กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (23 สิงหาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลง ข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2543 เจ้าหน้าที่อาวุโสร่วม 100 คน จาก 27 ประเทศใน เอเชียและลาตินอเมริการ่วมกันกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างสองภูมิภาคให้ใกล้ชิดในทุกด้านทั้งการ เมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการศึกษา พร้อมเสนอให้รัฐมนตรีต่างประเทศประชุมร่วมกันอย่างเป็น ทางการครั้งแรกในต้นเดือนเมษายน 2543 เพื่อเปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมือระหว่างกันซึ่งจะส่งเสริมให้ ประชาชนจากทั้งสองภูมิภาคได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากกว่าที่ผ่านมา การร่วมมือกันจะนำไปสู่ความเข้าใจ ระหว่างกันที่ดีขึ้น ซึ่งจะยังผลให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นและมีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม นอกจากนี้ การร่วมมือกันจะช่วยเสริมบทบาทซึ่งกันและกันในเวทีต่างๆ ระหว่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสไทยได้แก่ ดร.สมเกียรติ อริยปรัชญา อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
การประชุมครั้งที่ 2 ของเจ้าหน้าที่อาวุโสของเวทีการหารือ EALAF ที่กรุงซานติเอโกครั้งนี้เป็น การประชุมสืบเนื่องมาจากการประชุมครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อเดือนกันยายน 2542 ซึ่งที่ประชุมครั้งนี้สามารถ ตกลงและเตรียมการในเรื่องสำคัญๆ ที่จะเป็นการวางแนวทางของการขยายความร่วมมือระหว่างกันได้แก่
1. การวางกรอบการหารือระหว่างสมาชิก และการดำเนินงานของเวทีการหารือเอเชียตะวัน ออก-ลาตินอเมริกา ซึ่งได้กำหนดกลไกการประสานงาน การแต่งตั้งผู้ประสานงานร่วมระหว่างสองภูมิภาค รวมทั้งผู้ช่วยผู้ประสานงาน โดยมีสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์เป็นผู้ประสานงานและผู้ช่วยผู้ประสานงานตามลำดับสำหรับเอเชีย ในขณะที่ฝ่ายลาตินอเมริกามีชิลีและโคลัมเบียเป็นผู้ประสานงานและผู้ช่วยผู้ประสานงานตาม ลำดับ
2. ประเทศสมาชิกได้เสนอโครงการความร่วมมือระหว่างกันที่หลากหลายเพื่อเป็นจุดเริ่มต้น เช่น การแลกเปลี่ยนโครงการฝึกอบรมบุคลากร การสัมมนา การเปิดสาขาภูมิภาคศึกษาของกันและกันใน สถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัย รวมทั้งการจัดศูนย์ข้อมูลที่จะเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับประเทศสมาชิก และการเสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาอุปสรรคและลู่ทางในการส่งเสริม ความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา
กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (23 สิงหาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ในโอกาสการเฉลิมฉลองครอบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา โรงพยาบาลราชวิถีจะจัด แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่จำนวน 16 คนเข้าร่วมโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หู คอ จมูก เพื่อให้บริการตรวจรักษาและผ่าตัดประชาชนชาวกัมพูชา โดยไม่คิดมูลค่า ระหว่างวันที่ 2 กันยายน ถึง 11 กันยายน 2543 ณ จังหวัดเปรเวียง และกรุงพนมเปญ--จบ--
