นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ โดยวันนี้หัวหน้าพรรคได้เรียกประชุมทีมงานที่เกี่ยวข้องกับการอภิปรายฯ เข้าหารือ ซึ่งได้ข้อสรุปถึงตัวผู้อภิปรายชัดเจนแล้ว โดยจะเริ่มจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค ซึ่งทำหน้าที่เปิดการอภิปราย ตามด้วยนายบรรหาร ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทย จากนั้นจะเป็นทีมผู้อภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบด้วย นายเกียรติ สิทธีอมร นายอลงกรณ์ พลบุตร นายศิริโชค โสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ และนายถาวร เสนเนียมพรรคประชิปัตย์ ได้วางแนวทางในการอภิปรายครั้งนี้ไว้ 5 แนวทาง คือ 1. ยึดบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ 2. อภิปรายตามข้อบังคับการประชุมสภา 3. อภิปรายตามข้อมูล หลักฐาน เอกสารที่รวบรวมได้ 4. ไม่อภิปรายเรื่องส่วนตัวที่ไม่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติหน้าที่ราชการ 5. ไม่อภิปรายพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 ยกเว้นว่าบุคคลนั้นมีพฤติกรรมที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ส.ส. รัฐบาล ว่า 1. ไม่ควรชี้แจงเยิ่นเย้อ 2. ไม่ควรชี้แจงในประเด็นที่ไม่ได้ระบุไว้ในญัตติขอเปิดอภิปราย 3. ไม่ควรพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการอภิปราย 4. รัฐมนตรีไม่ควรตั้งองครักษ์พิทักษ์นาย เพื่อมาปั่นป่วนการอภิปปรายทุกรูปแบบ
‘คนที่ควบคุมการประชุมเรามีอยู่แล้วคือ ประธานสภา และตนเชื่อว่าประธานสภาเคร่งครัดในการประชุมแน่นอน อาจจะเคร่งครัดกว่าข้อบังคับเสียอีก เพราะฉะนั้นบุคคลอื่นที่ไม่ได้ทำหน้าที่ประธานสภา ก็ไม่ควรลุกขึ้นประท้วง เพราะการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้เราพยายามระมัดระวังและหลีกเลี่ยงอย่างเต็มที่จะไม่ให้มีการประท้วงเกิดขึ้น แต่การประท้วงก็เป็นเรื่องของส.ส. ก็ขอฝากไปยังส.ส. ของพรรคไทยรักไทย ว่าไม่ควรประท้วงพร่ำเพรื่อ ไม่ควรคิดแบบเก่าๆ เพื่อให้ได้ออกทีวี ให้คนเห็นชื่อเห็นหน้าทางทีวี ไม่ควรรบกวนสมาธิผู้อภิปรายด้วยการเคาะไมโครโฟน การแอบใช้คำหยาบ ไม่สุภาพ เข้าไมโครโฟน ในขณะที่ผู้อภิปรายกำลังอภิปรายอยู่’ นายองอาจ กล่าว
และก่อนหน้านี้ก็มีผู้หวังดีจากคณะรัฐบาลนำข้อมูลบางส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อการอภิปรายมามอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลที่เรามีอยู่ได้ และจะทำให้ประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้ได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นถึงเส้นทางความไม่ชอบมาพากลของการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง
