สรุปสถานการณ์:
ไชน่าเดลี่และตงฟังเดลี่ แจ้งว่าผลไม้ไต้หวันได้รับความสนใจจากชาวเซี่ยงไฮ้อย่างมากในงานนิทรรศการแสดงสินค้าเกษตรระหว่างช่องแคบไต้หวันที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 18 — 20 กรกฎาคม 2548 ที่ผ่านมา ได้รับความสนใจอย่างมาโดยเฉพาะผลไม้ที่ไต้หวันได้นำมาจัดแสดงโชว์ 19 ชนิด ได้แก่ มะม่วง ลิ้นจี่ ฝรั่ง แอปเปิ้ล ชมพู่ สับปะรด แก้วมังกร น้อยหน่า มะละกอ มะเฟื่อง กล้วยหอม มะนาว องุ่น ลำไย แตงโม แคนตาลูป เป็นต้น ด้านหลิน จื้อ หง ผู้จัดการบริษัท ไต้หวัน กู้ด คอมเมิร์ช แอนด์ เทรดดิ้ง ผู้นำเข้าผลไม้จากไต้หวันกล่าวอย่างมั่นใจว่า จีนจะเป็นตลาดที่ใหญ่ของผลไม้ไต้หวันอย่างแน่นอนโดยจะได้รับความช่วยเหลือจากทางการจีนในเรื่องการอำนวยความสะดวกในการนำเข้า เช่น ลดพิธีการทางศุลกากร และขั้นตอนการกักโรค
ราคาผลไม้ของไต้หวันในเซี่ยงไฮ้ที่นำมาจัดแสดงยังอยู่ในระดับกลางและค่อนข้างสูงเนื่องจากอัตราภาษีนำเข้าและภัยธรรมชาติในไต้หวันที่มีต่อผลผลิต นอกจากนี้หากการเจรจาการงดเว้นภาษีนำเข้ามีความคืบหน้าจะทำให้ราคาลดลงอีก 15-20% ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการนำเข้าได้
กระทรวงพาณิชย์ของจีนได้ประกาศว่าตั้งแต่วันที่ 1 สิงหาคม 2548 จีนจะลดภาษีนำเข้าผลไม้เป็น 0% ที่มีแหล่งผลิตในไต้หวัน 15 ชนิด คือ สับปะรด น้อยหน่า มะละกอ มะเฟือง มะม่วง ฝรั่ง ชมพู่ หมาก ส้มโอ พุทรา มะพร้าว ผีผา พลัม ท้อ และพลับ เจ้าหน้าที่จีนยังกล่าวด้วยว่า การบรรลุข้อตกลงในครั้งนี้มีเป้าหมายช่วยให้ไต้หวันแก้ปัญหาการขายผลไม้
ประเด็นวิเคราะห์:
การที่จีนได้ประกาศว่าตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2548 จีนจะลดภาษีการนำเข้าผลไม้จากไต้หวันให้เป็น 0% ส่งผลให้ผลไม้ไต้หวันเข้าสู่ตลาดจีนได้มากขึ้น ในขณะที่ยังมีปัญหาของการนำเข้าผลไม้จากไต้หวันไปจีน คือเรื่องของคุณภาพของผลไม้ การขนส่งที่ยังไม่สามารถส่งตรงจากไต้หวันไปจีนได้โดยตรง ทางการจีนมีจุดประสงค์ให้ไทเปยกเลิกข้อห้ามเชื่อมโยงกันโดยตรง 3 ด้านที่ได้ดำเนินการมาหลายปี คือ ด้านการค้า การคมนาคม และการไปรษณีย์
ที่มา: http://www.depthai.go.th