ข่าวในประเทศ
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในปี 44 ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากในปี 44 มีทิศทางปรับสูงขึ้น เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปี 43 แต่เป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ และค่อนข้างเปราะบาง เนื่องจากยังมีปัจจัยค่อนข้างเสี่ยง โดยประเด็นที่จะมีผลโดยตรงให้ดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับต่ำหรือขยับขึ้นได้ คือ นโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น คือ (1) เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นมากและเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้น รวมทั้งมีแรงกดดันจากต่างประเทศ หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ธปท.จะพยายามคงดอกเบี้ยในระดับต่ำ แต่ก็อาจปรับขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ (2) การดำเนินงานและฐานะของระบบ ธพ.ในปีหน้าว่ามีนโยบายเชิงรุกในการเร่งปล่อยสินเชื่ออย่างไร หากมีการปล่อยสินเชื่อและมีการแข่งขันระหว่างธนาคารมากขึ้น จะทำให้ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวคงขึ้นอยู่กับการกระตุ้นและการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้าเป็นหลัก ซึ่งปัญหาราคาน้ำมันและค่าเงินบาท รวมทั้งการเริ่มลดลงของดุลบัญชีเดินสะพัดจะเป็นส่วนบั่นทอนการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 44 ต่อเนื่องจากปี 43 (ไทยรัฐ 24)
2. ยอดการใช้เช็คในเดือน ต.ค.43 ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารมวลชน ในฐานะรองโฆษก ธปท.เปิดเผยสถิติการหักบัญชีเช็คในเดือน ต.ค.43 ว่า ปริมาณเช็คเรียกเก็บมีจำนวนทั้งสิ้น 4.81 ล.ฉบับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.21 จากเดือน ก.ย.43 คิดเป็นมูลค่า 1,314.54 พัน ล.บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.38 เช็คเรียกเก็บเฉลี่ยต่อวันทำการมีปริมาณและมูลค่า 229,176 ฉบับ และ 62.6 พัน ล.บาท สำหรับเช็คคืนในเดือน ต.ค.มีปริมาณเท่ากับ 119,939 ฉบับ มีมูลค่า 12.1 พัน ล.บาท คิดเป็นสัดส่วนต่อปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บทั้งหมดเท่ากับร้อยละ 2.49 และ 0.92 ตามลำดับ (มติชน 24)
3. ข้อมูลการคลังเดือน ต.ค.43 รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยถึงข้อมูลการคลังเดือน ต.ค.43 ว่า รัฐบาลมีรายรับเงินงบประมาณรวม 53,115 ล.บาท สูงกว่าปี 42 ร้อยละ 14.2 และมีรายจ่ายเงินงบประมาณรวม 71,909 ล.บาท สูงกว่าปี 42 ร้อยละ 20.4 ทำให้รัฐบาลมีงบประมาณขาดดุล 18,794 ล.บาท เมื่อรวมกับดุลนอกงบประมาณที่เกินดุล 1,095 ล.บาท ทำให้ดุลเงินสดของรัฐบาลขาดดุล 17,699 ล.บาท ขณะที่เงินคงคลังมียอดคงเหลือทั้งสิ้น 43,236 ล.บาท สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ประจำเดือน ต.ค.43 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 57,538 ล.บาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 4,283 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 8 โดยกรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 12,824 ล.บาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 694 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 5.1 ภาษีสินค้าที่จัดเก็บได้ลดลงตามลำดับคือ ภาษีสุรา ภาษีรถยนต์ และภาษียาสูบ ส่วนกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้รวม 32,769 ล.บาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปี 42 2,547 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 8.4 โดยภาษีที่จัดเก็บสูงขึ้นตามลำดับคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ด้านกรมศุลกากรจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 7,525 ล.บาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปี 42 521 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 7.4 (วัฏจักร 24)
