทศอื่นมีปัญหา ทำให้สินค้าจากประเทศไทยได้รับผลกระทบไปด้วย
1.2.2 การหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศนิวซีแลนด์
- ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนิวซีแลนด์เชิญ รัฐมนตรีว่าการฯ ไปเยือนนิวซีแลนด์
- ไทยพร้อมเป็นประตูสู่กลุ่มประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงให้ทั้ง ออสตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งจะต้องหารือกันใน รายละเอียดต่อไป 1.2.3 การหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศชิลี
- ชิลีเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากที่สุด ประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกา ซึ่งน่าจะเป็นประตูทาง เศรษฐกิจสำหรับไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา ขณะเดียวกัน ไทยก็พร้อมจะเป็นประตูทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคเอเชียของ ประเทศชิลี
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศชิลีจะนำ คณะนักธุรกิจชิลีเยือนประเทศไทยปลายปีนี้
- ในช่วงเวลา 1-2 ปีนี้จะมีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีของ อเมริกาทั้งหมด (FTAA) ประเทศในละตินอเมริกาจะ สามารถส่งสินค้าไปยังภูมิภาคอเมริกาเหนือโดยไม่มีภาษี ซึ่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกับสินค้าที่ไทยส่งไปขายใน อเมริกา ในประเด็นนี้ นักธุรกิจไทยควรเห็นความสำคัญ ของการร่วมลงทุนกับประเทศในลาตินอเมริกา เพื่อที่จะ สามารถส่งสินค้าเข้าไปในภูมิภาคอเมริกาเหนือได้
1.2.4 การหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่า
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่ายืนยันว่า พม่าต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย และยินดีที่ไทยมี นโยบายให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้าน
- ดร.สุรเกียรติ์ ฯ ได้ยืนยันต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง การต่างประเทศพม่าเช่นกันว่า ไทยต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี กับพม่า และเห็นว่าปัญหาชายแดนควรมีการแก้ไขใน ระดับท้องถิ่น ไม่ควรกระทบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับรัฐ ไทยเสนอให้มีความร่วมมือ 3 ฝ่ายในการป้องกันและ ปราบปราม ยาเสพติดระหว่างไทย-จีน-พม่า ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่าเห็นด้วย และจะหาเวลาที่เหมาะสมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่านำ คำเชิญจากมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่า ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยไปเยือน พม่าระหว่างวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2544 ต่อจากการ ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AMM Retreat) ในวันที่ 30 เมษายน 2544 ซึ่งดร.สุรเกียรติ์ ฯ ได้ตอบรับคำเชิญ
2. การประชุมที่นครเจนีวา
2.1 การไปร่วมประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 57 เป็นการไปกล่าวถ้อยแถลงโดยที่ไทยเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการนี้เป็นครั้งแรก และได้รับการ ต้อนรับจากประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น จีน อิหร่าน และประเทศอื่นๆ ในเอเชียเป็นอย่างมาก ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
- ไทยเน้นเรื่องสิทธิในการพัฒนาและเห็นว่าไม่ควรเอาเรื่อง สิทธิมนุษยชนมาเป็นเงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือ ระหว่างประเทศ เพราะประชาชนคือบุคคลที่ได้ผลกระทบ จากการขาดแคลนความช่วยเหลือ
- รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน และได้ระบุไว้ ในนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับสิทธิในการพัฒนา สิทธิของ ชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2.2 ระหว่างอยู่ที่นครเจนีวาได้มีการพบปะหารือกับนาย Mike Moore ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) และได้หารือกันในประเด็นสำคัญคือ องค์การการค้าโลกจะต้องสร้างความมั่นใจให้ประเทศกำลังพัฒนา และเน้นการสร้างขีดความสามารถของประเทศกำลังพัฒนา ในการเผชิญกับการเปิดเสรีทางการค้าและการเงิน และจะต้องเน้นการหารือมากกว่าการเจรจา
หลังการพบกับนาย Mike Moore ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทราบถึงผลของการหารือ และเอกอัครราชทูตไทยประจำ WTO และออท.ผู้แทนถาวรฯ ไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวาก็ได้อยู่ในคณะหารือด้วย เป็นการประสานงานของทีมประเทศไทยเพื่อให้มีการกรุยทาง และประสานงานเพื่อสานต่ออย่างโปร่งใส ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศแถลงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งที่ 1ของเวทีหารือระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา กับการประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57
เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2544 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนถึงผลการประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศครั้งที่ 1 ของเวทีหารือระหว่างภูมิภาคเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา (EALAF) ที่กรุงซานติอาโก ระหว่างวันที่ 29-30 มีนาคม 2544 กับการประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ สมัยที่ 57 ที่นครเจนีวา ระหว่างวันที่ 1-3 เมษายน 2544 ดังนี้
1. การประชุมที่กรุงซานติอาโก
1.1 การประชุมระดับรัฐมนตรีต่างประเทศของเวทีหารือระหว่างภูมิภาคเอเชีย ตะวันออกและลาตินอเมริกา ครั้งนี้นับเป็นการประชุมครั้งแรกมีรัฐมนตรีต่างประเทศจาก 30 ประเทศใน 2 ภูมิภาคมาร่วมประชุมกัน โดยเน้นถึงความสำคัญของการร่วมมือเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านต่างๆ ในการนี้ ประเทศไทยเสนอให้มีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ในการเจรจาระดับพหุภาคี เช่น การเจรจาการค้าในเวทีองค์การการค้าโลก (WTO) การแลกเปลี่ยนนักวิชาการ และการแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องวิกฤตทางการเงิน ซึ่งเริ่มต้นในภูมิภาคเอเชีย และมีผลกระทบขยายไปยังภูมิภาคละตินอเมริกา ซึ่งได้มีการริเริ่มที่จะจัดตั้งคณะทำงานเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
1.2 ระหว่างการประชุมได้มีการพบปะหารือทวิภาคีกับประเทศต่างๆ ดังนี้
1.2.1 การหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศออสเตรเลีย
- ได้มีการหารือถึงเรื่องที่จะมีการศึกษาถึงความเป็นไปได้ของการจัดตั้งเขตการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย เพื่อให้การค้าและการลงทุนสะดวกขึ้น และได้ขอให้ฝ่ายออสเตรเลียพิจารณาแก้ปัญหาสินค้าการเกษตรบางประเภทที่ยังมีอยู่ โดยสาเหตุ มิได้มาจากประเทศไทย เช่น กุ้งที่มีมาตรฐานการนำเข้า ซึ่งประเทศอื่นมีปัญหา ทำให้สินค้าจากประเทศไทยได้รับผลกระทบไปด้วย
1.2.2 การหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศนิวซีแลนด์
- ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน
- รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศนิวซีแลนด์เชิญ รัฐมนตรีว่าการฯ ไปเยือนนิวซีแลนด์
- ไทยพร้อมเป็นประตูสู่กลุ่มประเทศในลุ่มแม่น้ำโขงให้ทั้ง ออสตรเลียและนิวซีแลนด์ ซึ่งจะต้องหารือกันใน รายละเอียดต่อไป 1.2.3 การหารือกับรัฐมนตรีต่างประเทศชิลี
- ชิลีเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางเศรษฐกิจมากที่สุด ประเทศหนึ่งในลาตินอเมริกา ซึ่งน่าจะเป็นประตูทาง เศรษฐกิจสำหรับไทยในภูมิภาคลาตินอเมริกา ขณะเดียวกัน ไทยก็พร้อมจะเป็นประตูทางเศรษฐกิจสู่ภูมิภาคเอเชียของ ประเทศชิลี
