1เรื่องสืบเนื่องจากการดำเนินการตามมติ กนศ.
1.1การปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ กนศ. : ข้อเสนอตั้งคณะอนุกรรมการนโยบายการค้าสินค้าเกษตร
กระทรวงการต่างประเทศเสนอตั้งคณะอนุกรรมการนโยบายการค้าสินค้าเกษตร โดยมี
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่เสนอแนะนโยบาย ท่าทีการเจรจาความตกลงสินค้าเกษตรของ WTO กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกันแล้ว และมีความเห็นร่วมกันว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมการใหม่ เนื่องจากมีคณะอนุกรรมการว่าด้วยการเจรจา
การค้าภายใต้ WTO ทำหน้าที่อยู่แล้ว จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
1.2ความคืบหน้าการดำเนินการของไทยกรณีสมุดปกเขียวว่าด้วยนโยบาย
สินค้าครบวงจร(Green Paper on Integrated Product Policy:IPP) ของสหภาพยุโรป
ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศ ได้รายงานความคืบหน้าการจัดทำร่างข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ฝ่ายไทยควรแจ้งต่อสหภาพยุโรปเกี่ยวกับสมุดปกเขียวว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจร พร้อมกับเสนอขอตั้งคณะอนุกรรมการว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจรของสหภาพยุโรป
ที่ประชุม กนศ. มีมติ ดังนี้
1) เห็นชอบแนวทางข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ฝ่ายไทยควรแจ้งต่อ
สหภาพยุโรปเกี่ยวกับสมุดปกเขียวว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจร ตามที่เสนอ
2) เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจร
ของสหภาพยุโรป โดยให้กรมการค้าต่างประเทศพิจารณาข้อคิดเห็นของที่ประชุมในการกำหนด
องค์ประกอบคณะอนุกรรมการ
1.3ความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการนโยบายสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพ
ตามมติ กนศ. ครั้งที่ 5/2542 มอบให้คณะอนุกรรมการนโยบายสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพ กำหนดนโยบายระยะกลางและระยะยาว และกำหนดท่าทีไทยในการเจรจาภายใต้ WTO และรายงาน
ความคืบหน้าต่อ กนศ. ซึ่งผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานผลการดำเนินงานว่า คณะทำงานกำหนดมาตรการทางด้านการผลิตและการค้าสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพภายใต้คณะอนุกรรมการนโยบาย
สินค้าเทคโนโลยีชีวภาพ ได้ดำเนินการจัดทำร่างนโยบายสินค้าอาหารและเกษตรตัดต่อสารพันธุกรรม พ.ศ.2545-2549 โดยแบ่งออกเป็น 6 ด้าน คือ (1) ด้านการผลิต (2) ด้านการพัฒนาบุคลากร (3) ด้าน การประเมินความปลอดภัย (4) ด้านการค้า (5) ด้านการประชาสัมพันธ์ (6) ด้านการมีส่วนร่วม
ที่ประชุมรับทราบ ให้ข้อสังเกต และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำนโยบายที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
1) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยี
ชีวภาพแห่งชาติ นำข้อสังเกตของคณะกรรมการไปประกอบการจัดทำนโยบายต่อไป
2) กระทรวงพาณิชย์ติดตามผลกระทบการค้าสินค้า GMOS ที่มีผลต่อ
สินค้าไทย
3) การจัดทำนโยบายควรมีความยืดหยุ่น มองเห็นภาพชัดเจน อยู่บนพื้นฐานที่ยอมรับได้
4) ควรให้ความสำคัญต่อการวิจัยพัฒนา และเร่งส่งเสริมพัฒนาบุคลากรมา