ข่าวต่างประเทศ
1. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.4ในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 43 รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 อัตราการว่างงาน ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาล อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.9 ลดลงจากร้อยละ 4 ในเดือน ก.ย. 43 และลดลงจากระดับร้อยละ 5.1 ในเดือน ต.ค. 42 ขณะเดียวกัน ในเดือน ต.ค. 43 การจ้างงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน 21.57 ล. คน จากจำนวน 21.43 ล. คนในเดือน ก.ย. 43 และเพิ่มขึ้นประมาณ 418,000 คน จากระยะเดียวกันของปี 42 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าการว่างงานจะกลับมาเพิ่มขึ้นในเร็วๆนี้ เนื่องจากการล้มละลายของบริษัทต่างๆที่เกิดขึ้นในเกาหลี นาย Hur Jin-Ho ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า ภาวะการว่างงานที่ดีขึ้น ได้รับแรงเกื้อหนุนจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าคอมพิวเตอร์และเซมิคอนดักเตอร์ ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 3 ปี 43 ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP) ของเกาหลีใต้ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 เทียบต่อปี (รอยเตอร์ 23)
2. ไตรมาสที่ 3 ปี 43 ผลิตภัณฑ์ในประเทศของมาเลเซียจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 7 รายงานจากกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 43 นรม. Mahathir Mohamad กล่าวว่า ไตรมาสที่ 3 ปี 43 ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP) ของมาเลเซียจะขยายตัวเกินร้อยละ 7 ต่อปี แต่จะไม่ขยายตัวสูงเท่ากับไตรมาสแรกปี 43 ที่เคยเติบโตถึงร้อยละ 11.9 จากรายงานครั้งนี้ จะส่งผลให้การเติบโตของ GDP บรรลุตามเป้าหมายที่ทางการกำหนดไว้ว่า ทั้งปี 43 GDP จะเติบโตร้อยละ 7.5 เทียบกับที่เติบโตร้อยละ 5.8 ในปี 42 (รอยเตอร์ 23)
3. เยอรมนีคาดว่าจะขาดดุล งปม. โดยรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน 82 พัน ล.มาร์คในปี 44 รายงานจากเบอร์ลินเมื่อ 23 พ.ย. 43 ก.คลังของเยอรมนี เปิดเผยว่า ในปี 44 เยอรมนีจะขาดดุล งปม. โดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 82 พัน ล.มาร์ค (35.3 พัน ล.ดอลลาร์) จากจำนวน 67.5 พัน ล.มาร์คในปี 43 และในวันเดียวกัน ธ. กลางเยอรมนี เปิดเผยว่า ปี 44 รัฐบาลวางแผนการขาดดุล งปม. ไว้ที่ร้อยละ 1.5 ของ GDP ซึ่งจะเป็นอัตราสูงที่สุดในกลุ่มยูโรด้วยกัน (รอยเตอร์ 23)
4. CBI ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษอยู่ที่ร้อยละ 3 ในปี 43 รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 43 Confederation of British Industry (CBI) ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษ ในปี 43 อยู่ที่ร้อยละ 3 จากร้อยละ 3.1 ซึ่งประมาณการไว้เมื่อเดือน ส.ค. 43 ส่วนในปี 44 และ ปี 45 เศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.7 และ ร้อยละ 2.5 ตามลำดับ ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการเดิม นอกจากนั้น CBI ยังคาดว่า ในปี 44 อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 6 ก่อนที่จะลดลงเหลือร้อยละ 5.5 ในครึ่งหลังปี 45 ขณะเดียวกัน คาดว่า สิ้นปี 43 เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.1 ต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่กำหนดไว้ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.4 ในสิ้นปี 44 (รอยเตอร์ 23)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 23พ.ย. 43 43.827 (43.872)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 23พ.ย. 43
