ในรอบ 7 เดือน ไทยนำเข้าลดลงแต่มูลค่ากลับเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว

นางสาวภัทรา สกุลไทย อธิบดีกรมทะเบียนการค้า เปิดเผยว่า จากสถานการณ์ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี และได้พุ่งสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาขายปลีกน้ำมันภายในประเทศปรับตัวสูงขึ้นตามไปด้วย และได้ส่งผลกระทบต่อการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม ตลอดจนการคมนาคมขนส่ง เนื่องจากการชะลอการลงทุนและประชาชนรู้จักประหยัดมากขึ้น โดยความต้องการใช้ภายในประเทศในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมามีปริมาณวันละ 100.3 ล้านลิตร ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ร้อยละ 2 โดยเป็นการใช้น้ำมันเบนซินวันละ 18.9 ล้านลิตร ลดลงร้อยละ 4 น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว วันละ 42 ล้านลิตร ลดลงร้อยละ 1 และน้ำมันเตา วันละ 19.2 ล้านลิตร ลดลงร้อยละ 14 ซึ่งเป็นการลดลงทั้งในส่วนของการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการผลิตกระแสไฟฟ้าและการใช้ในภาคอุตสาหกรรม ปริมาณการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงลดลงทุกชนิด ยกเว้นก๊าซปิโตรเลียมเหลว วันละ 5,400 เมตริกตัน เพิ่มขึ้น ร้อยละ 18 และน้ำมันอากาศยาน วันละ 9.4 ล้านลิตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 4
จากสถานการณ์ราคาน้ำมันดังกล่าวประกอบกับปริมาณการใช้ที่มีแนวโน้มลดลง ทำให้ในช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา โรงกลั่นได้มีการนำเข้าน้ำมันดิบวันละ 102.7 ล้านลิตร เป็นมูลค่า 142,996 ล้านบาท โดยปริมาณการนำเข้าลดลงร้อยละ 7 แต่มูลค่าการนำเข้ากลับเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 88 สำหรับน้ำมันสำเร็จรูปมีการนำเข้าวันละ 5.6 ล้านลิตรเพิ่มขึ้นร้อยละ 11 ทั้งนี้เป็นผลจากการนำเข้ามาค่อนข้างมากในช่วงต้นปี เนื่องจากโรงกลั่นน้ำมันไทยออยล์เกิดเพลิงไหม้ ในขณะที่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 เมื่อรวมการนำเข้าน้ำมันทั้งหมดแล้ว ไทยมีการนำเข้าน้ำมันวันละ 108.3 ล้านลิตร ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 6 แต่มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัว นอกจากนี้โรงกลั่นได้มีการนำน้ำมันดิบเข้าขบวนการกลั่นและผลิตเป็นน้ำมันสำเร็จรูปเพื่อใช้ภายในประเทศได้วันละ 108.9 ล้านลิตร ลดลงร้อยละ 7 อย่างไรก็ตามแม้ปริมาณการผลิตจะลดลงแต่ยังคงมากกว่าความต้องการใช้ภายในประเทศ ทำให้ต้องมีการส่งออกไปยังต่างประเทศวันละ 11.9 ล้านลิตร แต่ปริมาณการส่งออกก็ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับการส่งออกในช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยลดลงร้อยละ 38
--กรมทะเบียนการค้า กันยายน 2543--
-อน-