1. สถานการณ์การผลิต แนวทางป้องกันปัญหาการเลี้ยงกุ้งกุลาดำในฤดูหนาว
ด้วยระยะนี้อากาศเริ่มเย็นลงเพราะใกล้เข้าฤดูหนาว ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวเข้ามาเยือน ผู้เลี้ยงกุ้งควรเพิ่มความระมัดระวังดูแลเอาใจใส่กุ้งให้มากขึ้น อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกุ้งกุลาดำอยู่ระหว่าง 25-30๐C หากอุณหภูมิของน้ำลดลงต่ำกว่า 25๐C ในทุก ๆ 1๐C ที่ลดลงนั้น จะทำให้กุ้งกินอาหารน้อยลงประมาณ 15% และจะไม่กินอาหารที่อุณหภูมิ 18๐C และจะตายที่อุณหภูมิต่ำกว่า 14๐C ฉะนั้นจึงควรกำหนดแนวทางในการป้องกันปัญหาการเลี้ยงกุ้งดังนี้ คือ
1. การให้อาหารกุ้ง เมื่ออากาศหนาวเย็นลง กุ้งจะกินอาหารน้อยลงกว่าปกติ ผู้เลี้ยงจึงควรให้อาหารกุ้งในปริมาณที่พอดี อย่าให้อาหารเหลือจะทำให้พื้นบ่อเน่าเสีย โดยเฉพาะมื้อกลางคืนและมื้อเช้าจะต้องให้อาหารในปริมาณที่น้อยลงหรือไม่ให้เลยก็ได้
2. การปล่อยลูกกุ้ง ควรปล่อยลูกกุ้งที่ใหญ่และแข็งแรง โดยตรวจเช็ค พีซีอาร์และความแข็งแรงของลูกกุ้งก่อนปล่อยเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนจำนวนกุ้งที่เลี้ยงควรปล่อยกุ้งประมาณ 30-35 ตัวต่อตารางเมตร หรือประมาณ 40,000-50,000 บาท ต่อไร่
3. วิธีป้องกันการลดอุณหภูมิของน้ำในบ่อ
3.1 เพิ่มระดับน้ำในบ่อเลี้ยงกุ้ง เพราะถ้าน้ำลึกโอกาสที่อุณหภูมิของน้ำจะลดช้ากว่าบ่อที่ตื้นกว่า
3.2 ใช้เครื่องซุปเปอร์ชาร์จ (Super charge) จะช่วยปรับสภาพน้ำทั่วบ่อให้มีคุณภาพเหมือนกันและช่วยทำให้กุ้งลดอาการเครียดลงได้บ้าง
3.3 สร้างแนวกั้นลม (wind break) เนื่องจากในฤดูหนาวจะมีลมพัดมาทางทิศเหนือ (ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ) ให้สร้างแนวกั้นลมทางทิศเหนือของบ่อเพื่อป้องกันไม่ให้ลมกระทบผิวน้ำโดยตรง
3.4 ใช้พลาสติกปิดผิวน้ำประมาณ 70% ของพื้นที่ผิวทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเปิดเป็นแนวให้อาหารกุ้ง วิธีนี้จะสามารถควบคุมอุณหภูมิให้สูงกว่าปกติได้ประมาณ 0.5-1.5๐C
วิธีดังกล่าวข้างต้นเป็นแนวทางป้องกันปัญหาการเลี้ยงกุ้งในหน้าหนาวแนวทางหนึ่ง ซึ่งเกษตรกรสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ในการเลี้ยงกุ้งฝ่าลมหนาวได้สำเร็จดังประสงค์
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 5-12 พย. 2543) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,508.73 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 612.17 ตัน สัตว์น้ำจืด 896.56 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
2. สถานการณ์การตลาด สัญญาณอันตรายต่อผู้เพาะเลี้ยงปลาของไทย
นายศักดิ์ สรรพาณิช นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาไทย กล่าวว่า สาเหตุ ที่เรียกร้องคณะอนุกรรมาธิการเศรษฐกิจ ให้เสนอรัฐบาลจัดเก็บภาษีการนำเข้าปลาซาบะ 5% นั้น เป็นเพราะช่วงที่ผ่านมา การนำเข้าปลาซาบะไม่มีการจัดเก็บภาษี จึงทำให้มีการนำเข้าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ 7 เดือนแรกของปีนี้ มีการนำเข้าปลาซาบะประมาณ 13,000 ตัน และคาดว่าทั้งปีจะมีการนำเข้าถึง 24,000 ตัน หรือ 10% ของปลาที่เพาะเลี้ยงในประเทศ โดยแหล่งนำเข้าที่สำคัญคือ นอร์เวย์ แคนาดา มาเลเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น เดนมาร์ค และเนเธอร์แลนด์
จากการที่มีการนำเข้าปลาซาบะโดยไม่มีการเสียภาษี ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงปลาไทยได้รับผลกระทบมาก เพราะทำให้ปลาที่เลี้ยงในประเทศราคาตกต่ำลง ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายต่อผู้เพาะเลี้ยงปลาของไทยและชาวประมงในอนาคต
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.57 บาท สูงขึ้น จากกิโลกรัมละ 25.94 บาท ของสัปดาห์ก่อน 5.63 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.75 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 35.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.75 บาท
