แท็ก
อเมริกา
คุณถาม : Banana Republic คืออะไร
EXIM ตอบ : Banana Republic มี 2 ความหมายดังนี้
1. ความหมายโดยทั่วไป Banana Republic เป็นคำศัพท์ไม่เป็นทางการที่ใช้เรียกกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Developing Countries) บางประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคอเมริกากลางและทางตอนเหนือของลาตินอเมริกา ประเทศเหล่านี้ได้ ชื่อว่า Banana Republic เนื่องจากพึ่งพารายได้จากการส่งออกกล้วยเป็นหลัก
ประเทศที่อยู่ในกลุ่ม Banana Republic ที่สำคัญได้แก่ เอกวาดอร์ (เป็นประเทศผู้ส่งออกกล้วยรายใหญ่อันดับ 1
ของโลก โดยในปี 2542 มีปริมาณการส่งออกกล้วยมากถึง 3.8 ล้านตัน) คอสตาริกา (ผู้ส่งออกกล้วยรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดยในปี 2542 มีปริมาณการส่งออกกล้วยรวม 2.0 ล้านตัน) โคลัมเบีย กัวเตมาลา ปานามา ฮอนดูรัส และนิการากัว ฯลฯ
2. ความหมายที่เป็นคำแสลง Banana Republic เป็นคำศัพท์แสลงใช้เรียกประเทศเล็กๆ ที่มีฐานะยากจนและจำ เป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้ยังรวมถึงประเทศที่มีโครงสร้างทาง การเมืองอ่อนแอ อาทิ มีการปฏิวัติรัฐประหารบ่อยครั้งหรือมีปัญหาการคอร์รัปชั่นสูง เป็นต้น
คุณถาม : น้ำผัก-น้ำผลไม้กระป๋องมีลู่ทางส่งออกหรือไม่เพียงใด
EXIM ตอบ : ประเทศไทยส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้กระป๋องเป็นมูลค่าประมาณปีละ 5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกน้ำผลไม้ คิดเป็นร้อยละ 70-80 ของมูลค่าส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้ทั้งหมดของไทย น้ำผลไม้ที่ส่งออกได้มากที่สุด คือ น้ำสับปะรด (คิดเป็นร้อยละ 50 ของการส่งออกน้ำผลไม้ทั้งหมด) นอกนั้นเป็นน้ำส้ม น้ำเกรบฟรุต น้ำองุ่น น้ำแอปเปิ้ล และน้ำ ผลไม้รวม สำหรับน้ำผักที่มีการส่งออกมาก ได้แก่ น้ำมะเขือเทศ น้ำแครอท และน้ำผักผสม รวมทั้งน้ำผักสมุนไพรที่ ส่งออกมากขึ้นในปัจจุบัน ตลาดส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้กระป๋องที่สำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (เป็นตลาดส่ง ออกสำคัญที่สุด มีสัดส่วน การส่งออกราวร้อยละ 30) เนเธอร์แลนด์ สเปน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และประเทศเพื่อน บ้านในแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ กัมพูชา และพม่า
การส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้ของไทยมีแนวโน้มสดใสเนื่องจากปัจจุบันเกิดกระแสการตื่นตัวของผู้บริโภคที่ห่วงใยสุขภาพ
และหันมานิยมบริโภคน้ำผัก-น้ำผลไม้กันมากขึ้น ประกอบกับประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตน้ำผัก-น้ำผลไม้มาก เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบผักและผลไม้หลากหลายชนิดได้เอง นอกจากนี้ การที่ผู้ประกอบการของไทยหลายราย มีประสบการณ์และมีพื้นฐานการผลิตตลอดจนเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าอาหารประเภทอื่นๆ มาก่อน ทำให้สามารถ พัฒนาการผลิตน้ำผัก-น้ำผลไม้ จนเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศคู่ค้าของไทยเริ่มนำมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษีมาเป็นข้ออ้างในการกีดกันการนำ เข้าน้ำผัก-น้ำผลไม้จากไทย โดยเฉพาะมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยในสินค้าอาหาร รวมทั้งข้อบังคับ เกี่ยวกับการปิดฉลากและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ส่งออกไทยควรให้ความสนใจติดตามเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อให้ การส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้ของไทยสามารถแข่งขันได้ต่อไปในอนาคต
คุณถาม : ประเทศใดเป็นคู่แข่งสำคัญของสินค้าไทยในตลาดจีน
EXIM ตอบ : ในบรรดาสินค้า 5 อันดับแรกที่ไทยส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีนสินค้าแต่ละรายการมีคู่แข่งที่สำคัญ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ยางพราราและผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าเพียงรายการเดียวเท่านั้นที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในจีนมาก
เป็นอันดับ 1 ในขณะที่สินค้ารายการอื่นๆ ของไทยมีส่วนแบ่งตลาดในจีนไม่สูงนัก สำหรับประเทศที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ
ไทยในตลาดจีน ได้แก่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งจัดเป็นคู่ค้าสำคัญ 3 อันดับแรกของจีน ส่วนไทยเป็นคู่ค้า สำคัญอันดับ
