กรุงเทพฯ--11 ก.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
เมื่อวันที่ 5 และ 6 กรกฎาคม 2544 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการหารือกับบุคคลสำคัญของ ออสเตรเลีย ในระหว่างการเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ วันที่ 4-6 กรกฎาคม 2544สรุปได้ดังนี้
1. สามารถทำให้ภาคเอกชนและรัฐบาลออสเตรเลียเข้าใจในนโยบายเศรษฐกิจ ของประเทศไทยอย่างชัดเจนว่าไม่มีแนวความคิดที่จะปิดประเทศแต่อย่างใด
2. ใช้โอกาสนี้ชี้แจงถึงแนวนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนซึ่งจะส่งผลให้ รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น การจะปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและการแก้ไขปัญหาหนี้เสียของ ธนาคารพาณิชย์โดยการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ฯ เป็นต้น
3. ทำให้ภาครัฐและเอกชนออสเตรเลียตระหนักถึงโอกาสที่ภาคเอกชนของ ออสเตรเลียจะเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย และให้มีความมั่นใจใน การบริหารงานของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมากยิ่งขึ้น
4. ทั้งสองฝ่ายประสบความสำเร็จในการที่จะขยายความร่วมมือไปยังด้านอื่นๆ นอกจากด้านเศรษฐกิจด้วย อาทิ การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการปราบปรามยาเสพติด
5. ประสบความสำเร็จในการที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันใน เรื่องการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเพื่อขจัดปัญหาต่างๆ ทางด้านการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเกี่ยวกับ สินค้าเกษตรของไทยเพื่อจะได้ทำให้เกษตรกรของไทยสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ผลการหารือในโอกาสต่างๆ มีดังนี้
1. การหารือกับนาย John Howard นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
นาย John Howard แจ้งว่าเพิ่งลงนามในหนังสือเชิญ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการตามกำหนดวันที่สะดวกของทั้งสองฝ่าย และได้แจ้งว่า ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีเมื่อ พ.ต.ท. ทักษิณฯ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย และหวังว่าจะพบหารือกันในระหว่างการประชุมผู้นำเอเปค ที่นครเซี่ยงไฮ้ ในปลายปีนี้
นาย Howard ได้แสดงความยินดีที่รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันในเรื่องการร่วมทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นศักราชใหม่ของความร่วมมือของทั้งสองประเทศ และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมุ่งมั่นในเรื่องการค้าเสรี นอกจากนั้นได้แสดงความยินดีที่จะมีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความ ร่วมมือในการต่อต้านการเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายกับรัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและ วัฒนธรรมสัมพันธ์ของออสเตรเลีย และหวังว่าจะได้มีการลงนามในความตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างกันในอนาคตอันใกล้
นาย Howard ขอบคุณประเทศไทยที่ได้ให้การสนับสนุนกองกำลังสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก และออสเตรเลียไม่ขัดข้องที่ประเทศไทยได้เสนอ พลโทวินัย ภัททิยกุล เป็นผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาติในติมอร์ตะวันออก
นาย Howard ได้แสดงความสนใจอย่างมากในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด และ แสดงความชื่นชมที่ประเทศไทยสามารถทำให้เกิดความร่วมมือ 4 ฝ่าย (ไทย พม่า ลาว และจีน) ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเป็นเรื่องใหม่ ทั้งนี้ ออสเตรเลียพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและร่วมมือกับประเทศไทยเพื่อให้ความร่วมมือ 4 ฝ่ายดังกล่าว ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมต่อไป
