นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (The U.S. Department of Agriculture : USDA) ได้ออกกฎระเบียบว่าด้วยการระบุแหล่งกำเนิดสินค้าลงในฉลากสินค้า หรือ Country of Origin Labeling (COOL) โดยกำหนดให้สินค้าเกษตร 4 ประเภท ได้แก่ สินค้าประมง (Fish and Shellfish) เนื้อสัตว์ (Beef , Pork) สินค้าเกษตรที่เน่าเสียง่าย (Perishable Agricultural Commodities) และถั่วต่างๆ (Peanuts) ที่จะวางจำหน่ายในประเทศสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าที่ผลิตในประเทศสหรัฐฯ หรือเป็นสินค้าที่ผลิตจากต่างประเทศก็ตาม ต้องปิดฉลาก COOL เพื่อเป็นข้อมูลให้ผู้บริโภคใช้ประกอบการตัดสินใจในการซื้อ ทั้งนี้ จะมีผลบังคับใช้กับสินค้าประมงก่อนในวันที่ 4 เมษายน 2548 สำหรับสินค้าที่เหลืออีก 3 ประเภทจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 30 กันยายน 2549 เป็นต้นไป
สำหรับวิธีการปิดฉลาก ผู้ค้าปลีกจะต้องปิดฉลากเป็นภาษาอังกฤษบนบรรจุภัณฑ์ ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ในกรณีที่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศต้องระบุข้อความบนฉลาก ดังนี้
1. กรณีไม่ผ่านกระบวนการผลิตในสหรัฐฯ ต้องระบุข้อความลงบนฉลากสินค้าว่า "Product of (country)" สำหรับสินค้าเนื้อสัตว์ที่มีแหล่งกำเนิดในต่างประเทศ แต่นำไปเลี้ยงและชำแหละในสหรัฐฯ ต้องระบุข้อความ "Import from (country), raised and slaughtered in U.S."
2. กรณีผ่านกระบวนการผลิตในสหรัฐฯ ต้องระบุข้อความบนฉลากว่า "From (country), processed in the United States" และไม่ถือว่าสินค้านั้นมีแหล่งกำเนิดในสหรัฐฯ
ข้อยกเว้น
สินค้าเกษตรทั้ง 4 ประเภทดังกล่าว หากถูกนำไปปรุงให้สุกเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร หรือผ่านกระบวนการแปรรูป และทำให้มีลักษณะทางภายภาพหรือทางเคมีเปลี่ยนไปจากเดิม จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องปิดฉลาก COOL ตัวอย่างสินค้าที่เข้าข่ายได้รับยกเว้น ได้แก่ แฮม เบคอน น้ำส้มคั้น เนยถั่ว กุ้งชุบเกล็ดขนมปัง ผักสลัดรวม เป็นต้น
นอกจากนี้ USDA ยังกำหนดให้บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ หรือผู้ผลิตสินค้าในต่างประเทศต้องจัดเก็บและรักษาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ต้องปิดฉลาก COOL อาทิ แหล่งที่มาของสินค้าจะถึงมือตน รายชื่อผู้รับซื้อสินค้านั้นไปขายต่อ ฯลฯ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อช่วยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับ หากพบว่าผู้บริโภคได้รับอันตรายจากการบริโภคสินค้านั้นในภายหลัง รวมทั้งได้กำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนที่ไม่ปิดฉลากหรือแสดงข้อมูลบนฉลากที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยลงโทษปรับสูงสุดครั้งละไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
สำหรับวิธีการปิดฉลาก ผู้ค้าปลีกจะต้องปิดฉลากเป็นภาษาอังกฤษบนบรรจุภัณฑ์ ในตำแหน่งที่สามารถมองเห็นได้ชัดเจน ในกรณีที่เป็นสินค้านำเข้าจากต่างประเทศต้องระบุข้อความบนฉลาก ดังนี้
1. กรณีไม่ผ่านกระบวนการผลิตในสหรัฐฯ ต้องระบุข้อความลงบนฉลากสินค้าว่า "Product of (country)" สำหรับสินค้าเนื้อสัตว์ที่มีแหล่งกำเนิดในต่างประเทศ แต่นำไปเลี้ยงและชำแหละในสหรัฐฯ ต้องระบุข้อความ "Import from (country), raised and slaughtered in U.S."
2. กรณีผ่านกระบวนการผลิตในสหรัฐฯ ต้องระบุข้อความบนฉลากว่า "From (country), processed in the United States" และไม่ถือว่าสินค้านั้นมีแหล่งกำเนิดในสหรัฐฯ
ข้อยกเว้น
สินค้าเกษตรทั้ง 4 ประเภทดังกล่าว หากถูกนำไปปรุงให้สุกเพื่อใช้ในการประกอบอาหาร หรือผ่านกระบวนการแปรรูป และทำให้มีลักษณะทางภายภาพหรือทางเคมีเปลี่ยนไปจากเดิม จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องปิดฉลาก COOL ตัวอย่างสินค้าที่เข้าข่ายได้รับยกเว้น ได้แก่ แฮม เบคอน น้ำส้มคั้น เนยถั่ว กุ้งชุบเกล็ดขนมปัง ผักสลัดรวม เป็นต้น
นอกจากนี้ USDA ยังกำหนดให้บุคคลที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าปลีกในสหรัฐฯ หรือผู้ผลิตสินค้าในต่างประเทศต้องจัดเก็บและรักษาข้อมูลต่างๆที่เกี่ยวข้องกับสินค้าที่ต้องปิดฉลาก COOL อาทิ แหล่งที่มาของสินค้าจะถึงมือตน รายชื่อผู้รับซื้อสินค้านั้นไปขายต่อ ฯลฯ เป็นเวลาอย่างน้อย 1 ปี เพื่อช่วยในการตรวจสอบข้อมูลย้อนกลับ หากพบว่าผู้บริโภคได้รับอันตรายจากการบริโภคสินค้านั้นในภายหลัง รวมทั้งได้กำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนที่ไม่ปิดฉลากหรือแสดงข้อมูลบนฉลากที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง โดยลงโทษปรับสูงสุดครั้งละไม่เกิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-