ซื้อ 43.5950 (43.7363) ขาย 43.9116 (44.0391)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,500) ขาย 5,550 (5,600)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 29.69 (29.00)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 17.09 (17.09) ดีเซลหมุนเร็ว 15.04 (15.04)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-
1. อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากมีแนวโน้มปรับสูงขึ้นในปี 44 ผู้ช่วยผู้ว่าการสายสารสนเทศและประชาสัมพันธ์ ธปท.เปิดเผยว่า แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากในปี 44 มีทิศทางปรับสูงขึ้น เพราะเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปี 43 แต่เป็นการฟื้นตัวอย่างช้าๆ และค่อนข้างเปราะบาง เนื่องจากยังมีปัจจัยค่อนข้างเสี่ยง โดยประเด็นที่จะมีผลโดยตรงให้ดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับต่ำหรือขยับขึ้นได้ คือ นโยบายการเงินของคณะกรรมการนโยบายการเงิน ธปท. สำหรับปัจจัยที่ทำให้ดอกเบี้ยสูงขึ้น คือ (1) เศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้นมากและเงินเฟ้อเริ่มสูงขึ้น รวมทั้งมีแรงกดดันจากต่างประเทศ หากเศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเท่าที่ควร ธปท.จะพยายามคงดอกเบี้ยในระดับต่ำ แต่ก็อาจปรับขึ้นได้โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์ (2) การดำเนินงานและฐานะของระบบ ธพ.ในปีหน้าว่ามีนโยบายเชิงรุกในการเร่งปล่อยสินเชื่ออย่างไร หากมีการปล่อยสินเชื่อและมีการแข่งขันระหว่างธนาคารมากขึ้น จะทำให้ดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นได้ โดยเฉพาะดอกเบี้ยเงินฝาก อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าวคงขึ้นอยู่กับการกระตุ้นและการขยายตัวของเศรษฐกิจในปีหน้าเป็นหลัก ซึ่งปัญหาราคาน้ำมันและค่าเงินบาท รวมทั้งการเริ่มลดลงของดุลบัญชีเดินสะพัดจะเป็นส่วนบั่นทอนการขยายตัวของเศรษฐกิจในปี 44 ต่อเนื่องจากปี 43 (ไทยรัฐ 24)
2. ยอดการใช้เช็คในเดือน ต.ค.43 ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารมวลชน ในฐานะรองโฆษก ธปท.เปิดเผยสถิติการหักบัญชีเช็คในเดือน ต.ค.43 ว่า ปริมาณเช็คเรียกเก็บมีจำนวนทั้งสิ้น 4.81 ล.ฉบับ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.21 จากเดือน ก.ย.43 คิดเป็นมูลค่า 1,314.54 พัน ล.บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.38 เช็คเรียกเก็บเฉลี่ยต่อวันทำการมีปริมาณและมูลค่า 229,176 ฉบับ และ 62.6 พัน ล.บาท สำหรับเช็คคืนในเดือน ต.ค.มีปริมาณเท่ากับ 119,939 ฉบับ มีมูลค่า 12.1 พัน ล.บาท คิดเป็นสัดส่วนต่อปริมาณและมูลค่าเช็คเรียกเก็บทั้งหมดเท่ากับร้อยละ 2.49 และ 0.92 ตามลำดับ (มติชน 24)
3. ข้อมูลการคลังเดือน ต.ค.43 รองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยถึงข้อมูลการคลังเดือน ต.ค.43 ว่า รัฐบาลมีรายรับเงินงบประมาณรวม 53,115 ล.บาท สูงกว่าปี 42 ร้อยละ 14.2 และมีรายจ่ายเงินงบประมาณรวม 71,909 ล.บาท สูงกว่าปี 42 ร้อยละ 20.4 ทำให้รัฐบาลมีงบประมาณขาดดุล 18,794 ล.บาท เมื่อรวมกับดุลนอกงบประมาณที่เกินดุล 1,095 ล.บาท ทำให้ดุลเงินสดของรัฐบาลขาดดุล 17,699 ล.บาท ขณะที่เงินคงคลังมียอดคงเหลือทั้งสิ้น 43,236 ล.บาท สำหรับผลการจัดเก็บรายได้ประจำเดือน ต.ค.43 รัฐบาลจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 57,538 ล.บาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 4,283 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 8 โดยกรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 12,824 ล.บาท ต่ำกว่าเดือนเดียวกันปีก่อน 694 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 5.1 ภาษีสินค้าที่จัดเก็บได้ลดลงตามลำดับคือ ภาษีสุรา ภาษีรถยนต์ และภาษียาสูบ ส่วนกรมสรรพากรจัดเก็บรายได้รวม 32,769 ล.บาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปี 42 2,547 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 8.4 โดยภาษีที่จัดเก็บสูงขึ้นตามลำดับคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ด้านกรมศุลกากรจัดเก็บรายได้รวมทั้งสิ้น 7,525 ล.บาท สูงกว่าเดือนเดียวกันปี 42 521 ล.บาท คิดเป็นร้อยละ 7.4 (วัฏจักร 24)