นาย Howard เห็นด้วยที่ออสเตรเลียควรจะมีบทบาทในการพัฒนาการศึกษาในประเทศไทยเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นด้วย ที่รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายควรที่จะหารือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามความคืบหน้า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ลาว กัมพูชา พม่า และจีนตอนใต้) เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้แจ้งแก่รัฐบาลและนักธุรกิจออสเตรเลียเพื่อพิจารณาเข้าร่วมในโครงการความร่วมมือต่างๆ
นาย Howard ยังได้สนับสนุนแนวความคิดของไทยเรื่องการจัดให้รัฐมนตรีของประเทศในเอเชียไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศหรือรัฐมนตรีการค้ามีเวทีที่จะพบปะหารือกัน และหากมีโอกาสออสเตรเลียก็พร้อมที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในเวทีดังกล่าว ซึ่งฝ่ายไทยได้ย้ำว่า รัฐบาลไทยถือว่าออสเตรเลียเป็นหุ้นส่วนสำคัญในภูมิภาคนี้
2. การหารือกับนาย Mark Vaile รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของออสเตรเลีย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยได้แจ้งว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องในหลักการที่จะให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ร่วมกัน ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีการค้าของทั้งสองฝ่ายจะต้องหารือกันต่อไป ทั้งนี้ นาย Mark Vaile กล่าวว่า ยินดีและจะรีบติดต่อกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยต่อไป ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งว่าข้อตกลงเรื่องการยอมรับมาตรฐานสินค้าระหว่างกันที่ใช้อยู่ในปัจจุบันสำหรับสินค้าอุตสากรรมรถยนต์และชิ้นส่วนนั้น ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และฝ่ายไทยเสนอว่าในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน น่าที่จะนำแนวความคิดเรื่องการยอมรับมาตรฐานสินค้าระหว่างกันมาปรับใช้กับสินค้าเกษตรด้วย เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนั้น นาย Mark Vaile ยังได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของไทย และเห็นด้วยกับแนวนโยบายของรัฐบาลไทยที่จะจัดสรรงบประมาณลงไปช่วยกระตุ้น การบริโภคภายในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า เพื่อที่จะสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างภาษีให้กับประเทศและสามารถที่จะนำไปชำระหนี้ให้กับประเทศได้
3. การหารือกับนาย Laurie Brereton รัฐมนตรีต่างประเทศเงาของออสเตรเลีย
นาย Brereton ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างทั้งสองประเทศว่า แม้ว่าตนจะเป็นฝ่ายค้านแต่เรื่องนี้ถือว่าไม่มีฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ซึ่งตนเห็นด้วยและพร้อมที่จะสนับสนุนการจัดตั้งเขตการค้าเสรีกับประเทศไทย นาย Brereton สนับสนุนนโยบายของไทยในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และต้องการให้ออสเตรเลียมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพร้อมที่จะผลักดันให้รัฐบาลออสเตรเลียร่วมมือกับประเทศไทยในเรื่องการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และชื่นชมบทบาทของประเทศไทยที่สามารถดึงประเทศจีน พม่า และลาว เข้าร่วมการประชุม 4 ฝ่ายกับไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในเรื่องการปราบปราม ยาเสพติด
4. การหารือกับมุขมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวล
นาย Bob Carr มุขมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวลแจ้งว่า รัฐสภาของออสเตรเลียให้ ความสนใจในเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมากและสนใจบทบาทของประเทศไทยใน ภูมิภาคที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา
รัฐมนตรีต่างประเทศได้เชิญนาย Bob Carr เยือนประเทศไทย ซึ่งนาย Bob Carr ได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะมาเยือนไทย และประสงค์จะหารือต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศเกี่ยวกับกระบวนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีความกังวลใจว่า จะมีการแพร่ระบาดของยาบ้าและเฮโรอีนในออสเตรเลีย
นอกจากนี้ นาย Bob Carr ยังต้องการให้มีการเชื่อมโยงทางด้านธุรกิจระหว่าง ภาคเอกชนและนักธุรกิจในรัฐนิวเซาท์เวลโดยเฉพาะที่นครซิดนีย์กับนักธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น
5. การหารือและการลงนามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายฯ กับนาย Philip Ruddock รัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและความหลากหลายทางวัฒนธรรมสัมพันธ์ของออสเตรเลีย
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2544 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและ นาย Philip Ruddock รัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของออสเตรเลียได้ร่วมกันลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมือง หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับ ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าว โดยฝ่ายไทยได้แจ้งว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยยังขาดเทคโนโลยีและความชำนาญในด้านการตรวจหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอม จึงประสงค์ขอ ความร่วมมือจากออสเตรเลียในการจัดฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทย รวมทั้งในเรื่องการจัดระบบคอมพิวเตอร์และการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจาก ออสเตรเลียเป็นประเทศหนึ่งที่มีความก้าวหน้าที่สุดในโลกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งนาย Ruddock แจ้งว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องการฝึกอบรม เจ้าหน้าที่และเครื่องมือที่จะต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้วย
อนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศได้กล่าวสุนทรพจน์ในระหว่างอาหารกลางวันซึ่งจัดขึ้นโดยสภาธุรกิจออสเตรเลีย-ไทย ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2544 โดยมีนักธุรกิจชั้นนำของออสเตรเลียและ นักธุรกิจไทยที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในออสเตรเลียเข้าร่วมกว่าร้อยคน ดังรายละเอียดปรากฏในสำเนา สุนทรพจน์ที่แนบพร้อมนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7--จบ--
-อน-
เมื่อวันที่ 5 และ 6 กรกฎาคม 2544 ดร. สุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนเพิ่มเติมเกี่ยวกับผลการหารือกับบุคคลสำคัญของ ออสเตรเลีย ในระหว่างการเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการ วันที่ 4-6 กรกฎาคม 2544สรุปได้ดังนี้
1. สามารถทำให้ภาคเอกชนและรัฐบาลออสเตรเลียเข้าใจในนโยบายเศรษฐกิจ ของประเทศไทยอย่างชัดเจนว่าไม่มีแนวความคิดที่จะปิดประเทศแต่อย่างใด
2. ใช้โอกาสนี้ชี้แจงถึงแนวนโยบายของรัฐบาลในการแก้ไขและฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพยายามกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้าเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ประชาชนซึ่งจะส่งผลให้ รัฐบาลสามารถจัดเก็บภาษีได้เพิ่มขึ้น การจะปฏิรูปรัฐวิสาหกิจและการแก้ไขปัญหาหนี้เสียของ ธนาคารพาณิชย์โดยการจัดตั้งบริษัทบริหารสินทรัพย์ฯ เป็นต้น
3. ทำให้ภาครัฐและเอกชนออสเตรเลียตระหนักถึงโอกาสที่ภาคเอกชนของ ออสเตรเลียจะเข้ามามีส่วนร่วมในกระบวนการฟื้นฟูเศรษฐกิจของไทย และให้มีความมั่นใจใน การบริหารงานของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีมากยิ่งขึ้น
4. ทั้งสองฝ่ายประสบความสำเร็จในการที่จะขยายความร่วมมือไปยังด้านอื่นๆ นอกจากด้านเศรษฐกิจด้วย อาทิ การแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายและการปราบปรามยาเสพติด
5. ประสบความสำเร็จในการที่ทั้งสองฝ่ายตกลงที่จะศึกษาความเป็นไปได้ร่วมกันใน เรื่องการจัดตั้งเขตการค้าเสรีเพื่อขจัดปัญหาต่างๆ ทางด้านการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาเกี่ยวกับ สินค้าเกษตรของไทยเพื่อจะได้ทำให้เกษตรกรของไทยสามารถขายสินค้าได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ผลการหารือในโอกาสต่างๆ มีดังนี้
1. การหารือกับนาย John Howard นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย
นาย John Howard แจ้งว่าเพิ่งลงนามในหนังสือเชิญ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเยือนออสเตรเลียอย่างเป็นทางการตามกำหนดวันที่สะดวกของทั้งสองฝ่าย และได้แจ้งว่า ได้โทรศัพท์มาแสดงความยินดีเมื่อ พ.ต.ท. ทักษิณฯ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีด้วย และหวังว่าจะพบหารือกันในระหว่างการประชุมผู้นำเอเปค ที่นครเซี่ยงไฮ้ ในปลายปีนี้