13 ของจีน โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับจีนเป็นมูลค่า 568.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2543
ข้อมูลจาก : ฝ่ายวิชาการและแผนงาน--จบ--
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม 2544--
-อน-
EXIM ตอบ : Banana Republic มี 2 ความหมายดังนี้
1. ความหมายโดยทั่วไป Banana Republic เป็นคำศัพท์ไม่เป็นทางการที่ใช้เรียกกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา (Developing Countries) บางประเทศที่ตั้งอยู่ในภูมิภาคอเมริกากลางและทางตอนเหนือของลาตินอเมริกา ประเทศเหล่านี้ได้ ชื่อว่า Banana Republic เนื่องจากพึ่งพารายได้จากการส่งออกกล้วยเป็นหลัก
ประเทศที่อยู่ในกลุ่ม Banana Republic ที่สำคัญได้แก่ เอกวาดอร์ (เป็นประเทศผู้ส่งออกกล้วยรายใหญ่อันดับ 1
ของโลก โดยในปี 2542 มีปริมาณการส่งออกกล้วยมากถึง 3.8 ล้านตัน) คอสตาริกา (ผู้ส่งออกกล้วยรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก โดยในปี 2542 มีปริมาณการส่งออกกล้วยรวม 2.0 ล้านตัน) โคลัมเบีย กัวเตมาลา ปานามา ฮอนดูรัส และนิการากัว ฯลฯ
2. ความหมายที่เป็นคำแสลง Banana Republic เป็นคำศัพท์แสลงใช้เรียกประเทศเล็กๆ ที่มีฐานะยากจนและจำ เป็นต้องพึ่งพาความช่วยเหลือทางการเงินจากต่างประเทศเป็นหลัก นอกจากนี้ยังรวมถึงประเทศที่มีโครงสร้างทาง การเมืองอ่อนแอ อาทิ มีการปฏิวัติรัฐประหารบ่อยครั้งหรือมีปัญหาการคอร์รัปชั่นสูง เป็นต้น
คุณถาม : น้ำผัก-น้ำผลไม้กระป๋องมีลู่ทางส่งออกหรือไม่เพียงใด
EXIM ตอบ : ประเทศไทยส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้กระป๋องเป็นมูลค่าประมาณปีละ 5 พันล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการส่งออกน้ำผลไม้ คิดเป็นร้อยละ 70-80 ของมูลค่าส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้ทั้งหมดของไทย น้ำผลไม้ที่ส่งออกได้มากที่สุด คือ น้ำสับปะรด (คิดเป็นร้อยละ 50 ของการส่งออกน้ำผลไม้ทั้งหมด) นอกนั้นเป็นน้ำส้ม น้ำเกรบฟรุต น้ำองุ่น น้ำแอปเปิ้ล และน้ำ ผลไม้รวม สำหรับน้ำผักที่มีการส่งออกมาก ได้แก่ น้ำมะเขือเทศ น้ำแครอท และน้ำผักผสม รวมทั้งน้ำผักสมุนไพรที่ ส่งออกมากขึ้นในปัจจุบัน ตลาดส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้กระป๋องที่สำคัญของไทย ได้แก่ สหรัฐอเมริกา (เป็นตลาดส่ง ออกสำคัญที่สุด มีสัดส่วน การส่งออกราวร้อยละ 30) เนเธอร์แลนด์ สเปน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และประเทศเพื่อน บ้านในแถบเอเชีย เช่น สิงคโปร์ กัมพูชา และพม่า
การส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้ของไทยมีแนวโน้มสดใสเนื่องจากปัจจุบันเกิดกระแสการตื่นตัวของผู้บริโภคที่ห่วงใยสุขภาพ
และหันมานิยมบริโภคน้ำผัก-น้ำผลไม้กันมากขึ้น ประกอบกับประเทศไทยมีศักยภาพในการผลิตน้ำผัก-น้ำผลไม้มาก เนื่องจากเป็นแหล่งผลิตวัตถุดิบผักและผลไม้หลากหลายชนิดได้เอง นอกจากนี้ การที่ผู้ประกอบการของไทยหลายราย มีประสบการณ์และมีพื้นฐานการผลิตตลอดจนเทคโนโลยีในการผลิตสินค้าอาหารประเภทอื่นๆ มาก่อน ทำให้สามารถ พัฒนาการผลิตน้ำผัก-น้ำผลไม้ จนเป็นที่ยอมรับของตลาดต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศคู่ค้าของไทยเริ่มนำมาตรการทางการค้าที่มิใช่ภาษีมาเป็นข้ออ้างในการกีดกันการนำ เข้าน้ำผัก-น้ำผลไม้จากไทย โดยเฉพาะมาตรการด้านความปลอดภัยและสุขอนามัยในสินค้าอาหาร รวมทั้งข้อบังคับ เกี่ยวกับการปิดฉลากและบรรจุภัณฑ์ ซึ่งเป็นประเด็นที่ผู้ส่งออกไทยควรให้ความสนใจติดตามเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพื่อให้ การส่งออกน้ำผัก-น้ำผลไม้ของไทยสามารถแข่งขันได้ต่อไปในอนาคต
คุณถาม : ประเทศใดเป็นคู่แข่งสำคัญของสินค้าไทยในตลาดจีน
EXIM ตอบ : ในบรรดาสินค้า 5 อันดับแรกที่ไทยส่งออกไปสาธารณรัฐประชาชนจีนสินค้าแต่ละรายการมีคู่แข่งที่สำคัญ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ยางพราราและผลิตภัณฑ์เป็นสินค้าเพียงรายการเดียวเท่านั้นที่ไทยมีส่วนแบ่งตลาดในจีนมาก
เป็นอันดับ 1 ในขณะที่สินค้ารายการอื่นๆ ของไทยมีส่วนแบ่งตลาดในจีนไม่สูงนัก สำหรับประเทศที่เป็นคู่แข่งสำคัญของ
ไทยในตลาดจีน ได้แก่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และเกาหลีใต้ ซึ่งจัดเป็นคู่ค้าสำคัญ 3 อันดับแรกของจีน ส่วนไทยเป็นคู่ค้า สำคัญอันดับ
13 ของจีน โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้ากับจีนเป็นมูลค่า 568.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2543
ข้อมูลจาก : ฝ่ายวิชาการและแผนงาน--จบ--
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 1 ประจำเดือนมกราคม 2544--
-อน-