รองรับในเรื่องนี้ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการวิจัยตามชนิดสินค้าที่เป็นอาหาร กับสินค้าที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม
5) ศึกษาผลกระทบของสินค้า GMOS เช่น เปรียบเทียบระหว่างประเทศที่ผลิตกับไม่ได้ผลิต ติดตามการใช้สินค้า GMOS ฯลฯ ที่มีผลต่อประเทศไทย
6) ประเทศไทยต้องมีความระมัดระวังในการให้ข้อมูลเรื่องนี้ เพราะในระยะสั้น GMOS ยังไม่เป็นที่ยอมรับของโลก
1.4ยุทธศาสตร์การขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยไปจีน
ที่ประชุม กนศ. ครั้งที่ 2/2544 ได้มอบให้จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมในยุทธศาสตร์การขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยไปจีน และ ได้นำเสนอความคืบหน้าในการจัดทำยุทธศาสตร์เฉพาะด้านการค้า โดยเพิ่มเติมข้อมูลด้านอุตสาหกรรม ทั้งส่งออก นำเข้า ชนิดอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และปัญหาที่เกิดขึ้น สำหรับภาคเศรษฐกิจอื่นๆ จะได้ประมวลนำเสนอต่อไป
ที่ประชุมรับทราบและให้ข้อสังเกตที่สำคัญ ดังนี้
1) ควรมีการวิเคราะห์ผลกระทบ ทั้งการนำเข้า ส่งออก ชนิดสินค้า ระเบียบ
กฎเกณฑ์ทางการค้า แนวโน้ม คู่แข่ง พันธมิตร ศักยภาพ โอกาส ต้นทุน ความสามารถในการแข่งขัน ศึกษาผลประโยชน์เปรียบเทียบ การร่วมทุน การปกป้อง และปัญหา โดยพิจารณาทั้งฝ่ายจีนและไทย
2) ควรส่งเสริมสินค้าไทยในจีน เน้นสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภคใน
กลุ่มผู้ซื้อระดับบนที่ต้องการสินค้าดีมีคุณภาพ และการจัดงานแสดงสินค้า
2เรื่องเพื่อพิจารณา
2.1ยุทธศาสตร์การขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น
กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ได้จัดทำ ยุทธศาสตร์ขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลพื้นฐานด้านสถานการณ์การค้าไทย-ญี่ปุ่น การค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดญี่ปุ่น ตลอดจนปัญหาการส่งออกสินค้าไทย ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการค้าไทย-ญี่ปุ่น วิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ 7 เรื่อง ได้แก่ กลยุทธ์การพัฒนาการส่งออกในเชิงรุก กลยุทธ์ส่งเสริมธุรกิจบริการ กลยุทธ์อำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน กลยุทธ์ส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน กลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว กลยุทธ์ยกระดับการตรวจสอบมาตรฐานการนำเข้า และการส่งออก กลยุทธ์เจรจาเพื่อขยายความร่วมมือและขจัดปัญหา อุปสรรคการค้าและการลงทุน
ที่ประชุมเห็นว่า เป็นยุทธศาสตร์ที่จัดทำโดยครอบคลุมสาระเกือบทั้งหมดและสามารถเห็นภาพเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นได้ชัดเจน แต่มีข้อสังเกต/เสนอแนะหลายประเด็น อาทิ วิธีการเพิ่ม
บทบาทการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการของไทยในการนำรายได้เข้าสู่ประเทศ การศึกษาวิเคราะห์ใน
เชิงลึกเพื่อจำแนกความต้องการในตลาดญี่ปุ่น เพื่อดำเนินการผลิตและส่งเสริมการส่งออกตามความเหมาะสมสำหรับแต่ละส่วนของตลาดญี่ปุ่น การศึกษาติดตาม วิเคราะห์ผลการทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศต่าง ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนะให้นำรายละเอียดของประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้พิจารณาในการประชุมคณะกรรมการ/อนุกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป
ที่ประชุม กนศ. มีมติ เห็นชอบยุทธศาสตร์การขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น
2.2GSP กับสหภาพยุโรป
ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศ รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงหลักการให้ GSP ของ
สหภาพยุโรป รวมทั้ง วิธีการตัดสิทธิ GSP ที่ส่งผลให้สินค้าออกของไทยได้รับผลกระทบกระเทือน สำหรับ โครงการ GSP ของสหภาพยุโรปในปัจจุบันซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2547 นี้ เห็นควรเตรียมแนวทางการเจรจากับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับโครงการ GSP ในช่วงต่อไป ดังนี้
1. ให้มี Simplicity มากขึ้น รวมทั้งใช้วิธีการกำหนด Margin of Preference (MOP) ที่ 5-10 percentage point แก่ทุกสินค้าภายใต้โครงการ GSP ใหม่ ดังเช่นระบบ GSP ของออสเตรเลียในอดีตโดยไม่มี graduation
2. สินค้าที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากยุโรป ถ้าส่วนของ donor country content เกินกว่า 50% ก็ให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 0 เช่น ทูน่ากระป๋องที่ไทยนำเข้าวัตถุดิบจากสหภาพยุโรป เป็นต้น
ที่ประชุม กนศ. พิจารณาเห็นว่า การเจรจาเรื่อง GSP เท่าที่ผ่านมาเป็นความพยายาม ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสหภาพยุโรป แต่การ
คาดหวังให้สหภาพยุโรป ปรับปรุง แก้ไข กฎ ระเบียบ เกี่ยวกับ GSP ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันคงเป็นไปได้ยาก แต่ควรเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ที่สหภาพฯ จะใช้บังคับต่อไป
ที่ประชุม กนศ. มีมติ เห็นชอบการเตรียมแนวทางการเจรจากับสหภาพยุโรปตามที่กรมการค้าต่างประเทศเสนอ
2.3การยื่นข้อเสนอผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการเบื้องต้นภายใต้อาเซียน
ในการประชุม ASEAN Coordinating Committee on Services (CCS) ครั้งที่ 26 ณ
กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีมติให้ประเทศสมาชิกยื่นข้อเสนอผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการเบื้องต้น 3 สาขา (บริการด้านธุรกิจ การก่อสร้าง การสื่อสารโทรคมนาคม) ต่อฝ่ายเลขานุการอาเซียน ในการประชุม CCS ครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27-29 มิถุนายน 2544 รวมถึงการยื่นเสนอข้อผูกพันเปิดเสรีเบื่องต้นด้านการท่องเที่ยวของไทยใน Speacial National Tourism Organization Task Force ด้วย
ในส่วนของประเทศไทยนั้น คณะอนุกรรมการว่าด้วยการเจรจาการค้าบริการ ซึ่งมี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุวรรณ วลัยเสถียร) เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาข้อเสนอผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการเบื้องต้น และมีมติให้ความเห็นชอบในการยื่น Final Indicative Offers ของไทย ใน 4 สาขา
ที่ประชุม กนศ. มีมติ ให้ความเห็นชอบในการยื่นข้อเสนอผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการเบื้องต้นของไทยในสาขาบริการด้านธุรกิจ การก่อสร้าง การสื่อสารโทรคมนาคม และการท่องเที่ยว ตามที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการว่าด้วยการค้าบริการ