นาย Howard ได้แสดงความยินดีที่รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันในเรื่องการร่วมทำการศึกษาความเป็นไปได้ในการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน ซึ่งถือว่าเป็นศักราชใหม่ของความร่วมมือของทั้งสองประเทศ และยังเป็นการแสดงให้เห็นว่าประเทศไทยมุ่งมั่นในเรื่องการค้าเสรี นอกจากนั้นได้แสดงความยินดีที่จะมีการลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความ ร่วมมือในการต่อต้านการเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมายกับรัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและ วัฒนธรรมสัมพันธ์ของออสเตรเลีย และหวังว่าจะได้มีการลงนามในความตกลงแลกเปลี่ยนนักโทษระหว่างกันในอนาคตอันใกล้
นาย Howard ขอบคุณประเทศไทยที่ได้ให้การสนับสนุนกองกำลังสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก และออสเตรเลียไม่ขัดข้องที่ประเทศไทยได้เสนอ พลโทวินัย ภัททิยกุล เป็นผู้บัญชาการกองกำลังสหประชาติในติมอร์ตะวันออก
นาย Howard ได้แสดงความสนใจอย่างมากในเรื่องการปราบปรามยาเสพติด และ แสดงความชื่นชมที่ประเทศไทยสามารถทำให้เกิดความร่วมมือ 4 ฝ่าย (ไทย พม่า ลาว และจีน) ในการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและเป็นเรื่องใหม่ ทั้งนี้ ออสเตรเลียพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและร่วมมือกับประเทศไทยเพื่อให้ความร่วมมือ 4 ฝ่ายดังกล่าว ประสบความสำเร็จเป็นรูปธรรมต่อไป
นาย Howard เห็นด้วยที่ออสเตรเลียควรจะมีบทบาทในการพัฒนาการศึกษาในประเทศไทยเพื่อให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางทางการศึกษาของประเทศเพื่อนบ้าน และเห็นด้วย ที่รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายควรที่จะหารือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามความคืบหน้า ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน (ลาว กัมพูชา พม่า และจีนตอนใต้) เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้แจ้งแก่รัฐบาลและนักธุรกิจออสเตรเลียเพื่อพิจารณาเข้าร่วมในโครงการความร่วมมือต่างๆ
นาย Howard ยังได้สนับสนุนแนวความคิดของไทยเรื่องการจัดให้รัฐมนตรีของประเทศในเอเชียไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีต่างประเทศหรือรัฐมนตรีการค้ามีเวทีที่จะพบปะหารือกัน และหากมีโอกาสออสเตรเลียก็พร้อมที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในเวทีดังกล่าว ซึ่งฝ่ายไทยได้ย้ำว่า รัฐบาลไทยถือว่าออสเตรเลียเป็นหุ้นส่วนสำคัญในภูมิภาคนี้
2. การหารือกับนาย Mark Vaile รัฐมนตรีกระทรวงการค้าของออสเตรเลีย
ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน โดยฝ่ายไทยได้แจ้งว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องในหลักการที่จะให้มีการศึกษาความเป็นไปได้ในเรื่องนี้ร่วมกัน ส่วนรายละเอียดเป็นเรื่องที่รัฐมนตรีการค้าของทั้งสองฝ่ายจะต้องหารือกันต่อไป ทั้งนี้ นาย Mark Vaile กล่าวว่า ยินดีและจะรีบติดต่อกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทยต่อไป ทั้งนี้ ฝ่ายไทยได้แจ้งว่าข้อตกลงเรื่องการยอมรับมาตรฐานสินค้าระหว่างกันที่ใช้อยู่ในปัจจุบันสำหรับสินค้าอุตสากรรมรถยนต์และชิ้นส่วนนั้น ยังไม่ค่อยมีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และฝ่ายไทยเสนอว่าในระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้เกี่ยวกับการจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างกัน น่าที่จะนำแนวความคิดเรื่องการยอมรับมาตรฐานสินค้าระหว่างกันมาปรับใช้กับสินค้าเกษตรด้วย เพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันที่จะให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องหารือในรายละเอียดต่อไป
นอกจากนั้น นาย Mark Vaile ยังได้แสดงความสนใจเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของไทย และเห็นด้วยกับแนวนโยบายของรัฐบาลไทยที่จะจัดสรรงบประมาณลงไปช่วยกระตุ้น การบริโภคภายในประเทศและกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า เพื่อที่จะสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างภาษีให้กับประเทศและสามารถที่จะนำไปชำระหนี้ให้กับประเทศได้
