กรุงเทพฯ--22 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (18 ตุลาคม 2544) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคครั้งที่ 13 ซึ่งมีขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. สมาชิกเอเปคตกลงกันที่จะร่วมมือทางเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับบรรดานักธุรกิจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก
2. สมาชิกเอเปคเห็นพ้องที่จะผลักดันให้มีการเจรจารอบใหม่ขององค์การการค้าโลก โดยให้มีหัวข้อการหารือครอบคลุมเรื่องต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ของทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา เช่น ในการเปิดเสรีการค้าจะต้องเร่งเพิ่มสมรรถนะต่างๆ ให้กับประเทศกำลังพัฒนา (capacity building) และจะต้องนำความห่วงใยของประเทศกำลังพัฒนาเกี่ยวกับการเปิดการค้าเสรีที่เร็วเกินไปรวมอยู่ในหัวข้อการเจรจาด้วย
3. ที่ประชุมเอเปคได้แสดงความยินดีกับจีนที่ได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization — WTO) และสนับสนุนให้รัสเซีย เวียดนาม และจีนไทเปเข้าเป็นสมาชิก WTO ด้วย
4. ที่ประชุมยังได้ให้ความเห็นชอบกับข้อเสนอของไทยในการเสริมสร้างความพร้อมให้กับสมาชิกเอเปค โดยไทยได้เสนอให้โรงเรียนต่างๆ ของสมาชิกเอเปคมีเครือข่ายระหว่างกัน ซึ่งไทยได้ตกลงกับจีนให้มี Sister School Network เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างนักเรียน มีการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างโรงเรียน เนื่องจากเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่แรกเริ่ม
5. ได้มีการหารือเรื่องเครือข่ายประกันสังคม (Social Safety Net) เพื่อให้เกิดความมั่นคง ซึ่งไทยและเกาหลีใต้มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ โดยดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้ยกตัวอย่างการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการให้การประกันสังคม เช่น กองทุนหมู่บ้าน การพักชำระหนี้เกษตรกร หรือโครงการประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค
6. นอกจากนี้ ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งที่ประชุมว่าไทยได้ตกลงกับจีนและญี่ปุ่นในเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราล่วงหน้า (bilateral swap arrangement) ซึ่งเป็นการตกลงสองฝ่ายในการกำหนดวงเงินยามฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือกันเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสมาชิกเอเปคอาจทำความตกลงทวิภาคีในลักษณะเดียวกัน
7. ในการประชุมระหว่างอาหารเช้ากับนายถัง เจีย สวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้มีการหารือเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้กล่าวถึงจุดยืนของไทยและความสำคัญของการดำเนินการภายใต้กรอบ สหประชาชาติและกรอบกฏหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาก็อยู่ภายใต้กรอบ ดังกล่าว และส่งผลให้มีการร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายทุกส่วนในสังคมของแต่ละประเทศอย่างเต็มที่
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (18 ตุลาคม 2544) ดร.สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับผลการประชุมระดับรัฐมนตรีเอเปคครั้งที่ 13 ซึ่งมีขึ้นที่นครเซี่ยงไฮ้ สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. สมาชิกเอเปคตกลงกันที่จะร่วมมือทางเศรษฐกิจมากขึ้น เพื่อเสริมสร้างความมั่นใจให้กับบรรดานักธุรกิจในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลก
2. สมาชิกเอเปคเห็นพ้องที่จะผลักดันให้มีการเจรจารอบใหม่ขององค์การการค้าโลก โดยให้มีหัวข้อการหารือครอบคลุมเรื่องต่างๆ ที่เป็นผลประโยชน์ของทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนา เช่น ในการเปิดเสรีการค้าจะต้องเร่งเพิ่มสมรรถนะต่างๆ ให้กับประเทศกำลังพัฒนา (capacity building) และจะต้องนำความห่วงใยของประเทศกำลังพัฒนาเกี่ยวกับการเปิดการค้าเสรีที่เร็วเกินไปรวมอยู่ในหัวข้อการเจรจาด้วย
3. ที่ประชุมเอเปคได้แสดงความยินดีกับจีนที่ได้เข้าเป็นสมาชิกองค์การการค้าโลก (World Trade Organization — WTO) และสนับสนุนให้รัสเซีย เวียดนาม และจีนไทเปเข้าเป็นสมาชิก WTO ด้วย
4. ที่ประชุมยังได้ให้ความเห็นชอบกับข้อเสนอของไทยในการเสริมสร้างความพร้อมให้กับสมาชิกเอเปค โดยไทยได้เสนอให้โรงเรียนต่างๆ ของสมาชิกเอเปคมีเครือข่ายระหว่างกัน ซึ่งไทยได้ตกลงกับจีนให้มี Sister School Network เพื่อเป็นการเชื่อมโยงระหว่างนักเรียน มีการแลกเปลี่ยนนักเรียนระหว่างโรงเรียน เนื่องจากเป็นการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่แรกเริ่ม
5. ได้มีการหารือเรื่องเครือข่ายประกันสังคม (Social Safety Net) เพื่อให้เกิดความมั่นคง ซึ่งไทยและเกาหลีใต้มีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้ โดยดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้ยกตัวอย่างการดำเนินการของรัฐบาลไทยในการให้การประกันสังคม เช่น กองทุนหมู่บ้าน การพักชำระหนี้เกษตรกร หรือโครงการประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค
6. นอกจากนี้ ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้แจ้งที่ประชุมว่าไทยได้ตกลงกับจีนและญี่ปุ่นในเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราล่วงหน้า (bilateral swap arrangement) ซึ่งเป็นการตกลงสองฝ่ายในการกำหนดวงเงินยามฉุกเฉินเพื่อให้ความช่วยเหลือกันเมื่อมีปัญหาเกี่ยวกับอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งสมาชิกเอเปคอาจทำความตกลงทวิภาคีในลักษณะเดียวกัน
7. ในการประชุมระหว่างอาหารเช้ากับนายถัง เจีย สวน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศจีน ได้มีการหารือเรื่องการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ดร.สุรเกียรติ์ฯ ได้กล่าวถึงจุดยืนของไทยและความสำคัญของการดำเนินการภายใต้กรอบ สหประชาชาติและกรอบกฏหมายระหว่างประเทศ ซึ่งการดำเนินการที่ผ่านมาก็อยู่ภายใต้กรอบ ดังกล่าว และส่งผลให้มีการร่วมมือในการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายทุกส่วนในสังคมของแต่ละประเทศอย่างเต็มที่
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-