ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สรุปผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ประจำเดือนพฤศจิกายน 2543 จากแบบสำรวจของผู้ประกอบการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 99 ตัวอย่าง ดังนี้ :-
1. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ย. 43 สูงขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มดีขึ้นอีก
ในระยะ 4 เดือนข้างหน้า
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ย. 43 อยู่ที่ระดับร้อยละ 47.9 สูงขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 46.5 แต่ยังต่ำกว่าระดับที่
เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ โดยมีปัจจัยที่สนับสนุน คือ ปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ด้านอำนาจซื้อของประชาชน ด้านการลงทุนโดยรวม และ
ต้นทุนการประกอบการดีขึ้นจากเดือนก่อน ขณะที่ปัจจัยด้านการจ้างงาน และแนวโน้มการส่งออกลดลง นอกจากนี้ คาดว่าแนวโน้มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
จะดีขึ้นในอีก 4 เดือนข้างหน้า โดยจะปรับสูงขึ้นเป็นร้อยละ 52.9 ในเดือนหน้า และสูงขึ้นเป็นร้อยละ 53.7 ในช่วง ม.ค. - มี.ค. 44 ซึ่งสูงกว่า
ระดับที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ
2. ตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อการปรับตัวของธุรกิจแต่ไม่รวมอยู่ในองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่น่าสังเกต ได้แก่
2.1 ปริมาณสินค้าคงคลัง ในเดือนนี้ปริมาณสินค้าที่เป็นวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ดัชนีอยู่ที่ระดับร้อยละ 49.7 และ
ร้อยละ 55.4 ตามลำดับ ผู้ประกอบการควบคุม
สต๊อกสินค้าอย่างต่อเนื่อง และมีการผลิตตามคำสั่งซื้อมากขึ้น โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังเห็นว่าปริมาณสินค้าคงคลังยังคงเท่าเดิม
2.2 การแข่งขันทางธุรกิจ มีการแข่งขันด้านการตลาดและราคาในประเทศลดลงจากเดือนก่อน ดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศอยู่ที่
ระดับร้อยละ
33.1 โดยการแข่งขันยังคงรุนแรง ส่วนการแข่งขันทางธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจส่งออกอยู่ที่
ระดับร้อยละ 37.6
2.3 ภาวะการเงินเดือน พ.ย. 43 ธุรกิจมีสภาพคล่องและให้เครดิตแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน รวมทั้งภาระดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงจาก
เดือนก่อน
2.4 ตลาดเงินช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. 44 คาดว่าธุรกิจจะมีสภาพคล่องลดลงจากเดือนนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้ง
ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
3. ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ
3.1 รัฐควรเร่งสร้างงานให้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานและสร้างอำนาจซื้อให้เพิ่มขึ้น
3.2 รัฐควรเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เงินทุนหมุนเวียน
ของธุรกิจลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวยาก
3.3 รัฐควรดูแลราคาพืชผลเกษตรสำคัญให้เหมาะสม เนื่องจากช่วงนี้ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด ซึ่งหากสินค้าเกษตรราคาดี เกษตรกรจะมี
อำนาจซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นได้
3.4 ผู้ประกอบการยังรอดูความชัดเจนของการเลือกตั้งและการจัดรัฐบาลใหม่รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจก่อนวางแผนการลงทุน รวมทั้งหวังว่า
นโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีขึ้น
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
องค์ประกอบดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ไม่ตอบ
1. สถานะเศรษฐกิจหรือผลประกอบการธุรกิจ 28.60 46.90 24.50 -
2. อำนาจซื้อของประชาชน 21.40 43.90 31.60 -
3. การลงทุนโดยรวมในธุรกิจ 23.50 61.20 14.30 -
4. การจ้างงานในธุรกิจ 11.20 72.40 16.30 -
เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
5. ต้นทุนการประกอบการโดยรวมในธุรกิจ 35.70 53.10 8.20 3.10
6. แนวโน้มการส่งออก 29.00 29.00 41.90 -
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
ตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
1. ปริมาณสินค้าคงคลัง
- วัตถุดิบ 21.40 33.10 19.40 25.50
- สินค้าสำเร็จรูป 24.50 49.00 18.40 8.20
2. การแข่งขันธุรกิจด้านการตลาดและหรือด้านราคา
- ในประเทศ 41.80 41.80 5.10 11.20
- ต่างประเทศ 62.50 35.00 2.50 -
3. ภาวะการเงินเดือน พ.ย. 43
- ภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 14.30 55.10 12.20 18.40
- การให้เครดิตแก่ลูกค้า 11.20 53.10 17.30 18.40
- สภาพคล่อง 13.30 44.90 28.60 13.30
4. แนวโน้มตลาดเงินที่คาดไว้ในเดือน ม.ค.-มี.ค. 44
เทียบกับเดือน พ.ย. 43
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 19.40 53.10 15.30 12.20
- ค่าเงินบาท (เทียบกับดอลลาร์) 14.30 35.70 35.70 14.30
- สภาพคล่อง 16.30 46.90 24.50 12.20
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-
ประจำเดือนพฤศจิกายน 2543 จากแบบสำรวจของผู้ประกอบการในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จำนวน 99 ตัวอย่าง ดังนี้ :-
1. ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ย. 43 สูงขึ้นจากเดือนก่อน แต่ยังต่ำกว่าระดับที่เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ และมีแนวโน้มดีขึ้นอีก
ในระยะ 4 เดือนข้างหน้า
ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจเดือน พ.ย. 43 อยู่ที่ระดับร้อยละ 47.9 สูงขึ้นจากเดือนก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับร้อยละ 46.5 แต่ยังต่ำกว่าระดับที่
เศรษฐกิจจะมีเสถียรภาพ โดยมีปัจจัยที่สนับสนุน คือ ปัจจัยความเชื่อมั่นด้านผลประกอบการ ด้านอำนาจซื้อของประชาชน ด้านการลงทุนโดยรวม และ
ต้นทุนการประกอบการดีขึ้นจากเดือนก่อน ขณะที่ปัจจัยด้านการจ้างงาน และแนวโน้มการส่งออกลดลง นอกจากนี้ คาดว่าแนวโน้มความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
จะดีขึ้นในอีก 4 เดือนข้างหน้า โดยจะปรับสูงขึ้นเป็นร้อยละ 52.9 ในเดือนหน้า และสูงขึ้นเป็นร้อยละ 53.7 ในช่วง ม.ค. - มี.ค. 44 ซึ่งสูงกว่า
ระดับที่เศรษฐกิจมีเสถียรภาพ
2. ตัวแปรอื่น ๆ ที่มีผลต่อการปรับตัวของธุรกิจแต่ไม่รวมอยู่ในองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่น่าสังเกต ได้แก่
2.1 ปริมาณสินค้าคงคลัง ในเดือนนี้ปริมาณสินค้าที่เป็นวัตถุดิบและสินค้าสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ดัชนีอยู่ที่ระดับร้อยละ 49.7 และ
ร้อยละ 55.4 ตามลำดับ ผู้ประกอบการควบคุม
สต๊อกสินค้าอย่างต่อเนื่อง และมีการผลิตตามคำสั่งซื้อมากขึ้น โดยผู้ประกอบการส่วนใหญ่ยังเห็นว่าปริมาณสินค้าคงคลังยังคงเท่าเดิม
2.2 การแข่งขันทางธุรกิจ มีการแข่งขันด้านการตลาดและราคาในประเทศลดลงจากเดือนก่อน ดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจในประเทศอยู่ที่
