โปแลนด์ตั้งอยู่ตอนกลางของทวีปยุโรป ทิศเหนือติดทะเลบอลติก ทิศตะวันออกติดลิธัวเนียและยูเครน ทิศใต้ติดสาธารณรัฐสโลวักและสาธารณรัฐเช็ก ทิศตะวันตกติดเยอรมนี โปแลนด์เป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่ และมีประชากรมากเป็นอันดับ 3 ในยุโรปตะวันออก รองจากรัสเซียและยูเครน ตั้งแต่โปแลนด์เริ่มเปิดประเทศในปี 2532 เศรษฐกิจของโปแลนด์มีอัตราการขยายตัวอย่างมั่นคง ทำให้ชาวโปแลนด์มีรายได้เฉลี่ยต่อคนต่อปีเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ
อาหารหลักประจำวันที่ชาวโปแลนด์นิยมบริโภค คือ มันฝรั่งและขนมปัง แต่ปัจจุบันผู้บริโภคในโปแลนด์บางส่วนเริ่มหันมาบริโภคข้าว ซึ่งเป็นพืชที่โปแลนด์ไม่สามารถปลูกได้เอง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของโปแลนด์หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ทำให้โปแลนด์จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- ชาวโปแลนด์ นิยมบริโภคข้าวขาว 5% - 10% และข้าวขาว 15% - 20%
- ชาวเอเชียที่อาศัยอยู่ในโปแลนด์ นิยมบริโภคข้าวขาว 100% และข้าวหอมมะลิ
ประเทศสำคัญที่ครองส่วนแบ่งตลาดข้าวในโปแลนด์ได้แก่ อินเดีย เวียดนาม และไทย ปัจจุบันข้าวที่ผลิตได้จากทั้งสามประเทศนี้มีคุณภาพใกล้เคียงกัน ทำให้ผู้นำเข้าข้าวชาวโปแลนด์ใช้ปัจจัยด้านราคาเป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินใจว่าจะเลือกนำเข้าข้าวจากประเทศใด ทั้งนี้ ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้นำเข้าข้าวชาวโปแลนด์เริ่มหันมานำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากการแข่งขันด้านราคาแล้ว คุณภาพของสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดตลอดจนความถูกต้อง ตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้โดยประเทศผู้นำเข้าก็เป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตลาดด้วย กฎระเบียบสำคัญที่ผู้สนใจ จะส่งออกข้าวไปยังตลาดโปแลนด์ควรทราบ คือ
1 ข้อกำหนดทางด้านภาษี ปัจจุบันโปแลนด์ให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) แก่ประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ รวมทั้งไทย ทำให้การส่งออกข้าวจากไทยไปโปแลนด์ได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรนำเข้า จากอัตราปกติที่เก็บร้อยละ 10 ของราคาสินค้า แต่ผู้ส่งออกยังคงต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ของราคาสินค้า
2 มาตรฐานสินค้า ข้าวที่โปแลนด์นำเข้าจากต่างประเทศต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากหน่วยงานของรัฐบาลโปแลนด์ 2 แห่ง คือ
1. สำนักงานตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้ากลางของโปแลนด์ ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ตามมาตรฐานที่รัฐบาลโปแลนด์กำหนด
2. สำนักงานตรวจสอบอาหารของโปแลนด์ ทำหน้าที่ตรวจสอบเพื่อให้การรับรองว่าอาหารนั้นๆ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
ข้อมูลจาก : ฝ่ายวิชาการและแผนงาน
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 ประจำเดือนมีนาคม 2544--
-อน-
อาหารหลักประจำวันที่ชาวโปแลนด์นิยมบริโภค คือ มันฝรั่งและขนมปัง แต่ปัจจุบันผู้บริโภคในโปแลนด์บางส่วนเริ่มหันมาบริโภคข้าว ซึ่งเป็นพืชที่โปแลนด์ไม่สามารถปลูกได้เอง เนื่องจากสภาพภูมิอากาศของโปแลนด์หนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปี ทำให้โปแลนด์จำเป็นต้องนำเข้าข้าวจากต่างประเทศเพื่อสนองความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่
- ชาวโปแลนด์ นิยมบริโภคข้าวขาว 5% - 10% และข้าวขาว 15% - 20%
- ชาวเอเชียที่อาศัยอยู่ในโปแลนด์ นิยมบริโภคข้าวขาว 100% และข้าวหอมมะลิ
ประเทศสำคัญที่ครองส่วนแบ่งตลาดข้าวในโปแลนด์ได้แก่ อินเดีย เวียดนาม และไทย ปัจจุบันข้าวที่ผลิตได้จากทั้งสามประเทศนี้มีคุณภาพใกล้เคียงกัน ทำให้ผู้นำเข้าข้าวชาวโปแลนด์ใช้ปัจจัยด้านราคาเป็นเกณฑ์สำคัญในการตัดสินใจว่าจะเลือกนำเข้าข้าวจากประเทศใด ทั้งนี้ ในช่วงที่ค่าเงินบาทอ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ผู้นำเข้าข้าวชาวโปแลนด์เริ่มหันมานำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น
นอกจากการแข่งขันด้านราคาแล้ว คุณภาพของสินค้าที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดตลอดจนความถูกต้อง ตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้โดยประเทศผู้นำเข้าก็เป็นปัจจัยสำคัญในการขยายตลาดด้วย กฎระเบียบสำคัญที่ผู้สนใจ จะส่งออกข้าวไปยังตลาดโปแลนด์ควรทราบ คือ
1 ข้อกำหนดทางด้านภาษี ปัจจุบันโปแลนด์ให้สิทธิพิเศษทางภาษีศุลกากรเป็นการทั่วไป (Generalized System of Preferences : GSP) แก่ประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ รวมทั้งไทย ทำให้การส่งออกข้าวจากไทยไปโปแลนด์ได้รับการยกเว้นภาษีศุลกากรนำเข้า จากอัตราปกติที่เก็บร้อยละ 10 ของราคาสินค้า แต่ผู้ส่งออกยังคงต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราร้อยละ 7 ของราคาสินค้า
2 มาตรฐานสินค้า ข้าวที่โปแลนด์นำเข้าจากต่างประเทศต้องผ่านการตรวจสอบคุณภาพจากหน่วยงานของรัฐบาลโปแลนด์ 2 แห่ง คือ
1. สำนักงานตรวจสอบคุณภาพมาตรฐานสินค้ากลางของโปแลนด์ ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพของสินค้าที่นำเข้าจากต่างประเทศ ตามมาตรฐานที่รัฐบาลโปแลนด์กำหนด
2. สำนักงานตรวจสอบอาหารของโปแลนด์ ทำหน้าที่ตรวจสอบเพื่อให้การรับรองว่าอาหารนั้นๆ ไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค
ข้อมูลจาก : ฝ่ายวิชาการและแผนงาน
--Exim News ปีที่ 7 ฉบับที่ 3 ประจำเดือนมีนาคม 2544--
-อน-