กรุงเทพฯ--14 ก.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
ถ้อยแถลงของ ฯพณฯ สุรินทร์ พิศสุวรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในการประชุมสุดยอดแห่งสหัสวรรษ
ณ นครนิวยอร์ก วันที่ 8 กันยายน 2543
ฯพณฯ ประธานร่วมของการประชุมสุดยอดฯพณฯ เลขาธิการสหประชาชาติท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดี กับ ฯพณฯ Harri Holken แห่งฟินแลนด์ ในโอกาสที่ท่านได้รับเลือกเป็นประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 55 และขอแสดงความชื่นชมในวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ ฯพณฯ Kofi Annan เลขาธิการสหประชาชาติ ที่ได้จัดการประชุมสุดยอดแห่งสหัสวรรษ และจัดทำรายงานที่ลุ่มลึกถึงแก่น ซึ่งสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการประชุมครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
โดยรวมแล้ว ไทยให้การสนับสนุนหลักการและข้อเสนอในรายงานของ ฯพณฯ เลขาธิการสหประชาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการย้ำเรื่องการพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งรายงานฯ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้ามีความยินทีที่จะกล่าวว่า เป็าหมายในเรื่องการพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางเป็นประเด็นหลักในถ้อยแถลงของไทยในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 54 เมื่อปีที่แล้ว โดยไทยได้เน้นถึงความมั่นคงของมนุษย์ และให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนอยู่ในสภาพที่ปลอดจากความขาดแคลน นอกเหนือจากสภาพที่ปลอดจากความหวาดกลัวอีกด้วย
รายงานของเลขาธิการสหประชาชาติ เรื่อง "We the People" ได้ชี้ให้เห็นถึงสิ่งท้าทายใหม่ ๆ ที่เราต้องเผชิญในศตวรรษใหม่ ในมุมมองของไทย สิ่งท้าทายเหล่านี้มีขอบเขตกว้างขวางตั้งแต่ปัญหาที่สลับซับซ้อน เช่นกระบวนการโลกาภิวัฒน์ ไปจนถึงปัญหาที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น ปัญหาราคาน้ำมันและพลังงานที่สูงขึ้นในตลาดโลกปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลกระทบในทางลบต่อประเทศต่าง ๆ ที่กำลังอยุ่ในช่วงฟื้นตัว รวมทั้งประเทศไทย และจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโลกด้วย ไทยมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบทางลบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก เรามีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาคมโลกจะสามารถหาวิธีการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นที่น่าพอใจสำหรับทุกฝ่าย ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามและกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วโลกอีกครั้ง
สำหรับสิ่งท้าทายยิ่งใหญ่อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากกระบวนการโลกาวิวัฒน์ ไทยเชื่อว่า มีความจำเป็นมากขึ้นที่จะต้องทำให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถแข่งขันกับประเทศอุตสาหกรรมได้บนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน ในขณะเดียวกัน ไทยตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญยิ่งของสหประชาชาติในฐานะองค์การระดับโลกที่มีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน โดยปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานขององค์การ และปราศจากอคติ
ในขณะที่เราเตรียมตัวเผชิญหน้ากับสิ่งท้าทายในศตวรรษที่ 21 เราทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของตน เพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ในส่วนของไทย เรามุ่งมั่นที่จะแสดงบทบาทในทางที่สร้างสรรค์ และเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองเท่าที่เราจะสามารถทำได้ ไทยได้แสดงจุดยืนดังกล่าว ทั้งในประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก
ในเวทีระหว่างประเทศ ไทยพยายามมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการทำให้เกิดระเบียบโลกที่มีความยุติธรรมและความเป็นธรรมมากขึ้น ดังที่ได้สะท้อนให้เห็นจากการตัดสินใจส่ง ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในเดือนกันยายน 2545
อีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของไทยที่จะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ คือ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 10 (UNCTAD X) ระหว่างวันที่ 12-19 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นที่หวังว่า "Spint of Bangkok" อันเป็นผลจากการประชุมดังกล่าวจะช่วยประสานช่องว่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ ไทยได้สนับสนุนการจัดการประชุมว่าด้วยการให้การสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการพัฒนา ในปี 2544 โดยเชื่อว่าการประชุมดังกล่าวช่วยให้เกิดการแก้ไขปัญหาระดับประเทศ และระดับระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบ
ทางด้านการเมือง ประเทศไทยได้สนับสนุนอย่างแข็งขันและเข้าร่วมในปฏิบัติการรักษาสันติภาพในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกมาโดยตลอด เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พลโทบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังของคณะผู้บริหารในการถ่ายโอนอำนาจแห่งสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก (UN Transitional Administration in East Timor - UNTAET) นอกจากนั้น ประเทศไทยยินดีกับรายงานของคณะหารือเกี่ยวกับปฏิบัติการสันติภาพแห่งสหประชาชาติ (Panel on UN Peace Operation) ซึ่งนำโดย ฯพณฯ นาย Lakdar Brahimi และจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะหารือ โดยหวังที่จะเสริมสร้างความสามารถของสหประชาชาติในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และรับมือต่อการคุกคามความมั่นคงระหว่างประเทศได้อย่างทันท่วงที
ในฐานะที่เป็นองค์กรที่รับผิดชอบในการดำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ คณะมนตรีความมั่นคงจะได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานต่าง ๆ และเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกสหประชาชาติที่เพิ่มขึ้นในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยสนับสนุนการขยายสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งสมาชิกถาวรและไม่ถาวร ให้มีขนาดพอสมควร โดยใช้หลักการมีตัวแทนที่ทัดเทียมกันทางภูมิศาสตร์เป็นเกณฑ์
ในระดับภูมิภาค ไทยสนับสนุนนโยบายที่มุ่งส่งเสริมผลประโยชน์และความมั่นคั่งร่วมกันของประเทศในภูมิภาค ในเวทีระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยให้การสนับสนุน Mekong Agenda โดยเห็นว่าสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของอาเซียนในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เท่าเทียมกัน ตลอดจนการลดความยากจนและความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและสังคม เรารู้สึกยินดีที่คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเซียและแปซิฟิก (Economic and Social Commission for asia and the Pacific-ESCAP) ได้รับรองข้อมติที่ไทยเสนอ ที่ประกาศให้ทศวรรษนี้เป็นทศวรรษแห่งความร่วมมือในการพัฒนาประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในปี 2000-2009 ซึ่งจะช่วยดึงความสนใจและเคลื่อนย้ายทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อการพัฒนาอนุภูมิภาคนี้
ไทยยังเน้นย้ำว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาค เป็นวิถีทางสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนบรรเทาความยากจน เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เป็นพื้นฐานสำคัญ ที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะให้ผลในระยะยาวและสร้างสังคมที่มีความรู้เป็นพื้นฐานเพื่อเผชิญกับสิ่งท้าทายของสหัสวรรษใหม่