นอกจากนี้นายองอาจยังได้กล่าวถึงนายสุริยะที่เคยออกมาระบุว่า ไม่หวั่นไหวและพร้อมอยู่แล้วในการอภิปรายแต่ปรากฏว่า วันนี้นายสุริยะ ขนข้าราชการเข้าไปติวเข้มในการรับมืออภิปรายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พรรคประชาธิปัตย์ จึงหวังว่านายสุริยะ คงไม่เตรียมตัวเพื่อที่จะประพฤติตนเป็นศรีธนญชัย เลี่ยงบาลี ซึ่งก็เหมือนที่รัฐบาลพยายามจัดกิจกรรมมากมาย เพื่อให้ประชาชนหันไปสนใจเรื่องดังกล่าวมากกว่าการอภิปราย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการสร้างข่าวกลบ ลบกระแสการอภิปราย พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า รัฐบาลควรปล่อยให้มีการอภิปรายตามปกติจะดีกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 มิ.ย. 2548--จบ--
นอกจากนี้โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ยังฝากไปถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ ส.ส. รัฐบาล ว่า 1. ไม่ควรชี้แจงเยิ่นเย้อ 2. ไม่ควรชี้แจงในประเด็นที่ไม่ได้ระบุไว้ในญัตติขอเปิดอภิปราย 3. ไม่ควรพาดพิงถึงบุคคลที่ 3 ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการอภิปราย 4. รัฐมนตรีไม่ควรตั้งองครักษ์พิทักษ์นาย เพื่อมาปั่นป่วนการอภิปปรายทุกรูปแบบ
‘คนที่ควบคุมการประชุมเรามีอยู่แล้วคือ ประธานสภา และตนเชื่อว่าประธานสภาเคร่งครัดในการประชุมแน่นอน อาจจะเคร่งครัดกว่าข้อบังคับเสียอีก เพราะฉะนั้นบุคคลอื่นที่ไม่ได้ทำหน้าที่ประธานสภา ก็ไม่ควรลุกขึ้นประท้วง เพราะการอภิปรายของพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้เราพยายามระมัดระวังและหลีกเลี่ยงอย่างเต็มที่จะไม่ให้มีการประท้วงเกิดขึ้น แต่การประท้วงก็เป็นเรื่องของส.ส. ก็ขอฝากไปยังส.ส. ของพรรคไทยรักไทย ว่าไม่ควรประท้วงพร่ำเพรื่อ ไม่ควรคิดแบบเก่าๆ เพื่อให้ได้ออกทีวี ให้คนเห็นชื่อเห็นหน้าทางทีวี ไม่ควรรบกวนสมาธิผู้อภิปรายด้วยการเคาะไมโครโฟน การแอบใช้คำหยาบ ไม่สุภาพ เข้าไมโครโฟน ในขณะที่ผู้อภิปรายกำลังอภิปรายอยู่’ นายองอาจ กล่าว
และก่อนหน้านี้ก็มีผู้หวังดีจากคณะรัฐบาลนำข้อมูลบางส่วนที่เป็นประโยชน์ต่อการอภิปรายมามอบให้กับพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง และเป็นข้อมูลที่เป็นประโยชน์ สามารถเชื่อมต่อกับข้อมูลที่เรามีอยู่ได้ และจะทำให้ประชาชนที่ติดตามเรื่องนี้ได้เห็นภาพชัดเจนขึ้นถึงเส้นทางความไม่ชอบมาพากลของการทุจริตฉ้อราษฎร์บังหลวง
นอกจากนี้นายองอาจยังได้กล่าวถึงนายสุริยะที่เคยออกมาระบุว่า ไม่หวั่นไหวและพร้อมอยู่แล้วในการอภิปรายแต่ปรากฏว่า วันนี้นายสุริยะ ขนข้าราชการเข้าไปติวเข้มในการรับมืออภิปรายอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน พรรคประชาธิปัตย์ จึงหวังว่านายสุริยะ คงไม่เตรียมตัวเพื่อที่จะประพฤติตนเป็นศรีธนญชัย เลี่ยงบาลี ซึ่งก็เหมือนที่รัฐบาลพยายามจัดกิจกรรมมากมาย เพื่อให้ประชาชนหันไปสนใจเรื่องดังกล่าวมากกว่าการอภิปราย ซึ่งไม่ต่างอะไรกับการสร้างข่าวกลบ ลบกระแสการอภิปราย พรรคประชาธิปัตย์เห็นว่า รัฐบาลควรปล่อยให้มีการอภิปรายตามปกติจะดีกว่า
ทีมโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ 26 มิ.ย. 2548--จบ--