กรุงเทพฯ--3 พ.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบปะกับนักธุรกิจไทยในพม่าเพื่อรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในตอนค่ำ วันที่ 1 พฤษภาคม 2544 ที่โรงแรม Sedona ในกรุงย่างกุ้ง
ดร. สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความสำคัญกับนโยบายต่อประเทศเพื่อนบ้าน เน้นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งจะเป็นพื้นฐานทำให้ความสามารถเจรจาแก้ไขปัญหาที่มีอยู่และจับมือเพื่อก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน ด้วยตระหนักดีว่าแต่ละฝ่ายต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันไม่สามารถหนีไปไหนได้ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก รัฐบาลมีความมุ่งมั่นให้ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อบ้านอยู่ในระดับที่ดี และให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติด เท่าที่ได้พบกับฝ่ายพม่าเห็นว่าพม่ามีความจริงใจที่จะปราบปรามยาเสพติดเช่นเดียวกัน โดยที่พม่าเห็นด้วยในหลักการที่จะให้มีบันทึกความเข้าใจ 3 ฝ่าย ไทย-จีน-พม่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ดร.สุรเกียรติ์ฯ แสดงความเป็นห่วงนักธุรกิจไทยในพม่าที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนที่มีความละเอียดอ่อนอยู่ในเวลานี้ และรับว่าจะพยายามแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาพปกติต่อไป ในการเยือนพม่าอย่างเป็นทางการนี้ก็ได้ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยและพม่าเคารพในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เดียวกัน และได้บริจาคเงินจำนวน 1,000 เหรียญสหรัฐฯ ให้กับวัดพระศรีศากยมุนี ในมัณฑะเลย์และอีก 1,000 เหรียญสหรัฐฯ ให้กับเจดีย์ชเวดากอง
นักธุรกิจไทยในพม่าได้สรุปสถานการณ์ปัจจุบันว่า การกระทบกระทั่งบริเวณแนวชายแดน ซึ่งนำไปสู่การปิดด่านได้ส่งผลต่อธุรกิจไทยในพม่าตลอดจนทัศนคติของคนพม่าที่มีต่อคนไทยและสินค้าไทย เนื่องจากคนพม่ามองว่าการปิดด่านและการห้ามนำเข้าสินค้ายุทธปัจจัยที่ฝ่ายให้เหตุผลว่าเพื่อกดดันคนกลุ่มน้อยนั้น แท้จริงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือประชาชนพม่า จีงเห็นว่าการปิดด่านนั้นไม่เป็นธรรม เนื่องจากคนพม่าต้องพึ่งพาสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่าปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ตามแนวชายแดนจะต้องไม่ขยายไปในระดับรัฐบาล เมื่อเกิดปัญหาที่ใดจะต้องแก้ไขเป็นจุดไป และไม่อยากให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังลงไปถึงระดับประชาชนต่อประชาชน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ยาก ดร.สุรเกียรติ์ฯ ย้ำว่าจะนำประเด็นความวิตกกังวลของนักธุรกิจไทยไปหารือและเจรจาให้ปัญหาที่มีอยู่กลับคืนสู่สภาพปกติ และต่อไปหากนักธุรกิจไทยมีปัญหาใดก็สามารถที่จะขอความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชฑูตไทยในพม่าได้เสมอ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้พบปะกับนักธุรกิจไทยในพม่าเพื่อรับฟังปัญหาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น ในตอนค่ำ วันที่ 1 พฤษภาคม 2544 ที่โรงแรม Sedona ในกรุงย่างกุ้ง
ดร. สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันให้ความสำคัญกับนโยบายต่อประเทศเพื่อนบ้าน เน้นการสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจซึ่งจะเป็นพื้นฐานทำให้ความสามารถเจรจาแก้ไขปัญหาที่มีอยู่และจับมือเพื่อก้าวไปข้างหน้าพร้อม ๆ กัน ด้วยตระหนักดีว่าแต่ละฝ่ายต้องพึ่งพาซึ่งกันและกันไม่สามารถหนีไปไหนได้ต้องเรียนรู้ที่จะอยู่ร่วมกันอย่างผาสุก รัฐบาลมีความมุ่งมั่นให้ความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อบ้านอยู่ในระดับที่ดี และให้ความสำคัญกับการปราบปรามยาเสพติด เท่าที่ได้พบกับฝ่ายพม่าเห็นว่าพม่ามีความจริงใจที่จะปราบปรามยาเสพติดเช่นเดียวกัน โดยที่พม่าเห็นด้วยในหลักการที่จะให้มีบันทึกความเข้าใจ 3 ฝ่าย ไทย-จีน-พม่า เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ดร.สุรเกียรติ์ฯ แสดงความเป็นห่วงนักธุรกิจไทยในพม่าที่อาจได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ชายแดนที่มีความละเอียดอ่อนอยู่ในเวลานี้ และรับว่าจะพยายามแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาพปกติต่อไป ในการเยือนพม่าอย่างเป็นทางการนี้ก็ได้ไปนมัสการสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของพม่า เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยและพม่าเคารพในสิ่งศักดิ์สิทธิ์เดียวกัน และได้บริจาคเงินจำนวน 1,000 เหรียญสหรัฐฯ ให้กับวัดพระศรีศากยมุนี ในมัณฑะเลย์และอีก 1,000 เหรียญสหรัฐฯ ให้กับเจดีย์ชเวดากอง
นักธุรกิจไทยในพม่าได้สรุปสถานการณ์ปัจจุบันว่า การกระทบกระทั่งบริเวณแนวชายแดน ซึ่งนำไปสู่การปิดด่านได้ส่งผลต่อธุรกิจไทยในพม่าตลอดจนทัศนคติของคนพม่าที่มีต่อคนไทยและสินค้าไทย เนื่องจากคนพม่ามองว่าการปิดด่านและการห้ามนำเข้าสินค้ายุทธปัจจัยที่ฝ่ายให้เหตุผลว่าเพื่อกดดันคนกลุ่มน้อยนั้น แท้จริงผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนคือประชาชนพม่า จีงเห็นว่าการปิดด่านนั้นไม่เป็นธรรม เนื่องจากคนพม่าต้องพึ่งพาสินค้าอุปโภคบริโภคจากประเทศไทย
เกี่ยวกับเรื่องนี้ ดร.สุรเกียรติ์ฯ กล่าวว่าปัญหาความขัดแย้งที่มีอยู่ตามแนวชายแดนจะต้องไม่ขยายไปในระดับรัฐบาล เมื่อเกิดปัญหาที่ใดจะต้องแก้ไขเป็นจุดไป และไม่อยากให้เกิดความรู้สึกเกลียดชังลงไปถึงระดับประชาชนต่อประชาชน เพราะหากเป็นเช่นนั้นจะแก้ไขปัญหาให้กลับคืนสู่สภาพเดิมได้ยาก ดร.สุรเกียรติ์ฯ ย้ำว่าจะนำประเด็นความวิตกกังวลของนักธุรกิจไทยไปหารือและเจรจาให้ปัญหาที่มีอยู่กลับคืนสู่สภาพปกติ และต่อไปหากนักธุรกิจไทยมีปัญหาใดก็สามารถที่จะขอความร่วมมือจากสถานเอกอัครราชฑูตไทยในพม่าได้เสมอ
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-