2.4การเสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิของไทยเข้ารับการคัดเลือกเป็นสมาชิก Appellate Body ของ WTO
สมาชิกองค์กรอุทธรณ์ (Appellate Body) จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 10 ธันวาคม 2544 จำนวน 3 คน และให้เสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลง ภายในวันที่ 29 มิถุนายน 2544
สำหรับประเทศไทยนั้น กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ได้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานต่าง ๆ รวม
ทั้งสิ้น 12 หน่วยงาน แต่มีเพียงคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แห่งเดียวเสนอชื่อ ศาสตราจารย์ ดร.ประสิทธิ์ เอกบุตร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ เข้ารับการคัดเลือกในตำแหน่งดังกล่าว
ที่ประชุม กนศ. มีมติ ให้ความเห็นชอบให้เสนอชื่อ ศาสตราจารย์ ดร. ประสิทธิ์ เอกบุตร สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น Appellate Body ของ WTO
3เรื่องเพื่อทราบ
ที่ประชุม รับทราบ เรื่องเพื่อทราบ 6 เรื่อง คือ
3.1e-ASEAN Working Group Chairman
3.2การเจรจาเปิดเสรีบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคม (ICT Services) ภายใต้อาเซียน
3.3รายงานผลการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวนโยบายข้อตกลงการค้าเสรีครั้งที่ 2/2544
3.4ผลการประชุม AEM Retreat ครั้งที่ 7
3.5ความคืบหน้ากรณีพิพาทไทย - โปแลนด์ เรื่องไทยใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กจากโปแลนด์
3.6ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (662)2826171-9 แฟกซ์ (662)280-0775--
-สส-
1.1การปรับปรุงคณะอนุกรรมการภายใต้ กนศ. : ข้อเสนอตั้งคณะอนุกรรมการนโยบายการค้าสินค้าเกษตร
กระทรวงการต่างประเทศเสนอตั้งคณะอนุกรรมการนโยบายการค้าสินค้าเกษตร โดยมี
ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน เพื่อทำหน้าที่เสนอแนะนโยบาย ท่าทีการเจรจาความตกลงสินค้าเกษตรของ WTO กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ ได้หารือกันแล้ว และมีความเห็นร่วมกันว่าขณะนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องตั้งคณะอนุกรรมการใหม่ เนื่องจากมีคณะอนุกรรมการว่าด้วยการเจรจา
การค้าภายใต้ WTO ทำหน้าที่อยู่แล้ว จึงแจ้งให้ที่ประชุมทราบ
1.2ความคืบหน้าการดำเนินการของไทยกรณีสมุดปกเขียวว่าด้วยนโยบาย
สินค้าครบวงจร(Green Paper on Integrated Product Policy:IPP) ของสหภาพยุโรป
ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศ ได้รายงานความคืบหน้าการจัดทำร่างข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ฝ่ายไทยควรแจ้งต่อสหภาพยุโรปเกี่ยวกับสมุดปกเขียวว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจร พร้อมกับเสนอขอตั้งคณะอนุกรรมการว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจรของสหภาพยุโรป
ที่ประชุม กนศ. มีมติ ดังนี้
1) เห็นชอบแนวทางข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ฝ่ายไทยควรแจ้งต่อ
สหภาพยุโรปเกี่ยวกับสมุดปกเขียวว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจร ตามที่เสนอ