3. การหารือกับนาย Laurie Brereton รัฐมนตรีต่างประเทศเงาของออสเตรเลีย
นาย Brereton ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่จะจัดตั้งเขตการค้าเสรีระหว่างทั้งสองประเทศว่า แม้ว่าตนจะเป็นฝ่ายค้านแต่เรื่องนี้ถือว่าไม่มีฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ซึ่งตนเห็นด้วยและพร้อมที่จะสนับสนุนการจัดตั้งเขตการค้าเสรีกับประเทศไทย นาย Brereton สนับสนุนนโยบายของไทยในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับประเทศเพื่อนบ้าน และต้องการให้ออสเตรเลียมีบทบาทสำคัญมากขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และพร้อมที่จะผลักดันให้รัฐบาลออสเตรเลียร่วมมือกับประเทศไทยในเรื่องการป้องกันและปราบปราม ยาเสพติดซึ่งถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก และชื่นชมบทบาทของประเทศไทยที่สามารถดึงประเทศจีน พม่า และลาว เข้าร่วมการประชุม 4 ฝ่ายกับไทยเพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในเรื่องการปราบปราม ยาเสพติด
4. การหารือกับมุขมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวล
นาย Bob Carr มุขมนตรีแห่งรัฐนิวเซาท์เวลแจ้งว่า รัฐสภาของออสเตรเลียให้ ความสนใจในเรื่องการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดมากและสนใจบทบาทของประเทศไทยใน ภูมิภาคที่ก้าวหน้าไปอย่างรวดเร็วในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา
รัฐมนตรีต่างประเทศได้เชิญนาย Bob Carr เยือนประเทศไทย ซึ่งนาย Bob Carr ได้แสดงความกระตือรือร้นที่จะมาเยือนไทย และประสงค์จะหารือต่อกับรัฐมนตรีต่างประเทศเกี่ยวกับกระบวนการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ทั้งนี้ ออสเตรเลียมีความกังวลใจว่า จะมีการแพร่ระบาดของยาบ้าและเฮโรอีนในออสเตรเลีย
นอกจากนี้ นาย Bob Carr ยังต้องการให้มีการเชื่อมโยงทางด้านธุรกิจระหว่าง ภาคเอกชนและนักธุรกิจในรัฐนิวเซาท์เวลโดยเฉพาะที่นครซิดนีย์กับนักธุรกิจในประเทศไทยมากขึ้น
5. การหารือและการลงนามแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการเข้าเมืองโดยผิดกฏหมายฯ กับนาย Philip Ruddock รัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและความหลากหลายทางวัฒนธรรมสัมพันธ์ของออสเตรเลีย
เมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2544 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและ นาย Philip Ruddock รัฐมนตรีกระทรวงตรวจคนเข้าเมืองและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของออสเตรเลียได้ร่วมกันลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าด้วยความร่วมมือในการต่อต้านการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย การค้ามนุษย์และการลักลอบเข้าเมือง หลังจากนั้น ทั้งสองฝ่ายได้หารือเกี่ยวกับ ความร่วมมือในเรื่องดังกล่าว โดยฝ่ายไทยได้แจ้งว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทยยังขาดเทคโนโลยีและความชำนาญในด้านการตรวจหนังสือเดินทางและวีซ่าปลอม จึงประสงค์ขอ ความร่วมมือจากออสเตรเลียในการจัดฝึกอบรมให้แก่เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองของไทย รวมทั้งในเรื่องการจัดระบบคอมพิวเตอร์และการแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงข้อมูลของผู้ที่ถูกขึ้นบัญชีดำ เนื่องจาก ออสเตรเลียเป็นประเทศหนึ่งที่มีความก้าวหน้าที่สุดในโลกในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งนาย Ruddock แจ้งว่าพร้อมที่จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ทั้งในเรื่องการฝึกอบรม เจ้าหน้าที่และเครื่องมือที่จะต้องใช้ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ด้วย
อนึ่ง รัฐมนตรีต่างประเทศได้กล่าวสุนทรพจน์ในระหว่างอาหารกลางวันซึ่งจัดขึ้นโดยสภาธุรกิจออสเตรเลีย-ไทย ในวันที่ 5 กรกฎาคม 2544 โดยมีนักธุรกิจชั้นนำของออสเตรเลียและ นักธุรกิจไทยที่ดำเนินธุรกิจอยู่ในออสเตรเลียเข้าร่วมกว่าร้อยคน ดังรายละเอียดปรากฏในสำเนา สุนทรพจน์ที่แนบพร้อมนี้
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7--จบ--
-อน-