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศชิลีจะนำ คณะนักธุรกิจชิลีเยือนประเทศไทยปลายปีนี้
- ในช่วงเวลา 1-2 ปีนี้จะมีการจัดตั้งเขตการค้าเสรีของ อเมริกาทั้งหมด (FTAA) ประเทศในละตินอเมริกาจะ สามารถส่งสินค้าไปยังภูมิภาคอเมริกาเหนือโดยไม่มีภาษี ซึ่งเป็นสินค้าประเภทเดียวกับสินค้าที่ไทยส่งไปขายใน อเมริกา ในประเด็นนี้ นักธุรกิจไทยควรเห็นความสำคัญ ของการร่วมลงทุนกับประเทศในลาตินอเมริกา เพื่อที่จะ สามารถส่งสินค้าเข้าไปในภูมิภาคอเมริกาเหนือได้
1.2.4 การหารือกับรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่า
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่ายืนยันว่า พม่าต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดีกับไทย และยินดีที่ไทยมี นโยบายให้ความสำคัญกับประเทศเพื่อนบ้าน
- ดร.สุรเกียรติ์ ฯ ได้ยืนยันต่อรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง การต่างประเทศพม่าเช่นกันว่า ไทยต้องมีความสัมพันธ์ที่ดี กับพม่า และเห็นว่าปัญหาชายแดนควรมีการแก้ไขใน ระดับท้องถิ่น ไม่ควรกระทบความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับรัฐ ไทยเสนอให้มีความร่วมมือ 3 ฝ่ายในการป้องกันและ ปราบปราม ยาเสพติดระหว่างไทย-จีน-พม่า ซึ่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่าเห็นด้วย และจะหาเวลาที่เหมาะสมเพื่อหารือเกี่ยวกับเรื่องนี้ต่อไป
- รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่านำ คำเชิญจากมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศพม่า ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไทยไปเยือน พม่าระหว่างวันที่ 1-2 พฤษภาคม 2544 ต่อจากการ ประชุมรัฐมนตรีอาเซียนอย่างไม่เป็นทางการ (AMM Retreat) ในวันที่ 30 เมษายน 2544 ซึ่งดร.สุรเกียรติ์ ฯ ได้ตอบรับคำเชิญ
2. การประชุมที่นครเจนีวา
2.1 การไปร่วมประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 57 เป็นการไปกล่าวถ้อยแถลงโดยที่ไทยเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการนี้เป็นครั้งแรก และได้รับการ ต้อนรับจากประเทศที่กำลังพัฒนา เช่น จีน อิหร่าน และประเทศอื่นๆ ในเอเชียเป็นอย่างมาก ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีการส่งเสริมสิทธิมนุษยชนอย่างกว้างขวาง
- ไทยเน้นเรื่องสิทธิในการพัฒนาและเห็นว่าไม่ควรเอาเรื่อง สิทธิมนุษยชนมาเป็นเงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือ ระหว่างประเทศ เพราะประชาชนคือบุคคลที่ได้ผลกระทบ จากการขาดแคลนความช่วยเหลือ
- รัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชน และได้ระบุไว้ ในนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับสิทธิในการพัฒนา สิทธิของ ชุมชนในการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าและสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
2.2 ระหว่างอยู่ที่นครเจนีวาได้มีการพบปะหารือกับนาย Mike Moore ผู้อำนวยการใหญ่องค์การการค้าโลก (WTO) และได้หารือกันในประเด็นสำคัญคือ องค์การการค้าโลกจะต้องสร้างความมั่นใจให้ประเทศกำลังพัฒนา และเน้นการสร้างขีดความสามารถของประเทศกำลังพัฒนา ในการเผชิญกับการเปิดเสรีทางการค้าและการเงิน และจะต้องเน้นการหารือมากกว่าการเจรจา
หลังการพบกับนาย Mike Moore ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งนายอดิศัย โพธารามิก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ทราบถึงผลของการหารือ และเอกอัครราชทูตไทยประจำ WTO และออท.ผู้แทนถาวรฯ ไทยประจำสหประชาชาติ ณ นครเจนีวาก็ได้อยู่ในคณะหารือด้วย เป็นการประสานงานของทีมประเทศไทยเพื่อให้มีการกรุยทาง และประสานงานเพื่อสานต่ออย่างโปร่งใส ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-