_นายจุติ ไกรฤกษ์ นางอัชลี วานิช(เทพบุตร) รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงการประชุม วันที่ 14 กรกฎาคม 2543 นายจุติ ไกรฤกษ์ และนางอัชลี วานิช(เทพบุตร) รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้แถลงผลการประชุมพรรคฯ โดยนางอัชลี ได้กล่าวถึง พรบ.ชื่อบุคคล ว่าในที่ประชุมพรรค ได้มีมติในเรื่องดังกล่าวว่า พรรคฯจะยืนยันตามเสียงของคณะกรรมาธิการ คือยืนตามมาตรา 3 ซึ่งแก้ไขในมาตร า12 สำหรับมาตรา 3 ที่มีการแก้ไข คณะกรรมาธิการได้ เสนอเข้าสู่สภาผู้เข้าแทนราษฎรฯวาระ 2 คือ ในวาระชายหรือหญ ิงที่ได้สมรสกันแล้ว ชายและหญ ิงมีสิทธิกันเลือกใช้นามสกุลเดิมของตนเองหรือเลือกใช้นามสกุลของคู่สมรสก็ ได้ ซึ่งเป็นหัวใจหลักของร่างพ.ร.บ.ชื่อบุคคลดังกล่าว และในวาระแรกพรรคฯได้มีมติ รับหลักการเรียบร้อยแล้ว เพียงแต่ ดร.ปรีชา ได้มาขอแปรัตติเสนอคำแปรัตติไว้ในการพิจารณาคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพราะฉะนั้นพรรคขอยืนยันอีกครั้งว่ามติพรรคประชาธิปัตย์ของเรานั้นยืนยันจ ะให้สิทธิมนุษย์ชนขั้นพื้นฐานกลับคืนสู่สตรี โดยชายหรือหญ ิงเมื่อทำการสมรสกันแล้ว ก็ให้เป็นทางเลือกของชายหรือหญ ิงคู่นั้นจะเลือกใช้นามสกุลเดิมของตนหรือเลือกใช้ของคู่สมรสต่อไปก็ได้ ทางด้านนายจุติ ไกรฤกษ์ รองโฆษกพรรคฯกล่าวว่าเรื่องดังกล่าวได้ผ่านกระบวนการพิจารณาไปแล้ว คงเป็นเรื่องของที่นับคะแนนใหม่ ซึ่ง มี ส.ส.หลายท่านสับสนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว เพราะบางท่านคิดว่าเป็นการบังคับเพื่อเป็นการให้สิทธิ์สตรีเท่าเทียมกับผู ้ชายเป็นทางเลือกอันหนึ่งที่ไม่มีปัหา เนื่องจากกฎหมายเข้ามานานพอสมควรบางคนอาจจะลืมไปว่ามีประเด็นอะไรบ้าง แต่วันนี้ได้พูดกันชัดเจน และเป็นมติของพรรคฯ รองโฆษกพรรคฯกล่าวต่อว่า สมาชิกพรรคได้ถามหัวหน้าพรรคฯ ในฐานะเป็นรัฐมนตรีกลาโหมและเป็นท่านนายกรัฐมนตรี ว่ามีความห่วงใยเรื่องข้อกล่าวหาว่ารัฐบาลจะมีการทิ้งทวนเมื่อหมดสมัยตรงน ี้หัวพรรคฯยืนยันว่าไม่มีคำว่าทิ้งทวนและหัวหน้าพรรคฯบอกว่าไม่ชินกับศัพท ์นี้อยู่แล้วเพราะตนไม่เป็นอย่างนั้น หลังจากนั้นหัวหน้าพรรคฯชี้แจงถึงเรื่องการซื้อเครื่องบินเอฟ-16 โดยบอกว่าจริง ๆแล้ว ถ้าพูดกันตามเนื้อผ้าควรจะต้องเป็นผลงานรัฐบาลด้วยซ้ำไป เรื่องนี้ เกิดขึ้นเมื่อปี 2541 เพราะก่อนนั้นรัฐบาลชุดก่อนรัฐบาลชวนก็ได้สั่งซื้อเครื่องบินเอฟ-18 เอาไว้มูลค่า 392 ล้านเหรียญ สหรัฐเมื่อเกิดวิกฤตเศรษฐกิจขึ้นก็มีการขอชะลอและพอถึงท่านนายกฯเดินทางไป ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2541 ได้ไปขอยกเลิกแต่การยกเลิกนั้นจริงแล้วจะต้องถูกปรับประมาณ 130 ล้านเหรียสหรัฐ แต่ท่านนายกฯได้เจรจากับรัฐบาลสหรัฐว่าการยกเลิกในครั้งนี้รัฐบาลสหรัฐจะต ้องไม่ปรับรัฐบาลไทย ซึ่งรัฐบาลสหรัฐก็ให้เป็นรายแรกและก็รายสุดท้ายส่วนเงินมัดจำนั้นก็ได้คืน มา 27 ล้าน 8แสน เหรียสหรัฐ เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วก็ใช้เวลาประมาณ 2 ปี กว่าที่จะมีการเจรจาไม่ใช่พึ่งจะมาหมดสมัยแล้วจะมาซื้อใช้เวลา 2 ปีที่กองทัพอากาศดำเนินการอยู่ ก็ได้ซื้อเครื่องบินเอฟ-16 