ระดับร้อยละ
33.1 โดยการแข่งขันยังคงรุนแรง ส่วนการแข่งขันทางธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน ดัชนีการแข่งขันทางธุรกิจส่งออกอยู่ที่
ระดับร้อยละ 37.6
2.3 ภาวะการเงินเดือน พ.ย. 43 ธุรกิจมีสภาพคล่องและให้เครดิตแก่ลูกค้าเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน รวมทั้งภาระดอกเบี้ยเงินกู้ลดลงจาก
เดือนก่อน
2.4 ตลาดเงินช่วงเดือน ม.ค. - มี.ค. 44 คาดว่าธุรกิจจะมีสภาพคล่องลดลงจากเดือนนี้ อัตราดอกเบี้ยเงินกู้มีแนวโน้มสูงขึ้น รวมทั้ง
ค่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น
3. ข้อเสนอแนะของผู้ประกอบการต่อภาครัฐ
3.1 รัฐควรเร่งสร้างงานให้มากขึ้น เพื่อแก้ปัญหาการว่างงานและสร้างอำนาจซื้อให้เพิ่มขึ้น
3.2 รัฐควรเร่งให้ธนาคารพาณิชย์ปล่อยสินเชื่อให้มากขึ้น เนื่องจากธนาคารพาณิชย์เข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ ทำให้เงินทุนหมุนเวียน
ของธุรกิจลดลง ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวยาก
3.3 รัฐควรดูแลราคาพืชผลเกษตรสำคัญให้เหมาะสม เนื่องจากช่วงนี้ผลผลิตเริ่มออกสู่ตลาด ซึ่งหากสินค้าเกษตรราคาดี เกษตรกรจะมี
อำนาจซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ทำให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นได้
3.4 ผู้ประกอบการยังรอดูความชัดเจนของการเลือกตั้งและการจัดรัฐบาลใหม่รวมถึงสถานการณ์เศรษฐกิจก่อนวางแผนการลงทุน รวมทั้งหวังว่า
นโยบายทางเศรษฐกิจของรัฐบาลชุดใหม่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในทิศทางที่ดีขึ้น
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อองค์ประกอบของดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
องค์ประกอบดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ ดีขึ้น เท่าเดิม แย่ลง ไม่ตอบ
1. สถานะเศรษฐกิจหรือผลประกอบการธุรกิจ 28.60 46.90 24.50 -
2. อำนาจซื้อของประชาชน 21.40 43.90 31.60 -
3. การลงทุนโดยรวมในธุรกิจ 23.50 61.20 14.30 -
4. การจ้างงานในธุรกิจ 11.20 72.40 16.30 -
เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
5. ต้นทุนการประกอบการโดยรวมในธุรกิจ 35.70 53.10 8.20 3.10
6. แนวโน้มการส่งออก 29.00 29.00 41.90 -
ความเห็นของผู้ประกอบการต่อตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่ได้รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ
(ร้อยละของผู้ตอบแบบสอบถาม)
ตัวแปรอื่น ๆ ที่ไม่รวมอยู่ในดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจ เพิ่มขึ้น เท่าเดิม ลดลง ไม่ตอบ
1. ปริมาณสินค้าคงคลัง
- วัตถุดิบ 21.40 33.10 19.40 25.50
- สินค้าสำเร็จรูป 24.50 49.00 18.40 8.20
2. การแข่งขันธุรกิจด้านการตลาดและหรือด้านราคา
- ในประเทศ 41.80 41.80 5.10 11.20
- ต่างประเทศ 62.50 35.00 2.50 -
3. ภาวะการเงินเดือน พ.ย. 43
- ภาระดอกเบี้ยเงินกู้ 14.30 55.10 12.20 18.40
- การให้เครดิตแก่ลูกค้า 11.20 53.10 17.30 18.40
- สภาพคล่อง 13.30 44.90 28.60 13.30
4. แนวโน้มตลาดเงินที่คาดไว้ในเดือน ม.ค.-มี.ค. 44
เทียบกับเดือน พ.ย. 43
- อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 19.40 53.10 15.30 12.20
- ค่าเงินบาท (เทียบกับดอลลาร์) 14.30 35.70 35.70 14.30
- สภาพคล่อง 16.30 46.90 24.50 12.20
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/สำนักงานภาคตะวันออกเฉียงเหนือ--
-ยก-