2) เห็นชอบให้ตั้งคณะอนุกรรมการว่าด้วยนโยบายสินค้าครบวงจร
ของสหภาพยุโรป โดยให้กรมการค้าต่างประเทศพิจารณาข้อคิดเห็นของที่ประชุมในการกำหนด
องค์ประกอบคณะอนุกรรมการ
1.3ความคืบหน้าการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการนโยบายสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพ
ตามมติ กนศ. ครั้งที่ 5/2542 มอบให้คณะอนุกรรมการนโยบายสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพ กำหนดนโยบายระยะกลางและระยะยาว และกำหนดท่าทีไทยในการเจรจาภายใต้ WTO และรายงาน
ความคืบหน้าต่อ กนศ. ซึ่งผู้แทนกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานผลการดำเนินงานว่า คณะทำงานกำหนดมาตรการทางด้านการผลิตและการค้าสินค้าเทคโนโลยีชีวภาพภายใต้คณะอนุกรรมการนโยบาย
สินค้าเทคโนโลยีชีวภาพ ได้ดำเนินการจัดทำร่างนโยบายสินค้าอาหารและเกษตรตัดต่อสารพันธุกรรม พ.ศ.2545-2549 โดยแบ่งออกเป็น 6 ด้าน คือ (1) ด้านการผลิต (2) ด้านการพัฒนาบุคลากร (3) ด้าน การประเมินความปลอดภัย (4) ด้านการค้า (5) ด้านการประชาสัมพันธ์ (6) ด้านการมีส่วนร่วม
ที่ประชุมรับทราบ ให้ข้อสังเกต และมอบหมายหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดทำนโยบายที่สำคัญสรุปได้ ดังนี้
1) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยี
ชีวภาพแห่งชาติ นำข้อสังเกตของคณะกรรมการไปประกอบการจัดทำนโยบายต่อไป
2) กระทรวงพาณิชย์ติดตามผลกระทบการค้าสินค้า GMOS ที่มีผลต่อ
สินค้าไทย
3) การจัดทำนโยบายควรมีความยืดหยุ่น มองเห็นภาพชัดเจน อยู่บนพื้นฐานที่ยอมรับได้
4) ควรให้ความสำคัญต่อการวิจัยพัฒนา และเร่งส่งเสริมพัฒนาบุคลากรมา
รองรับในเรื่องนี้ รวมทั้งสนับสนุนให้มีการวิจัยตามชนิดสินค้าที่เป็นอาหาร กับสินค้าที่ใช้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรม
5) ศึกษาผลกระทบของสินค้า GMOS เช่น เปรียบเทียบระหว่างประเทศที่ผลิตกับไม่ได้ผลิต ติดตามการใช้สินค้า GMOS ฯลฯ ที่มีผลต่อประเทศไทย
6) ประเทศไทยต้องมีความระมัดระวังในการให้ข้อมูลเรื่องนี้ เพราะในระยะสั้น GMOS ยังไม่เป็นที่ยอมรับของโลก
1.4ยุทธศาสตร์การขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยไปจีน
ที่ประชุม กนศ. ครั้งที่ 2/2544 ได้มอบให้จัดทำข้อมูลเพิ่มเติมในยุทธศาสตร์การขยายตลาดส่งออกสินค้าไทยไปจีน และ ได้นำเสนอความคืบหน้าในการจัดทำยุทธศาสตร์เฉพาะด้านการค้า โดยเพิ่มเติมข้อมูลด้านอุตสาหกรรม ทั้งส่งออก นำเข้า ชนิดอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพ และปัญหาที่เกิดขึ้น สำหรับภาคเศรษฐกิจอื่นๆ จะได้ประมวลนำเสนอต่อไป
ที่ประชุมรับทราบและให้ข้อสังเกตที่สำคัญ ดังนี้
1) ควรมีการวิเคราะห์ผลกระทบ ทั้งการนำเข้า ส่งออก ชนิดสินค้า ระเบียบ
กฎเกณฑ์ทางการค้า แนวโน้ม คู่แข่ง พันธมิตร ศักยภาพ โอกาส ต้นทุน ความสามารถในการแข่งขัน ศึกษาผลประโยชน์เปรียบเทียบ การร่วมทุน การปกป้อง และปัญหา โดยพิจารณาทั้งฝ่ายจีนและไทย
2) ควรส่งเสริมสินค้าไทยในจีน เน้นสินค้าอุตสาหกรรม สินค้าอุปโภคบริโภคใน
กลุ่มผู้ซื้อระดับบนที่ต้องการสินค้าดีมีคุณภาพ และการจัดงานแสดงสินค้า
2เรื่องเพื่อพิจารณา
2.1ยุทธศาสตร์การขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น
กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ได้จัดทำ ยุทธศาสตร์ขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น ซึ่งประกอบด้วยข้อมูลพื้นฐานด้านสถานการณ์การค้าไทย-ญี่ปุ่น การค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น สินค้าไทยที่มีศักยภาพในตลาดญี่ปุ่น ตลอดจนปัญหาการส่งออกสินค้าไทย ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการค้าไทย-ญี่ปุ่น วิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ 7 เรื่อง ได้แก่ กลยุทธ์การพัฒนาการส่งออกในเชิงรุก กลยุทธ์ส่งเสริมธุรกิจบริการ กลยุทธ์อำนวยความสะดวกทางการค้าและการลงทุน กลยุทธ์ส่งเสริมการลงทุนระหว่างกัน กลยุทธ์ส่งเสริมการท่องเที่ยว กลยุทธ์ยกระดับการตรวจสอบมาตรฐานการนำเข้า และการส่งออก กลยุทธ์เจรจาเพื่อขยายความร่วมมือและขจัดปัญหา อุปสรรคการค้าและการลงทุน
ที่ประชุมเห็นว่า เป็นยุทธศาสตร์ที่จัดทำโดยครอบคลุมสาระเกือบทั้งหมดและสามารถเห็นภาพเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นได้ชัดเจน แต่มีข้อสังเกต/เสนอแนะหลายประเด็น อาทิ วิธีการเพิ่ม
บทบาทการท่องเที่ยวและธุรกิจบริการของไทยในการนำรายได้เข้าสู่ประเทศ การศึกษาวิเคราะห์ใน
เชิงลึกเพื่อจำแนกความต้องการในตลาดญี่ปุ่น เพื่อดำเนินการผลิตและส่งเสริมการส่งออกตามความเหมาะสมสำหรับแต่ละส่วนของตลาดญี่ปุ่น การศึกษาติดตาม วิเคราะห์ผลการทำความตกลงการค้าเสรีระหว่างญี่ปุ่นกับประเทศต่าง ๆ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้เสนอแนะให้นำรายละเอียดของประเด็นต่าง ๆ เหล่านี้พิจารณาในการประชุมคณะกรรมการ/อนุกรรมการที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดผลในทางปฏิบัติต่อไป
ที่ประชุม กนศ. มีมติ เห็นชอบยุทธศาสตร์การขยายความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจกับญี่ปุ่น
2.2GSP กับสหภาพยุโรป
ผู้แทนกรมการค้าต่างประเทศ รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงหลักการให้ GSP ของ
สหภาพยุโรป รวมทั้ง วิธีการตัดสิทธิ GSP ที่ส่งผลให้สินค้าออกของไทยได้รับผลกระทบกระเทือน สำหรับ โครงการ GSP ของสหภาพยุโรปในปัจจุบันซึ่งจะหมดอายุลงในวันที่ 31 ธันวาคม 2547 นี้ เห็นควรเตรียมแนวทางการเจรจากับสหภาพยุโรปเกี่ยวกับโครงการ GSP ในช่วงต่อไป ดังนี้
1. ให้มี Simplicity มากขึ้น รวมทั้งใช้วิธีการกำหนด Margin of Preference (MOP) ที่ 5-10 percentage point แก่ทุกสินค้าภายใต้โครงการ GSP ใหม่ ดังเช่นระบบ GSP ของออสเตรเลียในอดีตโดยไม่มี graduation
2. สินค้าที่ใช้วัตถุดิบนำเข้าจากยุโรป ถ้าส่วนของ donor country content เกินกว่า 50% ก็ให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าในอัตรา 0 เช่น ทูน่ากระป๋องที่ไทยนำเข้าวัตถุดิบจากสหภาพยุโรป เป็นต้น
ที่ประชุม กนศ. พิจารณาเห็นว่า การเจรจาเรื่อง GSP เท่าที่ผ่านมาเป็นความพยายาม ในการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้แก่ผู้ส่งออก เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดสหภาพยุโรป แต่การ
คาดหวังให้สหภาพยุโรป ปรับปรุง แก้ไข กฎ ระเบียบ เกี่ยวกับ GSP ที่บังคับใช้อยู่ในปัจจุบันคงเป็นไปได้ยาก แต่ควรเตรียมความพร้อมเพื่อปฏิบัติตามกฎ ระเบียบ ที่สหภาพฯ จะใช้บังคับต่อไป
