"Bohai Rim" หรือ "บริเวณรอบทะเลป๋อไฮ่"ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศจีน ครอบคลุมพื้นที่ของ 2 เขตเทศบาลนคร คือ ปักกิ่ง(เมืองหลวงของจีนซึ่งเป็นศูนย์กลางของ Bohim Rim)และเทียนจิน กับอีก 3 มณฑล ได้แก่ ชานตง เหอเป่ย์ และเหลียวหนิง ทั้งนี้ รัฐบาลจีนประสบความสำเร็จในการจัดตั้งเขตเศรษฐกิจใน Bohai Rim หลายแห่ง อาทิ National Export Processing Zone(EPZ) และ Economic Technological Development Zone(ETDZ) เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้าไปลงทุนในจีนเพิ่มขึ้น นักลงทุนต่างชาติที่นิยมเข้าไปลงทุนมากที่สุด คือ ชาวญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ โดยในปี 2546 มีเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าไปในเขต Bohai Rim สูงกว่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ(สัดส่วนราว 26.2% ของมูลค่าการลงทุนจากต่างประเทศทั้งหมดในจีนเพิ่มขึ้นเกือบ 10% จาปีก่อน)
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ Bohai Rim เป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญของจีน อาทิ
-เป็นตลาดขนาดใหญ่ เนื่องจาก Bohai Rim ติดกับมณฑลชานซีซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มีประชากรรวมกันเกือบ 160 ล้านคน(12% ของประชากรทั้งประเทศ)
-มีความอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ แร่เหล็ก อีกทั้งยังมีความได้เปรียบเรื่องค่าจ้างแรงงานต่ำทำให้ Bohai Rim เป็นฐานการผลิตที่สำคัญโดยอุตสาหกรรมหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนา Bohai Rim คือ อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมือสื่อสาร อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
-มีสิทธิพิเศษทางภาษี นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนใน Bohai Rim จะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ทางด้านภาษี อาทิ ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 33% เหลือ 15% สำหรับการลงทุนในเขต EPZ และ ETDZ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งใน Bohai Rim และจะได้รับการลดหย่อนภาษีในอัตราเดียวกันนี้สำหรับนักลงทุนในโครงการการผลิตน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และโลหะมีค่า เป็นต้น
-มีระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคครบครัน อาทิ ท่าเรืองเทียนจิน ซึ่งเป็นท่าเรือระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน นอกจากนี้ยังมีเส้นทางรถไฟซึ่งเชื่อมการคมนาคมขนส่งระหว่าง Bohai Rim กับมณฑลต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ส่งผลให้ Bohai Rim เป็นฐานการขนส่งและกระจานสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของจีน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังมีนโยบายขยายการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนใน Bohai Rim เพิ่มขึ้น อาทิ การเร่งพัฒนาสนามบินนานาชาติปักกิ่ง(ปัจจุบันเป็นอันดับ 2 ของจีนรองจากสนามบิน New Baiyun ในมณฑลกวางตุ้ง)อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ยังคงเป็น 1 ใน 3 ของการเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศที่สำคัญของจีน และโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดเวลาในการเดินทางระหว่างปักกิ่งและเทียนจินให้เหลือเพียง 30 นาทีจากเดิมที่ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2550
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤษภาคม 2548--
-พห-
ปัจจัยสำคัญที่สนับสนุนให้ Bohai Rim เป็นศูนย์กลางการลงทุนที่สำคัญของจีน อาทิ
-เป็นตลาดขนาดใหญ่ เนื่องจาก Bohai Rim ติดกับมณฑลชานซีซึ่งตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีนและเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน มีประชากรรวมกันเกือบ 160 ล้านคน(12% ของประชากรทั้งประเทศ)
-มีความอุดมด้วยทรัพยากรธรรมชาติ โดยเฉพาะน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ แร่เหล็ก อีกทั้งยังมีความได้เปรียบเรื่องค่าจ้างแรงงานต่ำทำให้ Bohai Rim เป็นฐานการผลิตที่สำคัญโดยอุตสาหกรรมหลักที่เป็นตัวขับเคลื่อนการพัฒนา Bohai Rim คือ อุตสาหกรรมที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการผลิต อาทิ อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์และเครื่องมือสื่อสาร อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ ซึ่งยังมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก
-มีสิทธิพิเศษทางภาษี นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนใน Bohai Rim จะได้รับสิทธิพิเศษต่างๆ ทางด้านภาษี อาทิ ได้รับการลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 33% เหลือ 15% สำหรับการลงทุนในเขต EPZ และ ETDZ ซึ่งมีอยู่หลายแห่งใน Bohai Rim และจะได้รับการลดหย่อนภาษีในอัตราเดียวกันนี้สำหรับนักลงทุนในโครงการการผลิตน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และโลหะมีค่า เป็นต้น
-มีระบบโครงสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคครบครัน อาทิ ท่าเรืองเทียนจิน ซึ่งเป็นท่าเรือระหว่างประเทศที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน นอกจากนี้ยังมีเส้นทางรถไฟซึ่งเชื่อมการคมนาคมขนส่งระหว่าง Bohai Rim กับมณฑลต่างๆ ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ส่งผลให้ Bohai Rim เป็นฐานการขนส่งและกระจานสินค้าที่สำคัญแห่งหนึ่งของจีน นอกจากนี้ รัฐบาลจีนยังมีนโยบายขยายการก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ให้แก่นักลงทุนต่างชาติที่เข้าไปลงทุนใน Bohai Rim เพิ่มขึ้น อาทิ การเร่งพัฒนาสนามบินนานาชาติปักกิ่ง(ปัจจุบันเป็นอันดับ 2 ของจีนรองจากสนามบิน New Baiyun ในมณฑลกวางตุ้ง)อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ยังคงเป็น 1 ใน 3 ของการเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางอากาศที่สำคัญของจีน และโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงมูลค่า 1,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อลดเวลาในการเดินทางระหว่างปักกิ่งและเทียนจินให้เหลือเพียง 30 นาทีจากเดิมที่ใช้เวลาราว 2 ชั่วโมง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2550
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย พฤษภาคม 2548--
-พห-