พยากรณ์อากาศเพื่อการเกษตร
วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2548 ฉบับที่ 154/2548
คาดหมายลักษณะอากาศเพื่อการเกษตรใน 7 วันข้างหน้า
ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2548 - 1 ม.ค.49
ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. คลื่นกระแสลมตะวันตกเคลื่อนจากทะเลอันดามันพาดภาคเหนือ คาดว่าจะเคลื่อนผ่านภาค ตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และลมตะวันออกพัดปกคลุมประเทศไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกในระยะนี้ และภาคใต้มีฝนเพิ่มขึ้น ต่อจากนั้นคลื่นกระแสลมตะวันตกจะอ่อนกำลังลง ทำให้ฝนลดลง ในช่วงวันที่ 29 ธ.ค.48 — 1 ม.ค.49 ความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นและลมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังอ่อนปกคลุมประเทศไทยและอ่าวไทย ลักษณะเช่นนี้ทำให้ ประเทศไทยตอนบนมีหมอกเพิ่มมากขึ้นโดยทั่วไป สำหรับภาคใต้มีฝนเป็นแห่ง ๆ ส่วนคลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันมีความสูง 1-2 เมตร
ข้อควรระวัง
ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. บริเวณประเทศไทยตอนบนมีฝนตกในหลายพื้นที่ อาจทำความเสียหายกับไม้ผลและผลผลิต ทางการเกษตรได้ ต่อจากนั้นจะมีหมอกหนาในหลายพื้นที่ ขอให้เพิ่มความระวังในการสัญจรผ่านบริเวณที่มีหมอกไว้ด้วย
ผลกระทบของลักษณะอากาศต่อการเกษตรตามภาคต่าง ๆ ในระยะ 7 วันข้างหน้า มีดังนี้
เหนือ
ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนกระจาย 60 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนลดลงและอากาศเย็นกับมีหมอกเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิ ต่ำสุด 7-10 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนกระจาย 60 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนลดลงและอากาศเย็นกับมีหมอกเพิ่มขึ้นในหลายพื้นที่ อุณหภูมิต่ำสุด 17-20 องศา สำหรับบริเวณยอดดอยมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิ ต่ำสุด 7-10 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-20 กม./ชม. ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. จะมีฝนฟ้าคะนองกระจาย เกษตรกร ควรหลีกเลี่ยงการตากผลผลิตทางการเกษตรไว้กลางแจ้งเพราะจะเปียกชื้นเสียหายได้ นอกจากนี้ควรเพิ่มความระมัดระวังในการใช้รถใช้ถนนขณะผ่านบริเวณที่มีหมอกหนาด้วย
ตะวันออกเฉียงเหนือ
ในช่วงวันที่ 26-27 ธ.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนเป็นแห่ง ๆ 30 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนจะลดลงและอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศา สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 26-27 ธ.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนเป็นแห่ง ๆ 30 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนจะลดลงและอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 18-21 องศา สำหรับบริเวณยอดภูอากาศหนาว อุณหภูมิต่ำสุด 12-15 องศา ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เนื่องจากระยะนี้มีหมอก เกษตรกรควรระวังโรคราน้ำค้างในพืชไร่และพืชผัก นอกจากนี้ควรใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง
กลาง
ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 30-50 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนจะลดลงและอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 30-50 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนจะลดลงและอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 10-30 กม./ชม. สำหรับบริเวณที่มีฝนตก เกษตรกรควรเก็บกักน้ำไว้ใช้และใช้น้ำอย่างประหยัด เพื่อจะได้มีน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ฝนตกน้อยด้วย นอกจากนี้ควรนำวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรคลุมบริเวณโคนต้นเพื่อสงวนความชื้นดิน
ตะวันออก
ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 20-60 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนจะลดลงและมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม.
ในช่วงวันที่ 26-28 ธ.ค. มีเมฆเป็นส่วนมากและมีฝนเป็นแห่ง ๆ ถึงกระจาย 20-60 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นฝนจะลดลงและมีอากาศเย็นกับมีหมอกในตอนเช้า อุณหภูมิต่ำสุด 20-23 องศา ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. เนื่องจาก ในระยะนี้มีหมอกหลายพื้นที่ ชาวสวนมะม่วงควรระวังการระบาดของเชื้อราด้วย เนื่องจากระยะนี้การระเหยของน้ำ มีมาก ดังนั้นผู้ที่เลี้ยงสัตว์น้ำควรดูแลปริมาณน้ำให้เหมาะกับจำนวนสัตว์น้ำที่เลี้ยงด้วย
ใต้
ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 26-29 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 60 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นเหนือชุมพรขึ้นมามีเมฆ บางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศา ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ 30 % ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่เกือบตลอดสัปดาห์ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม.
ฝั่งตะวันออกในช่วงวันที่ 26-29 ธ.ค. มีฝนฟ้าคะนองกระจาย 60 % ของพื้นที่ ต่อจากนั้นเหนือชุมพรขึ้นมามีเมฆ บางส่วน อุณหภูมิต่ำสุด 21-22 องศา ส่วนตั้งแต่จังหวัดสุราษฏร์ธานีลงไปมีฝนฟ้าคะนองเป็นแห่ง ๆ 30 % ของพื้นที่ ส่วนมากบริเวณจังหวัดปัตตานี ยะลา และนราธิวาส ลมตะวันออก ความเร็ว 15-35 กม./ชม. ส่วนทางฝั่งตะวันตกมีฝนฟ้าคะนองบางแห่งถึงเป็นแห่ง ๆ 10-30 % ของพื้นที่เกือบตลอดสัปดาห์ ลมตะวันออกเฉียงเหนือ ความเร็ว 10-30 กม./ชม. เนื่องจากในระยะที่ผ่านมามีน้ำท่วมในหลายพื้นที่ เกษตรควรระบายน้ำออกจากพื้นที่เพาะปลูกอย่าให้ท่วมขังบริเวณโคนต้นพืชนานเพราะจะทำให้รากขาดอากาศและตายได้ นอกจากนี้ควรระวังและป้องกันการระบาดของโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร โรคน้ำกัดเท้า และโรคตาแดงด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กรมอุตุนิยมวิทยา 0-2399-4568-74
-สส-