จำนวน16ลำ ในมูลค่า 132ล้านเหรียสหรัฐ ซึ่งจริง ๆ ก็เป็นมูลค่าที่ถูกปรับที่เค้ายกเลิกให้ แล้วก็ใช้เงินตรงนั้นซื้อแล้วก็ได้ถึง 16 ลำ ในขณะที่เอฟ-18 ความจริงที่จะซื้อก็ได้น้อยกว่านี้ โดยหัวหน้าพรรคฯ ได้อธิบายให้ฟังว่า การซื้อไม่ใช่เป็นสิ่งที่ฟุ่มเฟือยเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับศักยภาพของกองท ัพอากาศ เพราะว่าขณะนี้กองทัพอากาศมีเครื่องบินแค่ 4 ฝูง ศักยภาพขั้นต่ำของกองทัพไทยก็คือ 5 ฝูง เท่านั้นฉะนั้นก็เป็นความจำเป็น ที่ต้องทำแต่ในขณะที่เราไปเปรียบเทียบสมรรถนะทางอากาศการป้องกันประเทศ กับมาเลเซียไม่ได้เลย เพราะมาเลเซียมีทั้งฝูงมิกซ์ ฝูงเอฟ-18 นั้นเรื่องนี้ก็อยากให้ประชาชนเข้าใจ หลังจากนั้นหัวหน้าพรรคฯได้พูดถึงเรื่องโทรศัพท์มือถือโดยย้ำอีกครั้งหนึ่ งที่มีการกล่าวหากันก็ขอยืนยันว่าเป็นโครงการที่หน่วยงานของรัฐวิสาหกิจจะ เป็นผู้ทำเอง ไม่ใช่เป็นการให้สัมปทานเอกชน ฉะนั้นจะไม่มีเอกชนรายใดที่ได้ประโยชน์จากโครงการนี้ เพราะว่ารัฐจะทำเองไม่ใช่โครงการมือถือแบบของท่านทักษิณ อันนี้เป็นของหน่วยงานรัฐทำเอง _ _นอกจากนั้นแล้วหัวหน้าพรรคฯ ก็ได้ชี้แจงเรื่องไซโลว่าเป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร แต่การก่อสร้างจะต้องดูความจำเป็นในแต่ละพื้นที่ด้วย และบังเอิญ ไปดูไว้แล้วงบประมาณของกระทรวงเกษตรฯ ใน 2544 ที่เสนอมาไม่มีก่อสร้างเรื่องนี้ ก็ขอให้ไปดูทบทวนตามความจำเป็น เน้นว่าสำหรับเกษตรกรเท่านั้น ถ้าเมื่อสร้างไปแล้วเกิดประโยชน์แก่เกษตรกรแล้วก็จะให้หมด แต่ขอให้เกิดความจำเป็นและก็ไม่ต้องการให้เป็นการเพิ่มต้นทุนเกษตรกร การเพิ่มต้นทุนนั้นหมายความว่า ไปสร้างไซโลแล้วต้นทุนในการอบ กว่าจะมาเป็นข้าวเปลือกจะแพงขึ้น ซึ่งจะไม่เป็นประโยชน์ต่อเกษตรกร ซ้ำยังทำให้ราคาสินค้าเกษตรสูงขึ้นด้วย เพราะต้นทุนทางการเกษตรสูงขึ้น นายจุติ ได้กล่าวปิดตอนท้ายโดยพูดถึง เรื่องของหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ที่พูดถึงรัฐบาลว่าเป็นการฮันนีมูนของนักฉวยโอกาสหรือนักคอรัปชั่น อันนี้ขอยืนยันว่าไม่ได้มีพฤติกรรมเช่นนั้น เรามาเป็นรัฐบาลหลายครั้งหลายหนแล้วก็ พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจ้าของสัมปทานต้องต่ออายุ พรรคประชาธิปัตย์นั้น ไม่มีเจ้าของธุรกิจที่เข้ามาหากินกับหน่วยงานของรัฐ ดังนั้นขอยืนยันว่าไม่มีการทิ้งทวนเป็นอันขาด เพราะท่านนายกฯท่านได้กำชับว่าประเทศไทยนั้นยากจน ท่านก็กำชับดูแลอยู่แล้วว่าไม่เกิดการทิ้งทวนหรือฉวยโอกาสเกิดขึ้น ในการที่มาพูดบอกว่าอาจจะมีการหาประโยชน์จากตรงนี้ก็อยากจะบอกฝากไปยังท่า นหัวหน้าพรรคไทยรักไทยว่าเป็นระดับหัวหน้าพรรคฯแล้วก็อวดความเป็นอินเตอร์ ไม่ควรพูดโดยไม่ได้ศึกษาข้อเท็จจริง เพราะว่าตนไม่อยากใช้คำพูดว่า พูดพล่อย ๆ เพราะมันไม่เหมาะกับหัวหน้าพรรคฯแต่ว่าเมื่อจะวาดฝันนายกฯอินเตอร์แล้ว ทำอะไรต้องดูแลข้อมูลให้ชัดเจนกว่านี้ และไม่ใช่ใครเขียนสคริปให้พูด แล้วคำสวยหรูจะลงหน้า 1 แล้วก็พูดไป โดยไม่มีความคิดก็ขอฝากไว้ว่า เผื่อจะเป็นนายกฯในวันข้างหน้า ถ้าพูดโดยไม่ศึกษาคำพูดอย่างนี้ประเทศไทยจะเสียหายในอนาคต นั้นขอให้กลับไปทบทวนนะครับ.--จบ--