ฉบับที่ 114/2543
คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีการประชุมเพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ และแนวโน้มเงินเฟ้อ และแสดงความเป็นห่วงในเรื่องสถานการณ์ตะวันออกกลางที่อาจจะมีผลกระทบรุนแรงต่อราคาน้ำมัน อีกทั้งในเรื่องค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ที่อ่อนตัวลง เพราะจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อ ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจนั้น ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยอาศัยภาคการส่งออกเป็นหลัก และภาวะการเงินในขณะนี้ยังคงเอื้ออำนวยต่อการอุปโภคบริโภคและการลงทุน รวมทั้งโครงสร้างระบบการเงินของประเทศที่ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น จะช่วยให้เศรษฐกิจยังขยายตัวต่อไปได้ แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นเป็นไปในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่ครอบคลุมภาคธุรกิจอย่างกว้างขวาง ดังนั้น แม้จะมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วง 8 ไตรมาสข้างหน้าจะเร่งขึ้น โดยมีแรงกดดันมาจากด้านต้นทุนการผลิต แต่ก็น่าจะยังคงต่ำกว่าร้อยละ 3.5 ยกเว้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2544 ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่สูงกว่าร้อยละ 3.5 เล็กน้อย เพราะการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 ในเดือนตุลาคม 2544คณะกรรมการนโยบายการเงินจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนระยะ 14 วัน ไว้ในระดับเดิม คืออัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี เพื่อเอื้ออำนวยต่อการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจต่อไป แต่จะทำการติดตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิด
สำหรับรายละเอียดการประเมินภาพเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ตลอดจนการประมาณแนวโน้มเงินเฟ้อจะแถลงให้ทราบอีกครั้งในการเผยแพร่รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือนตุลาคม ในวันที่ 26 ตุลาคม 2543 เวลา 14.00 น.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/17 ตุลาคม 2543--
-ยก-
คณะกรรมการนโยบายการเงินได้มีการประชุมเพื่อประเมินภาพรวมเศรษฐกิจ และแนวโน้มเงินเฟ้อ และแสดงความเป็นห่วงในเรื่องสถานการณ์ตะวันออกกลางที่อาจจะมีผลกระทบรุนแรงต่อราคาน้ำมัน อีกทั้งในเรื่องค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาร์ สรอ.ที่อ่อนตัวลง เพราะจะเป็นปัจจัยเสี่ยงต่ออัตราเงินเฟ้อ ส่วนภาพรวมเศรษฐกิจนั้น ยังคงฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยอาศัยภาคการส่งออกเป็นหลัก และภาวะการเงินในขณะนี้ยังคงเอื้ออำนวยต่อการอุปโภคบริโภคและการลงทุน รวมทั้งโครงสร้างระบบการเงินของประเทศที่ค่อย ๆ ปรับตัวดีขึ้น จะช่วยให้เศรษฐกิจยังขยายตัวต่อไปได้ แต่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจนั้นเป็นไปในอัตราที่ชะลอลงเมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก
เนื่องจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังไม่ครอบคลุมภาคธุรกิจอย่างกว้างขวาง ดังนั้น แม้จะมีความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานในช่วง 8 ไตรมาสข้างหน้าจะเร่งขึ้น โดยมีแรงกดดันมาจากด้านต้นทุนการผลิต แต่ก็น่าจะยังคงต่ำกว่าร้อยละ 3.5 ยกเว้นในไตรมาสที่ 4 ปี 2544 ที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะอยู่สูงกว่าร้อยละ 3.5 เล็กน้อย เพราะการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มจากร้อยละ 7 เป็นร้อยละ 10 ในเดือนตุลาคม 2544คณะกรรมการนโยบายการเงินจึงมีมติให้คงอัตราดอกเบี้ยตลาดซื้อคืนระยะ 14 วัน ไว้ในระดับเดิม คืออัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี เพื่อเอื้ออำนวยต่อการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจต่อไป แต่จะทำการติดตามปัจจัยเสี่ยงต่างๆ อย่างใกล้ชิด
สำหรับรายละเอียดการประเมินภาพเศรษฐกิจและปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ตลอดจนการประมาณแนวโน้มเงินเฟ้อจะแถลงให้ทราบอีกครั้งในการเผยแพร่รายงานแนวโน้มเงินเฟ้อฉบับเดือนตุลาคม ในวันที่ 26 ตุลาคม 2543 เวลา 14.00 น.
--ธนาคารแห่งประเทศไทย/17 ตุลาคม 2543--
-ยก-