ในระดับชาติ ประเทศไทยได้รับการชี้นำและแรงบันดาลใจจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช ซึ่งทรงมีปรัชญาในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง โดยได้นำแนวคิดดังกล่าวมาเป็นพื้นฐานในแผน 5 ปี เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในขณะที่หลายประเทศให้ความสนใจกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเป็นอันดับแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริว่าการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเป็นอันดับแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริว่าการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดำรงอยู่ได้ด้วยตนเอง และการกระจายความมั่งคั่งสู่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ก็น่าจะเป็นการเพียงพอแล้ว ในการเผชิญกับความกดดันทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประเทศและประชาชนควรจะพยายามใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตามความเหมาะสมและไม่ฟุ้งเฟ้อ ดังนั้น ประเทศไทยมีความเชื่อว่าปรัชญาดังกล่าวอาจเป็นวิถีทางหนึ่งที่จะบรรลุถึงความมั่นคงาของมนุษย์อย่างแท้จริง โดยหลีกเลี่ยงการแสวงหาความร่ำรวยอย่างไม่มีแก่นสาร การทำลายสิ่งแวดล้อมและการใช้แรงงานหญิง เด็กและผู้อ่อนแอ เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการส่งเสริมสวัสดิการแก่เด็ก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดของเรา และเป็นความหวังของเราในอนาคต
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอย้ำว่าประเทศไทยสนับสนุนรายงานของเลขาธิการสหประชาชาติและขอย้ำพันธกรณีของเราที่จะดำเนินการร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ ในการนำข้อเสนอแนะที่ได้ระบุไว้ในรายงานมาปฏิบัติ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลของการประชุมสุดยอดแห่งสหัสวรรษนี้จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของทุก ๆ ชาติ องค์การระหว่างประเทศ องค์กรเอกชน องค์กรประชาสังคม รัฐสภา บรรษัทเอกชน เพื่ออนาคตที่สดใสและดีขึ้น เพื่อพวกเราทุกคนและอนุชนรุ่นหลัง--จบ--
-อน-
ถ้อยแถลงของ ฯพณฯ สุรินทร์ พิศสุวรรณ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
ในการประชุมสุดยอดแห่งสหัสวรรษ
ณ นครนิวยอร์ก วันที่ 8 กันยายน 2543
ฯพณฯ ประธานร่วมของการประชุมสุดยอดฯพณฯ เลขาธิการสหประชาชาติท่านสุภาพบุรุษและสุภาพสตรี
ก่อนอื่น ข้าพเจ้าขอแสดงความยินดี กับ ฯพณฯ Harri Holken แห่งฟินแลนด์ ในโอกาสที่ท่านได้รับเลือกเป็นประธานสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 55 และขอแสดงความชื่นชมในวิสัยทัศน์อันกว้างไกลของ ฯพณฯ Kofi Annan เลขาธิการสหประชาชาติ ที่ได้จัดการประชุมสุดยอดแห่งสหัสวรรษ และจัดทำรายงานที่ลุ่มลึกถึงแก่น ซึ่งสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการประชุมครั้งนี้ได้อย่างดีเยี่ยม
โดยรวมแล้ว ไทยให้การสนับสนุนหลักการและข้อเสนอในรายงานของ ฯพณฯ เลขาธิการสหประชาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการย้ำเรื่องการพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลาง ซึ่งรายงานฯ ได้ให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก ข้าพเจ้ามีความยินทีที่จะกล่าวว่า เป็าหมายในเรื่องการพัฒนาที่มีมนุษย์เป็นศูนย์กลางเป็นประเด็นหลักในถ้อยแถลงของไทยในการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 54 เมื่อปีที่แล้ว โดยไทยได้เน้นถึงความมั่นคงของมนุษย์ และให้ความสำคัญกับการทำให้ประชาชนอยู่ในสภาพที่ปลอดจากความขาดแคลน นอกเหนือจากสภาพที่ปลอดจากความหวาดกลัวอีกด้วย