ที่ประชุม กนศ. มีมติ เห็นชอบการเตรียมแนวทางการเจรจากับสหภาพยุโรปตามที่กรมการค้าต่างประเทศเสนอ
2.3การยื่นข้อเสนอผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการเบื้องต้นภายใต้อาเซียน
ในการประชุม ASEAN Coordinating Committee on Services (CCS) ครั้งที่ 26 ณ
กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้มีมติให้ประเทศสมาชิกยื่นข้อเสนอผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการเบื้องต้น 3 สาขา (บริการด้านธุรกิจ การก่อสร้าง การสื่อสารโทรคมนาคม) ต่อฝ่ายเลขานุการอาเซียน ในการประชุม CCS ครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 27-29 มิถุนายน 2544 รวมถึงการยื่นเสนอข้อผูกพันเปิดเสรีเบื่องต้นด้านการท่องเที่ยวของไทยใน Speacial National Tourism Organization Task Force ด้วย
ในส่วนของประเทศไทยนั้น คณะอนุกรรมการว่าด้วยการเจรจาการค้าบริการ ซึ่งมี
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นายสุวรรณ วลัยเสถียร) เป็นประธาน ได้มีการพิจารณาข้อเสนอผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการเบื้องต้น และมีมติให้ความเห็นชอบในการยื่น Final Indicative Offers ของไทย ใน 4 สาขา
ที่ประชุม กนศ. มีมติ ให้ความเห็นชอบในการยื่นข้อเสนอผูกพันเปิดเสรีการค้าบริการเบื้องต้นของไทยในสาขาบริการด้านธุรกิจ การก่อสร้าง การสื่อสารโทรคมนาคม และการท่องเที่ยว ตามที่ได้ผ่านการพิจารณาของคณะอนุกรรมการว่าด้วยการค้าบริการ
2.4การเสนอชื่อผู้ทรงคุณวุฒิของไทยเข้ารับการคัดเลือกเป็นสมาชิก Appellate Body ของ WTO
สมาชิกองค์กรอุทธรณ์ (Appellate Body) จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในวันที่ 10 ธันวาคม 2544 จำนวน 3 คน และให้เสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับการคัดเลือกเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลง ภายในวันที่ 29 มิถุนายน 2544
สำหรับประเทศไทยนั้น กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ได้มีหนังสือแจ้งหน่วยงานต่าง ๆ รวม
ทั้งสิ้น 12 หน่วยงาน แต่มีเพียงคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แห่งเดียวเสนอชื่อ ศาสตราจารย์ ดร.ประสิทธิ์ เอกบุตร อาจารย์ประจำคณะนิติศาสตร์ เข้ารับการคัดเลือกในตำแหน่งดังกล่าว
ที่ประชุม กนศ. มีมติ ให้ความเห็นชอบให้เสนอชื่อ ศาสตราจารย์ ดร. ประสิทธิ์ เอกบุตร สมัครเข้ารับการคัดเลือกเป็น Appellate Body ของ WTO
3เรื่องเพื่อทราบ
ที่ประชุม รับทราบ เรื่องเพื่อทราบ 6 เรื่อง คือ
3.1e-ASEAN Working Group Chairman
3.2การเจรจาเปิดเสรีบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศและสื่อสารโทรคมนาคม (ICT Services) ภายใต้อาเซียน
3.3รายงานผลการประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาแนวนโยบายข้อตกลงการค้าเสรีครั้งที่ 2/2544
3.4ผลการประชุม AEM Retreat ครั้งที่ 7
3.5ความคืบหน้ากรณีพิพาทไทย - โปแลนด์ เรื่องไทยใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดสินค้าเหล็กจากโปแลนด์
3.6ผลการประชุมรัฐมนตรีการค้าเอเปค
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ อาคาร ค ถ.ราชดำเนินกลาง แขวงบวรนิเวศน์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200 โทรศัพท์ (662)2826171-9 แฟกซ์ (662)280-0775--
-สส-