กรุงเทพฯ--8 พ.ย.--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์
กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ร่วมกับมูลนิธิอาเชียจัดการสัมมนาเรื่อง ความพร้อมของไทยด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในการแข่งขันในเวทีโลก เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2543 ณ โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรเอกชน (NGO) เนื่องจากในปัจจุบันนี้ การแข่งขันด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ก้าวหน้าไปมาก จึงมีความจำเป็นต้องส่งเสริมให้สาธารณชนเข้ามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย เพื่อให้พัฒนาไปในทิศทางที่ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ สามารถลดความเหลื่อมล้ำด้านเทคโนโลยีในสังคม นอกจากนี้ ในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่ไทยเป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็น WTO, ASEM, ASEAN หรือ APEC ต่างให้ความสำคัญกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างมาก ดังนั้นการสัมมนาในครั้งนี้จึงได้หยิบยกประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประเมินความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี กฎระเบียบ และสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของหลาย ๆ ฝ่าย ในเรื่องความพร้อมด้านเทคโนโลยีนั้น ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเห็นว่า ถึงแม้ว่ายังขาดความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการนำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในไทย อีกทั้งยังมีต้นทุนที่สูง แต่ในยุคเศรษฐกิจใหม่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจสมัยใหม่ ในด้านความพร้อมของกฎระเบียบนั้น ผู้เข้าร่วมสัมมนาเห็นว่า กฎระเบียบเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการร่างกฎหมายว่าด้วย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตอบสนองความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนในการออกกฎหมายของไทยยังมีความล่าช้าอยู่มาก ทำให้ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี นอกจากนี้ในการร่างกฎหมายจำเป็นต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และในขั้นตอนการออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายนั้น ผู้เกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทั้งในด้านเทคโนโลยี กฎระเบียบ สังคม และเศรษฐกิจ สำหรับเรื่องความพร้อมด้านสังคมนั้น การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของสังคมไทยในปัจจุบันยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความกลัวที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความคุ้นเคยให้กับประชาชนดังเช่นเมื่อครั้งแรกที่นำเครื่อง ATM มาใช้ อย่างไรก็ตาม การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อหนึ่งที่จะช่วยขยายโอกาสให้สังคมในชนบทไทยดำเนินธุรกิจได้มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการนำภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นมาเสนอขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น ในช่วงต้นปี 2544 กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์และมูลนิธิอาเชียจะร่วมกันจัดสัมมนา เชิงปฏิบัติการในรายละเอียดเกี่ยวกับความพร้อมของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อไป
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-
กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ร่วมกับมูลนิธิอาเชียจัดการสัมมนาเรื่อง ความพร้อมของไทยด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในการแข่งขันในเวทีโลก เมื่อวันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน 2543 ณ โรงแรมรอยัล ปริ๊นเซส หลานหลวง โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาจากหลายฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งจากภาครัฐ ภาคเอกชน และองค์กรเอกชน (NGO) เนื่องจากในปัจจุบันนี้ การแข่งขันด้านการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ได้ก้าวหน้าไปมาก จึงมีความจำเป็นต้องส่งเสริมให้สาธารณชนเข้ามีส่วนร่วมในการกำหนดนโยบายพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย เพื่อให้พัฒนาไปในทิศทางที่ทัดเทียมกับประเทศอื่น ๆ สามารถลดความเหลื่อมล้ำด้านเทคโนโลยีในสังคม นอกจากนี้ ในกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศต่าง ๆ ที่ไทยเป็นสมาชิก ไม่ว่าจะเป็น WTO, ASEM, ASEAN หรือ APEC ต่างให้ความสำคัญกับพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นอย่างมาก ดังนั้นการสัมมนาในครั้งนี้จึงได้หยิบยกประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ การประเมินความพร้อมทางด้านเทคโนโลยี กฎระเบียบ และสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของหลาย ๆ ฝ่าย ในเรื่องความพร้อมด้านเทคโนโลยีนั้น ผู้เข้าร่วมสัมมนาได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและเห็นว่า ถึงแม้ว่ายังขาดความพร้อมทางด้านเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อการนำพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มาใช้ในไทย อีกทั้งยังมีต้นทุนที่สูง แต่ในยุคเศรษฐกิจใหม่ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปรับเปลี่ยนแผนการดำเนินธุรกิจ เพื่อรองรับการแข่งขันที่จะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และสร้างโอกาสในการดำเนินธุรกิจสมัยใหม่ ในด้านความพร้อมของกฎระเบียบนั้น ผู้เข้าร่วมสัมมนาเห็นว่า กฎระเบียบเป็นปัจจัยหนึ่งที่มีบทบาทสำคัญต่อการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในปัจจุบันได้มีการร่างกฎหมายว่าด้วย ธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์เพื่อตอบสนองความก้าวหน้าของเทคโนโลยีสารสนเทศ อย่างไรก็ตาม ขั้นตอนในการออกกฎหมายของไทยยังมีความล่าช้าอยู่มาก ทำให้ไม่ทันต่อการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของเทคโนโลยี นอกจากนี้ในการร่างกฎหมายจำเป็นต้องให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น และในขั้นตอนการออกกฎหมายและบังคับใช้กฎหมายนั้น ผู้เกี่ยวข้องก็จำเป็นต้องมีความรู้ความเข้าใจอย่างถ่องแท้ ทั้งในด้านเทคโนโลยี กฎระเบียบ สังคม และเศรษฐกิจ สำหรับเรื่องความพร้อมด้านสังคมนั้น การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของสังคมไทยในปัจจุบันยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังมีความกลัวที่จะนำเทคโนโลยีมาใช้ จึงจำเป็นที่จะต้องสร้างความคุ้นเคยให้กับประชาชนดังเช่นเมื่อครั้งแรกที่นำเครื่อง ATM มาใช้ อย่างไรก็ตาม การพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสื่อหนึ่งที่จะช่วยขยายโอกาสให้สังคมในชนบทไทยดำเนินธุรกิจได้มากขึ้นทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะการนำภูมิปัญญาและผลิตภัณฑ์จากท้องถิ่นมาเสนอขายผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเป็นการกระจายรายได้ไปสู่ท้องถิ่น ในช่วงต้นปี 2544 กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์และมูลนิธิอาเชียจะร่วมกันจัดสัมมนา เชิงปฏิบัติการในรายละเอียดเกี่ยวกับความพร้อมของการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของไทย โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมหารือและแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นต่อไป
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กระทรวงพาณิชย์ โทร. 281-9723, 282-6171-9 : 1176-7 โทรสาร. 82-6623--จบ--
-สส-