รายงานของเลขาธิการสหประชาชาติ เรื่อง "We the People" ได้ชี้ให้เห็นถึงสิ่งท้าทายใหม่ ๆ ที่เราต้องเผชิญในศตวรรษใหม่ ในมุมมองของไทย สิ่งท้าทายเหล่านี้มีขอบเขตกว้างขวางตั้งแต่ปัญหาที่สลับซับซ้อน เช่นกระบวนการโลกาภิวัฒน์ ไปจนถึงปัญหาที่เห็นได้อย่างชัดเจน เช่น ปัญหาราคาน้ำมันและพลังงานที่สูงขึ้นในตลาดโลกปัจจุบัน ซึ่งจะมีผลกระทบในทางลบต่อประเทศต่าง ๆ ที่กำลังอยุ่ในช่วงฟื้นตัว รวมทั้งประเทศไทย และจะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของโลกด้วย ไทยมีความวิตกกังวลเป็นอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบทางลบของราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก เรามีความหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประชาคมโลกจะสามารถหาวิธีการแก้ไขปัญหาซึ่งเป็นที่น่าพอใจสำหรับทุกฝ่าย ก่อนที่ปัญหาจะลุกลามและกลายเป็นวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจทั่วโลกอีกครั้ง
สำหรับสิ่งท้าทายยิ่งใหญ่อันเป็นผลสืบเนื่องมาจากกระบวนการโลกาวิวัฒน์ ไทยเชื่อว่า มีความจำเป็นมากขึ้นที่จะต้องทำให้ประเทศกำลังพัฒนาสามารถแข่งขันกับประเทศอุตสาหกรรมได้บนพื้นฐานที่เท่าเทียมกัน ในขณะเดียวกัน ไทยตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญยิ่งของสหประชาชาติในฐานะองค์การระดับโลกที่มีความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคำนึงถึงผลประโยชน์ของทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน โดยปฏิบัติตามหลักการพื้นฐานขององค์การ และปราศจากอคติ
ในขณะที่เราเตรียมตัวเผชิญหน้ากับสิ่งท้าทายในศตวรรษที่ 21 เราทุกคนต้องปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของตน เพื่อทำให้โลกนี้น่าอยู่ยิ่งขึ้น ในส่วนของไทย เรามุ่งมั่นที่จะแสดงบทบาทในทางที่สร้างสรรค์ และเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้เกิดสันติภาพและความเจริญรุ่งเรืองเท่าที่เราจะสามารถทำได้ ไทยได้แสดงจุดยืนดังกล่าว ทั้งในประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับโลก
ในเวทีระหว่างประเทศ ไทยพยายามมีบทบาทที่สร้างสรรค์ในการทำให้เกิดระเบียบโลกที่มีความยุติธรรมและความเป็นธรรมมากขึ้น ดังที่ได้สะท้อนให้เห็นจากการตัดสินใจส่ง ดร.ศุภชัย พานิชภักดิ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ลงสมัครรับเลือกตั้งในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การการค้าโลก ซึ่งจะเริ่มปฏิบัติหน้าที่ในเดือนกันยายน 2545
อีกตัวอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของไทยที่จะมีบทบาทมากขึ้นในเวทีระหว่างประเทศ คือ การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา ครั้งที่ 10 (UNCTAD X) ระหว่างวันที่ 12-19 กุมภาพันธ์ 2543 เป็นที่หวังว่า "Spint of Bangkok" อันเป็นผลจากการประชุมดังกล่าวจะช่วยประสานช่องว่างระหว่างประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนา นอกจากนี้ ไทยได้สนับสนุนการจัดการประชุมว่าด้วยการให้การสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการพัฒนา ในปี 2544 โดยเชื่อว่าการประชุมดังกล่าวช่วยให้เกิดการแก้ไขปัญหาระดับประเทศ และระดับระหว่างประเทศ เกี่ยวกับการสนับสนุนด้านการเงินสำหรับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์แบบ
ทางด้านการเมือง ประเทศไทยได้สนับสนุนอย่างแข็งขันและเข้าร่วมในปฏิบัติการรักษาสันติภาพในภูมิภาคต่าง ๆ ของโลกมาโดยตลอด เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่พลโทบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ได้รับแต่งตั้งเป็นผู้บัญชาการกองกำลังของคณะผู้บริหารในการถ่ายโอนอำนาจแห่งสหประชาชาติในติมอร์ตะวันออก (UN Transitional Administration in East Timor - UNTAET) นอกจากนั้น ประเทศไทยยินดีกับรายงานของคณะหารือเกี่ยวกับปฏิบัติการสันติภาพแห่งสหประชาชาติ (Panel on UN Peace Operation) ซึ่งนำโดย ฯพณฯ นาย Lakdar Brahimi และจะดำเนินการตามข้อเสนอแนะของคณะหารือ โดยหวังที่จะเสริมสร้างความสามารถของสหประชาชาติในการปฏิบัติการรักษาสันติภาพอย่างมีประสิทธิภาพ และรับมือต่อการคุกคามความมั่นคงระหว่างประเทศได้อย่างทันท่วงที