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 53.56 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 54.58 บาท ของสัปดาห์ก่อน 1.02 บาท สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.75 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 82.86 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.89 บาท 2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 321.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 314.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 7.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 490.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 487.86 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.14 บาท 2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.53 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 16.70 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.17 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 47.86 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.86 บาท
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดชาวประมงขายได้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 5.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 82.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 80.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.50 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.55 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.37 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.18 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58% ขึ้นไป (ระหว่างวันที่ 13-17 พย.43 ) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 15.70 ของสัปดาห์ก่อน 0.60 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 45 ประจำวันที่ 13-19 พ.ย. 2543--
-สส-
ด้วยระยะนี้อากาศเริ่มเย็นลงเพราะใกล้เข้าฤดูหนาว ดังนั้น เมื่อฤดูหนาวเข้ามาเยือน ผู้เลี้ยงกุ้งควรเพิ่มความระมัดระวังดูแลเอาใจใส่กุ้งให้มากขึ้น อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงกุ้งกุลาดำอยู่ระหว่าง 25-30๐C หากอุณหภูมิของน้ำลดลงต่ำกว่า 25๐C ในทุก ๆ 1๐C ที่ลดลงนั้น จะทำให้กุ้งกินอาหารน้อยลงประมาณ 15% และจะไม่กินอาหารที่อุณหภูมิ 18๐C และจะตายที่อุณหภูมิต่ำกว่า 14๐C ฉะนั้นจึงควรกำหนดแนวทางในการป้องกันปัญหาการเลี้ยงกุ้งดังนี้ คือ
1. การให้อาหารกุ้ง เมื่ออากาศหนาวเย็นลง กุ้งจะกินอาหารน้อยลงกว่าปกติ ผู้เลี้ยงจึงควรให้อาหารกุ้งในปริมาณที่พอดี อย่าให้อาหารเหลือจะทำให้พื้นบ่อเน่าเสีย โดยเฉพาะมื้อกลางคืนและมื้อเช้าจะต้องให้อาหารในปริมาณที่น้อยลงหรือไม่ให้เลยก็ได้
2. การปล่อยลูกกุ้ง ควรปล่อยลูกกุ้งที่ใหญ่และแข็งแรง โดยตรวจเช็ค พีซีอาร์และความแข็งแรงของลูกกุ้งก่อนปล่อยเพื่อลดความเสี่ยง ส่วนจำนวนกุ้งที่เลี้ยงควรปล่อยกุ้งประมาณ 30-35 ตัวต่อตารางเมตร หรือประมาณ 40,000-50,000 บาท ต่อไร่
3. วิธีป้องกันการลดอุณหภูมิของน้ำในบ่อ
3.1 เพิ่มระดับน้ำในบ่อเลี้ยงกุ้ง เพราะถ้าน้ำลึกโอกาสที่อุณหภูมิของน้ำจะลดช้ากว่าบ่อที่ตื้นกว่า
3.2 ใช้เครื่องซุปเปอร์ชาร์จ (Super charge) จะช่วยปรับสภาพน้ำทั่วบ่อให้มีคุณภาพเหมือนกันและช่วยทำให้กุ้งลดอาการเครียดลงได้บ้าง
3.3 สร้างแนวกั้นลม (wind break) เนื่องจากในฤดูหนาวจะมีลมพัดมาทางทิศเหนือ (ลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ) ให้สร้างแนวกั้นลมทางทิศเหนือของบ่อเพื่อป้องกันไม่ให้ลมกระทบผิวน้ำโดยตรง
3.4 ใช้พลาสติกปิดผิวน้ำประมาณ 70% ของพื้นที่ผิวทั้งหมด ส่วนที่เหลือจะเปิดเป็นแนวให้อาหารกุ้ง วิธีนี้จะสามารถควบคุมอุณหภูมิให้สูงกว่าปกติได้ประมาณ 0.5-1.5๐C
วิธีดังกล่าวข้างต้นเป็นแนวทางป้องกันปัญหาการเลี้ยงกุ้งในหน้าหนาวแนวทางหนึ่ง ซึ่งเกษตรกรสามารถนำไปประยุกต์ใช้เพื่อประโยชน์ในการเลี้ยงกุ้งฝ่าลมหนาวได้สำเร็จดังประสงค์
ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ( 5-12 พย. 2543) สัตว์น้ำทุกชนิดส่งเข้าประมูลจำหน่ายที่องค์การสะพานปลากรุงเทพฯ มีจำนวนรวมทั้งสิ้น 1,508.73 ตัน แยกเป็นสัตว์น้ำเค็ม 612.17 ตัน สัตว์น้ำจืด 896.56 ตัน ประกอบด้วยสัตว์น้ำที่สำคัญ ได้แก่
2. สถานการณ์การตลาด สัญญาณอันตรายต่อผู้เพาะเลี้ยงปลาของไทย
นายศักดิ์ สรรพาณิช นายกสมาคมผู้เพาะเลี้ยงปลาไทย กล่าวว่า สาเหตุ ที่เรียกร้องคณะอนุกรรมาธิการเศรษฐกิจ ให้เสนอรัฐบาลจัดเก็บภาษีการนำเข้าปลาซาบะ 5% นั้น เป็นเพราะช่วงที่ผ่านมา การนำเข้าปลาซาบะไม่มีการจัดเก็บภาษี จึงทำให้มีการนำเข้าเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะ 7 เดือนแรกของปีนี้ มีการนำเข้าปลาซาบะประมาณ 13,000 ตัน และคาดว่าทั้งปีจะมีการนำเข้าถึง 24,000 ตัน หรือ 10% ของปลาที่เพาะเลี้ยงในประเทศ โดยแหล่งนำเข้าที่สำคัญคือ นอร์เวย์ แคนาดา มาเลเซีย อินเดีย ญี่ปุ่น เดนมาร์ค และเนเธอร์แลนด์
จากการที่มีการนำเข้าปลาซาบะโดยไม่มีการเสียภาษี ทำให้ผู้เพาะเลี้ยงปลาไทยได้รับผลกระทบมาก เพราะทำให้ปลาที่เลี้ยงในประเทศราคาตกต่ำลง ซึ่งเป็นสัญญาณอันตรายต่อผู้เพาะเลี้ยงปลาของไทยและชาวประมงในอนาคต
ความเคลื่อนไหวของราคาสัตว์น้ำที่สำคัญประจำสัปดาห์นี้มีดังนี้ คือ
2.1 ปลาดุกบิ๊กอุย ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.57 บาท สูงขึ้น จากกิโลกรัมละ 25.94 บาท ของสัปดาห์ก่อน 5.63 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯเฉลี่ยกิโลกรัมละ 35.75 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 35.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.75 บาท
2.2 ปลาช่อน ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 53.56 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 54.58 บาท ของสัปดาห์ก่อน 1.02 บาท สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 83.75 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 82.86 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.89 บาท 2.3 กุ้งกุลาดำ กุ้งกุลาดำสดขนาดกลางราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 321.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 314.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 7.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 490.00 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 487.86 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.14 บาท 2.4 ปลาทู ปลาทูสดขนาดกลาง ราคาที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.53 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 16.70 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.17 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 45.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 47.86 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.86 บาท
2.5 ปลาหมึก ราคาปลาหมึกกระดองสดชาวประมงขายได้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 64.00 บาท ลดลงจากกิโลกรัมละ 69.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 5.00 บาท
สำหรับราคาประมูลจำหน่ายที่สะพานปลากรุงเทพฯ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 82.50 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 80.00 บาท ของสัปดาห์ก่อน 2.50 บาท
2.6 ปลาเป็ดและปลาป่น ราคาปลาเป็ดที่ชาวประมงขายได้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 2.55 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 2.37 บาท ของสัปดาห์ก่อน 0.18 บาท
สำหรับราคาขายส่งปลาป่นชนิดโปรตีน 58% ขึ้นไป (ระหว่างวันที่ 13-17 พย.43 ) เฉลี่ยกิโลกรัมละ 16.30 บาท สูงขึ้นจากกิโลกรัมละ 15.70 ของสัปดาห์ก่อน 0.60 บาท
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 45 ประจำวันที่ 13-19 พ.ย. 2543--
-สส-