นายเกริกไกร จีระแพทย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กระตุ้นเตือนภาคราชการและเอกชนปรับตัวรับมือการค้าเสรีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ในงานสัมมนาบทบาทภาคราชการและเอกชนในการรับมือการค้าเสรี ครั้งที่ 6 เมื่อวันที่ 17 มีนาคม 2544 ณ โรงแรมโลตัสปางสวนแก้ว จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งประกอบด้วย ผู้ว่าราชการ ประธานหอการค้าและพาณิชย์จังหวัดเชียงใหม่ และนักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงมีบทบาททางด้านเศรษฐกิจ ทั้ง ภายในประเทศและต่างประเทศตลอดมา โดยด้านภายในประเทศจะดูแลในเรื่องภาวะค่าครองชีพ ดูแลให้ ผู้บริโภคและเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า ส่งเสริมสนับผู้ประกอบการและเกษตรกรในด้านการตลาด ขณะเดียวกันก็ได้เร่งรัดการส่งออกเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศและให้ผู้ประกอบการ รวมทั้งเกษตรกรสามารถจำหน่ายสินค้าได้ในระดับที่คุ้มทุน
ในปัจจุบันเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศขึ้นอยู่กับการส่งออกสินค้า และบริการเป็นหลัก ซึ่งการส่งออกสินค้าต่างๆ ก็มีความผูกพันกับระบบการค้าเสรีของโลก ที่มีกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ มากมาย โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่องค์การการค้าโลก หรือ WTO กำหนดขึ้น ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ในระดับพหุภาคี ที่ประเทศสมาชิกต่างๆ ต้องใช้ร่วมกัน
ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะสามารถขายสินค้าและบริการกับนานาประเทศได้เป็นอย่างดีนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้เท่าทันกฎเกณฑ์และสถานการณ์ทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้สามารถแข่งขันภายใต้ปัจจัยดังกล่าวนั้นได้
บทบาทของระบบการค้าเสรีนั้นนอกจากจะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศดังกล่าวแล้ว ยังส่งผลกับโครงสร้างการค้าและการตลาดภายในประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการลงทุน การค้าส่ง-ค้าปลีก และการค้าบริการที่มีทั้งผู้ลงทุนรายใหญ่จากประเทศต่างๆ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีความได้เปรียบทั้งในแง่ของเงินลงทุน และต้นทุนที่ต่ำกว่า มีความสามารถทางการจัดการที่เป็นมืออาชีพมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทรวงเองมีความห่วงใยอย่างยิ่ง
จากปัจจัยดังกล่าวจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีการพัฒนาและปรับบทบาทในหลายๆ ด้านเพื่อ รับมือกับระบบการค้าเสรี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะพัฒนางานการพาณิชย์ในภูมิภาค ที่ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาคราชการและภาคเอกชนให้สามารถรับมือกับภาวะการณ์ดังกล่าว อันเป็นการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับจังหวัดที่เป็นรากแก้วของประเทศ และช่วยเหลือประชาชนในส่วนภูมิภาคซึ่งก็เป็นรากฐานของประเทศเช่นกัน หากเรามีรากที่แข็งแกร่งแล้วก็สามารถที่จะ ยึดและแผ่หาอาหารมาหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของประเทศได้
ดังนั้นการสัมมนานี้จึงเป็นการระดมความคิดเห็นจากทั้งภาคเอกชนที่มีประสบการณ์และภาคราชการในฐานะผู้สนับสนุน รวมทั้งนักวิชาการที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางและเตรียมพร้อมในการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้สามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้
--สำนักนโยบายและแผนพัฒนาการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์--
-อน-
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์เป็นกระทรวงมีบทบาททางด้านเศรษฐกิจ ทั้ง ภายในประเทศและต่างประเทศตลอดมา โดยด้านภายในประเทศจะดูแลในเรื่องภาวะค่าครองชีพ ดูแลให้ ผู้บริโภคและเกษตรกรให้ได้รับความเป็นธรรมทางการค้า ส่งเสริมสนับผู้ประกอบการและเกษตรกรในด้านการตลาด ขณะเดียวกันก็ได้เร่งรัดการส่งออกเพื่อเสริมสร้างเศรษฐกิจของประเทศและให้ผู้ประกอบการ รวมทั้งเกษตรกรสามารถจำหน่ายสินค้าได้ในระดับที่คุ้มทุน
ในปัจจุบันเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศขึ้นอยู่กับการส่งออกสินค้า และบริการเป็นหลัก ซึ่งการส่งออกสินค้าต่างๆ ก็มีความผูกพันกับระบบการค้าเสรีของโลก ที่มีกฎเกณฑ์การค้าระหว่างประเทศ มากมาย โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ที่องค์การการค้าโลก หรือ WTO กำหนดขึ้น ซึ่งเป็นกฎเกณฑ์ในระดับพหุภาคี ที่ประเทศสมาชิกต่างๆ ต้องใช้ร่วมกัน
ดังนั้นการที่ประเทศไทยจะสามารถขายสินค้าและบริการกับนานาประเทศได้เป็นอย่างดีนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรู้เท่าทันกฎเกณฑ์และสถานการณ์ทางการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างศักยภาพให้สามารถแข่งขันภายใต้ปัจจัยดังกล่าวนั้นได้
บทบาทของระบบการค้าเสรีนั้นนอกจากจะส่งผลต่อการค้าระหว่างประเทศดังกล่าวแล้ว ยังส่งผลกับโครงสร้างการค้าและการตลาดภายในประเทศเป็นอย่างมาก ทั้งในเรื่องของการลงทุน การค้าส่ง-ค้าปลีก และการค้าบริการที่มีทั้งผู้ลงทุนรายใหญ่จากประเทศต่างๆ ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม เนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่จะมีความได้เปรียบทั้งในแง่ของเงินลงทุน และต้นทุนที่ต่ำกว่า มีความสามารถทางการจัดการที่เป็นมืออาชีพมากกว่า ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กระทรวงเองมีความห่วงใยอย่างยิ่ง
จากปัจจัยดังกล่าวจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องมีการพัฒนาและปรับบทบาทในหลายๆ ด้านเพื่อ รับมือกับระบบการค้าเสรี ซึ่งกระทรวงพาณิชย์เองมีความตั้งใจอย่างแน่วแน่ที่จะพัฒนางานการพาณิชย์ในภูมิภาค ที่ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างภาคราชการและภาคเอกชนให้สามารถรับมือกับภาวะการณ์ดังกล่าว อันเป็นการช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจในระดับจังหวัดที่เป็นรากแก้วของประเทศ และช่วยเหลือประชาชนในส่วนภูมิภาคซึ่งก็เป็นรากฐานของประเทศเช่นกัน หากเรามีรากที่แข็งแกร่งแล้วก็สามารถที่จะ ยึดและแผ่หาอาหารมาหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆ ของประเทศได้
ดังนั้นการสัมมนานี้จึงเป็นการระดมความคิดเห็นจากทั้งภาคเอกชนที่มีประสบการณ์และภาคราชการในฐานะผู้สนับสนุน รวมทั้งนักวิชาการที่มีความสามารถทางเศรษฐกิจ เพื่อนำมาใช้เป็นแนวทางและเตรียมพร้อมในการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของภูมิภาคให้สามารถแข่งขันในเวทีการค้าโลกได้
--สำนักนโยบายและแผนพัฒนาการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์--
-อน-