ในฐานะที่เป็นองค์กรที่รับผิดชอบในการดำรงรักษาสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ คณะมนตรีความมั่นคงจะได้รับประโยชน์จากการปฏิรูปองค์กร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานต่าง ๆ และเพื่อให้สอดคล้องกับจำนวนสมาชิกสหประชาชาติที่เพิ่มขึ้นในหลายทศวรรษที่ผ่านมา ประเทศไทยสนับสนุนการขยายสมาชิกของคณะมนตรีความมั่นคง ทั้งสมาชิกถาวรและไม่ถาวร ให้มีขนาดพอสมควร โดยใช้หลักการมีตัวแทนที่ทัดเทียมกันทางภูมิศาสตร์เป็นเกณฑ์
ในระดับภูมิภาค ไทยสนับสนุนนโยบายที่มุ่งส่งเสริมผลประโยชน์และความมั่นคั่งร่วมกันของประเทศในภูมิภาค ในเวทีระหว่างประเทศ รัฐบาลไทยให้การสนับสนุน Mekong Agenda โดยเห็นว่าสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของอาเซียนในการพัฒนาเศรษฐกิจให้เท่าเทียมกัน ตลอดจนการลดความยากจนและความไม่เท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจและสังคม เรารู้สึกยินดีที่คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมสำหรับเอเซียและแปซิฟิก (Economic and Social Commission for asia and the Pacific-ESCAP) ได้รับรองข้อมติที่ไทยเสนอ ที่ประกาศให้ทศวรรษนี้เป็นทศวรรษแห่งความร่วมมือในการพัฒนาประเทศในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ในปี 2000-2009 ซึ่งจะช่วยดึงความสนใจและเคลื่อนย้ายทรัพยากรที่จำเป็นเพื่อการพัฒนาอนุภูมิภาคนี้
ไทยยังเน้นย้ำว่าการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในภูมิภาค เป็นวิถีทางสำคัญประการหนึ่งในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ตลอดจนบรรเทาความยากจน เราเชื่อมั่นว่าการลงทุนในทรัพยากรมนุษย์เป็นพื้นฐานสำคัญ ที่นำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืน ซึ่งจะให้ผลในระยะยาวและสร้างสังคมที่มีความรู้เป็นพื้นฐานเพื่อเผชิญกับสิ่งท้าทายของสหัสวรรษใหม่
ในระดับชาติ ประเทศไทยได้รับการชี้นำและแรงบันดาลใจจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพล อดุลยเดช ซึ่งทรงมีปรัชญาในเรื่องเศรษฐกิจพอเพียง โดยได้นำแนวคิดดังกล่าวมาเป็นพื้นฐานในแผน 5 ปี เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ในขณะที่หลายประเทศให้ความสนใจกับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเป็นอันดับแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริว่าการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วเป็นอันดับแรก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงมีพระราชดำริว่าการพัฒนาเศรษฐกิจให้ดำรงอยู่ได้ด้วยตนเอง และการกระจายความมั่งคั่งสู่ประชาชนอย่างเท่าเทียมกัน ก็น่าจะเป็นการเพียงพอแล้ว ในการเผชิญกับความกดดันทางเศรษฐกิจในปัจจุบัน ประเทศและประชาชนควรจะพยายามใช้ชีวิตอย่างพอเพียง ตามความเหมาะสมและไม่ฟุ้งเฟ้อ ดังนั้น ประเทศไทยมีความเชื่อว่าปรัชญาดังกล่าวอาจเป็นวิถีทางหนึ่งที่จะบรรลุถึงความมั่นคงาของมนุษย์อย่างแท้จริง โดยหลีกเลี่ยงการแสวงหาความร่ำรวยอย่างไม่มีแก่นสาร การทำลายสิ่งแวดล้อมและการใช้แรงงานหญิง เด็กและผู้อ่อนแอ เราให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับการส่งเสริมสวัสดิการแก่เด็ก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าที่สุดของเรา และเป็นความหวังของเราในอนาคต
สุดท้ายนี้ ข้าพเจ้าขอย้ำว่าประเทศไทยสนับสนุนรายงานของเลขาธิการสหประชาชาติและขอย้ำพันธกรณีของเราที่จะดำเนินการร่วมกับประชาคมระหว่างประเทศ ในการนำข้อเสนอแนะที่ได้ระบุไว้ในรายงานมาปฏิบัติ เราหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลของการประชุมสุดยอดแห่งสหัสวรรษนี้จะนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของทุก ๆ ชาติ องค์การระหว่างประเทศ องค์กรเอกชน องค์กรประชาสังคม รัฐสภา บรรษัทเอกชน เพื่ออนาคตที่สดใสและดีขึ้น เพื่อพวกเราทุกคนและอนุชนรุ่นหลัง--จบ--
-อน-