หน่วยงาน Food and Veterinary (FVO) คณะกรรมาธิการยุโรป ประสงค์จะส่งคณะเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโรงงานและมาตรการที่ใช้ควบคุมสารปนเปื้อนในอาหาร โดยเฉพาะซอสถั่วเหลือง (Soy Sauce) และซอสอื่นๆที่ผลิตในประเทศไทยระหว่างวันที่ 5 — 9 พฤศจิกายน 2544 นี้
นายการุณ กิตติสถาพร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศสมาชิกสหภาพ ยุโรปได้ตรวจพบสาร 3-MCPD ในซอสปรุงรสมีปริมาณสูงกว่ามาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนดทำให้หลายประเทศในสหภาพยุโรปออกประกาศให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการบริโภคซอสปรุงรส โดยระบุว่าอาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งทำให้กระทบต่อการส่งออกซอสปรุงรสของไทยและหลายฝ่ายเห็นว่าอาจเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศในสหภาพยุโรป เพราะในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดปริมาณสาร 3-MCPC ในซอสปรุงรสที่เป็นมาตรฐานสากล และปัญหาการตรวจพบสาร 3-MCPD เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นและมีการหยิบยกมาเป็นข้อกังวลตั้งแต่ปี 2543 แล้ว
นายการุณฯ กล่าวต่อไปว่า กรมการค้าต่างประเทศ (คต.)ได้ประสานกับคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก เพื่อตรวจสอบข้อมูลสาร 3-MCPD ของประเทศต่างๆ และประสานท่าทีกับประเทศต่างๆที่ส่งออกซอสปรุงรสที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับไทย เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองการแก้ไขปัญหากับ สหภาพยุโรป ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช หรือ SPS (Sanitary and Phyto Sanitary) ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 — 15 มีนาคม 2544 ไทยได้กล่าวถ้อยแถลงในนามอาเซียนแสดงความกังวลต่อการกำหนดระดับสาร 3-MCPD ในซอสถั่วเหลืองซึ่งมีปริมาณต่ำมากจนไม่สามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติโดยขอให้สหภาพยุโรปชี้แจงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระดับสารดังกล่าวที่มีปริมาณเหมาะสมต่อการคุ้มครองสุขภาพผู้บริโภค และไม่ใช่เป็นมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า ในขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ได้พยายามหาแนวทางปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถลดค่าสาร 3-MCPD ลงอยู่ในระดับที่ผู้ซื้อกำหนด ซึ่งยังต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายรวมทั้งต้องปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอีกระยะหนึ่ง
นายการุณฯ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ คต. อยู่ระหว่างการประสานกับ อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและการเตรียมความพร้อมของไทยก่อนแจ้งยืนยันไปยังสหภาพ ยุโรปซึ่งจะส่งคณะเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโรงงานและมาตรการที่ใช้ควบคุมสารปนเปื้อนในอาหารที่ผลิตในประเทศไทย จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง และหามาตรการรองรับเพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อไป
-สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก กรกฎาคม 2544--
-อน-
นายการุณ กิตติสถาพร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า ตามที่ประเทศสมาชิกสหภาพ ยุโรปได้ตรวจพบสาร 3-MCPD ในซอสปรุงรสมีปริมาณสูงกว่ามาตรฐานที่สหภาพยุโรปกำหนดทำให้หลายประเทศในสหภาพยุโรปออกประกาศให้ประชาชนหลีกเลี่ยงการบริโภคซอสปรุงรส โดยระบุว่าอาจเป็นสาเหตุของการเกิดมะเร็งทำให้กระทบต่อการส่งออกซอสปรุงรสของไทยและหลายฝ่ายเห็นว่าอาจเป็นมาตรการกีดกันทางการค้าของประเทศในสหภาพยุโรป เพราะในปัจจุบันยังไม่มีการกำหนดปริมาณสาร 3-MCPC ในซอสปรุงรสที่เป็นมาตรฐานสากล และปัญหาการตรวจพบสาร 3-MCPD เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นและมีการหยิบยกมาเป็นข้อกังวลตั้งแต่ปี 2543 แล้ว
นายการุณฯ กล่าวต่อไปว่า กรมการค้าต่างประเทศ (คต.)ได้ประสานกับคณะผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การการค้าโลก เพื่อตรวจสอบข้อมูลสาร 3-MCPD ของประเทศต่างๆ และประสานท่าทีกับประเทศต่างๆที่ส่งออกซอสปรุงรสที่ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกับไทย เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองการแก้ไขปัญหากับ สหภาพยุโรป ซึ่งในการประชุมคณะกรรมการด้านสุขอนามัยและสุขอนามัยพืช หรือ SPS (Sanitary and Phyto Sanitary) ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 — 15 มีนาคม 2544 ไทยได้กล่าวถ้อยแถลงในนามอาเซียนแสดงความกังวลต่อการกำหนดระดับสาร 3-MCPD ในซอสถั่วเหลืองซึ่งมีปริมาณต่ำมากจนไม่สามารถดำเนินการได้ในทางปฏิบัติโดยขอให้สหภาพยุโรปชี้แจงหลักฐานทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับระดับสารดังกล่าวที่มีปริมาณเหมาะสมต่อการคุ้มครองสุขภาพผู้บริโภค และไม่ใช่เป็นมาตรการที่เป็นอุปสรรคต่อการค้า ในขณะเดียวกันสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.)ได้พยายามหาแนวทางปรับปรุงกระบวนการผลิตเพื่อให้ผู้ประกอบการไทยสามารถลดค่าสาร 3-MCPD ลงอยู่ในระดับที่ผู้ซื้อกำหนด ซึ่งยังต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายรวมทั้งต้องปรับปรุงกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอีกระยะหนึ่ง
นายการุณฯ กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ คต. อยู่ระหว่างการประสานกับ อย. และกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมและการเตรียมความพร้อมของไทยก่อนแจ้งยืนยันไปยังสหภาพ ยุโรปซึ่งจะส่งคณะเจ้าหน้าที่มาตรวจสอบโรงงานและมาตรการที่ใช้ควบคุมสารปนเปื้อนในอาหารที่ผลิตในประเทศไทย จึงขอให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง และหามาตรการรองรับเพื่อลดผลกระทบต่อภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องต่อไป
-สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก กรกฎาคม 2544--
-อน-