-ยก-
วันนี้ (23 สิงหาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลง ข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ระหว่างวันที่ 16-18 สิงหาคม 2543 เจ้าหน้าที่อาวุโสร่วม 100 คน จาก 27 ประเทศใน เอเชียและลาตินอเมริการ่วมกันกำหนดแนวทางความร่วมมือระหว่างสองภูมิภาคให้ใกล้ชิดในทุกด้านทั้งการ เมือง เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม และการศึกษา พร้อมเสนอให้รัฐมนตรีต่างประเทศประชุมร่วมกันอย่างเป็น ทางการครั้งแรกในต้นเดือนเมษายน 2543 เพื่อเปิดศักราชใหม่แห่งความร่วมมือระหว่างกันซึ่งจะส่งเสริมให้ ประชาชนจากทั้งสองภูมิภาคได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันมากกว่าที่ผ่านมา การร่วมมือกันจะนำไปสู่ความเข้าใจ ระหว่างกันที่ดีขึ้น ซึ่งจะยังผลให้ความสัมพันธ์กระชับแน่นและมีผลเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยเฉพาะในด้าน เศรษฐกิจ สังคม วัฒนธรรม นอกจากนี้ การร่วมมือกันจะช่วยเสริมบทบาทซึ่งกันและกันในเวทีต่างๆ ระหว่างประเทศอีกด้วย ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่อาวุโสไทยได้แก่ ดร.สมเกียรติ อริยปรัชญา อธิบดีกรมอเมริกาและแปซิฟิกใต้
การประชุมครั้งที่ 2 ของเจ้าหน้าที่อาวุโสของเวทีการหารือ EALAF ที่กรุงซานติเอโกครั้งนี้เป็น การประชุมสืบเนื่องมาจากการประชุมครั้งแรกที่สิงคโปร์เมื่อเดือนกันยายน 2542 ซึ่งที่ประชุมครั้งนี้สามารถ ตกลงและเตรียมการในเรื่องสำคัญๆ ที่จะเป็นการวางแนวทางของการขยายความร่วมมือระหว่างกันได้แก่
1. การวางกรอบการหารือระหว่างสมาชิก และการดำเนินงานของเวทีการหารือเอเชียตะวัน ออก-ลาตินอเมริกา ซึ่งได้กำหนดกลไกการประสานงาน การแต่งตั้งผู้ประสานงานร่วมระหว่างสองภูมิภาค รวมทั้งผู้ช่วยผู้ประสานงาน โดยมีสิงคโปร์ และฟิลิปปินส์เป็นผู้ประสานงานและผู้ช่วยผู้ประสานงานตามลำดับสำหรับเอเชีย ในขณะที่ฝ่ายลาตินอเมริกามีชิลีและโคลัมเบียเป็นผู้ประสานงานและผู้ช่วยผู้ประสานงานตาม ลำดับ
2. ประเทศสมาชิกได้เสนอโครงการความร่วมมือระหว่างกันที่หลากหลายเพื่อเป็นจุดเริ่มต้น เช่น การแลกเปลี่ยนโครงการฝึกอบรมบุคลากร การสัมมนา การเปิดสาขาภูมิภาคศึกษาของกันและกันใน สถาบันการศึกษาหรือมหาวิทยาลัย รวมทั้งการจัดศูนย์ข้อมูลที่จะเผยแพร่ข้อมูลเหล่านี้ รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวกับประเทศสมาชิก และการเสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาอุปสรรคและลู่ทางในการส่งเสริม ความสัมพันธ์ทางการค้า การลงทุนและการท่องเที่ยวระหว่างเอเชียตะวันออกและลาตินอเมริกา
กรุงเทพฯ--24 ส.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (23 สิงหาคม 2543) นายดอน ปรมัตถ์วินัย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า ในโอกาสการเฉลิมฉลองครอบรอบ 50 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างประเทศไทยและประเทศกัมพูชา โรงพยาบาลราชวิถีจะจัด แพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่จำนวน 16 คนเข้าร่วมโครงการหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ หู คอ จมูก เพื่อให้บริการตรวจรักษาและผ่าตัดประชาชนชาวกัมพูชา โดยไม่คิดมูลค่า ระหว่างวันที่ 2 กันยายน ถึง 11 กันยายน 2543 ณ จังหวัดเปรเวียง และกรุงพนมเปญ--จบ--
-ยก-