ข่าวต่างประเทศ
1. อัตราการว่างงานของเกาหลีใต้ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.4ในเดือน ต.ค. 43 รายงานจากโซลเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 43 รัฐบาลเกาหลีใต้เปิดเผยว่า เดือน ต.ค. 43 อัตราการว่างงาน ที่ปรับตัวเลขตามฤดูกาล อยู่ที่ระดับร้อยละ 3.9 ลดลงจากร้อยละ 4 ในเดือน ก.ย. 43 และลดลงจากระดับร้อยละ 5.1 ในเดือน ต.ค. 42 ขณะเดียวกัน ในเดือน ต.ค. 43 การจ้างงานเพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน 21.57 ล. คน จากจำนวน 21.43 ล. คนในเดือน ก.ย. 43 และเพิ่มขึ้นประมาณ 418,000 คน จากระยะเดียวกันของปี 42 อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าการว่างงานจะกลับมาเพิ่มขึ้นในเร็วๆนี้ เนื่องจากการล้มละลายของบริษัทต่างๆที่เกิดขึ้นในเกาหลี นาย Hur Jin-Ho ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ กล่าวว่า ภาวะการว่างงานที่ดีขึ้น ได้รับแรงเกื้อหนุนจากภาคการส่งออกที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะการส่งออกสินค้าคอมพิวเตอร์และเซมิคอนดักเตอร์ ทั้งนี้ ในไตรมาสที่ 3 ปี 43 ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP) ของเกาหลีใต้ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 เทียบต่อปี (รอยเตอร์ 23)
2. ไตรมาสที่ 3 ปี 43 ผลิตภัณฑ์ในประเทศของมาเลเซียจะขยายตัวมากกว่าร้อยละ 7 รายงานจากกัวลาลัมเปอร์เมื่อวันที่ 23 พ.ย. 43 นรม. Mahathir Mohamad กล่าวว่า ไตรมาสที่ 3 ปี 43 ผลิตภัณฑ์ในประเทศ (GDP) ของมาเลเซียจะขยายตัวเกินร้อยละ 7 ต่อปี แต่จะไม่ขยายตัวสูงเท่ากับไตรมาสแรกปี 43 ที่เคยเติบโตถึงร้อยละ 11.9 จากรายงานครั้งนี้ จะส่งผลให้การเติบโตของ GDP บรรลุตามเป้าหมายที่ทางการกำหนดไว้ว่า ทั้งปี 43 GDP จะเติบโตร้อยละ 7.5 เทียบกับที่เติบโตร้อยละ 5.8 ในปี 42 (รอยเตอร์ 23)
3. เยอรมนีคาดว่าจะขาดดุล งปม. โดยรวมเพิ่มขึ้นอยู่ที่จำนวน 82 พัน ล.มาร์คในปี 44 รายงานจากเบอร์ลินเมื่อ 23 พ.ย. 43 ก.คลังของเยอรมนี เปิดเผยว่า ในปี 44 เยอรมนีจะขาดดุล งปม. โดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นจำนวน 82 พัน ล.มาร์ค (35.3 พัน ล.ดอลลาร์) จากจำนวน 67.5 พัน ล.มาร์คในปี 43 และในวันเดียวกัน ธ. กลางเยอรมนี เปิดเผยว่า ปี 44 รัฐบาลวางแผนการขาดดุล งปม. ไว้ที่ร้อยละ 1.5 ของ GDP ซึ่งจะเป็นอัตราสูงที่สุดในกลุ่มยูโรด้วยกัน (รอยเตอร์ 23)
4. CBI ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษอยู่ที่ร้อยละ 3 ในปี 43 รายงานจากลอนดอนเมื่อวันที่ 23 พ.ย. 43 Confederation of British Industry (CBI) ปรับลดประมาณการเติบโตทางเศรษฐกิจของอังกฤษ ในปี 43 อยู่ที่ร้อยละ 3 จากร้อยละ 3.1 ซึ่งประมาณการไว้เมื่อเดือน ส.ค. 43 ส่วนในปี 44 และ ปี 45 เศรษฐกิจจะเติบโตร้อยละ 2.7 และ ร้อยละ 2.5 ตามลำดับ ไม่เปลี่ยนแปลงจากประมาณการเดิม นอกจากนั้น CBI ยังคาดว่า ในปี 44 อัตราดอกเบี้ยจะทรงตัวอยู่ที่ร้อยละ 6 ก่อนที่จะลดลงเหลือร้อยละ 5.5 ในครึ่งหลังปี 45 ขณะเดียวกัน คาดว่า สิ้นปี 43 เงินเฟ้อจะยังคงอยู่ที่ระดับร้อยละ 2.1 ต่ำกว่าเป้าหมายของรัฐบาลที่กำหนดไว้ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 2.4 ในสิ้นปี 44 (รอยเตอร์ 23)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ระหว่างธนาคาร ณ สิ้นวันทำการ 23พ.ย. 43 43.827 (43.872)
อัตราแลกเปลี่ยนถัวเฉลี่ยเงินบาท/ดอลลาร์สรอ.ที่ ธพ.ซื้อขายกับลูกค้า(ตั๋วเงิน) ณ สิ้นวันทำการ 23พ.ย. 43
ซื้อ 43.5950 (43.7363) ขาย 43.9116 (44.0391)
ทองคำแท่ง(บาทละ) ซื้อ 5,450 (5,500) ขาย 5,550 (5,600)
น้ำมันดิบ(ดอลลาร์ สรอ./บาร์เรล) โอมาน 29.69 (29.00)
น้ำมันเบนซินพิเศษ(เพอร์ฟอร์มาโกลด์) 17.09 (17.09) ดีเซลหมุนเร็ว 15.04 (15.04)
หมายเหตุ ตัวเลขในวงเล็บเป็นตัวเลขของวันก่อน
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-ยก-