ในเดือนนี้ เศรษฐกิจโดยรวมของภาคใต้ชะลอตัวลง ตามการลดลงของราคาสินค้าเกษตรซึ่งเป็นผลเนื่องมาจากสถานการณ์ด้านการตลาดไม่เอื้ออำนวย ทั้งในส่วนของยางพารา และสัตว์น้ำแช่แข็ง นอกจากนี้ ภาวะชะลอตัวของภาคการท่องเที่ยว และการลงทุน ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่มีผลทำให้เศรษฐกิจ อยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดีนัก แม้ว่า ในภาคการค้า ซึ่งพิจารณาจากการจดทะเบียนรถใหม่ และ การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจะยังคงขยายตัว รวมทั้งการเบิกจ่ายเงินงบประมาณที่เบิกจ่ายเพิ่มขึ้นร้อยละ 5.1 เนื่องจาก มีการเร่งเบิกจ่ายในเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ สำหรับอัตราเงินเฟ้อในเดือนนี้ปรับสูงขึ้นเป็นร้อยละ 1.9 ตามการปรับสูงขึ้นของราคา สินค้าในหมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มเป็นสำคัญ
ภาคการเกษตร
ผลผลิตทางการเกษตรมีจำนวนมาก ประกอบกับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา ทำให้ราคาสินค้าเกษตรลดลง ทั้งในส่วนของยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสัตว์น้ำ
ความต้องการใช้ยางในตลาดต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ทำให้ราคายางแผ่นดิบชั้น 3 ลดลงเหลือเฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.09 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.7 ส่วนราคาน้ำยางเฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.27 บาท ลดลงร้อยละ 5.7 ขณะที่ ผลปาล์มสดทั้งทะลายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.68 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 6.1 เนื่องจากผลผลิตยังมีมาก ส่วนข้าวเปลือกเจ้า 25% เดือนนี้ เฉลี่ยเมตริกตันละ 3,700.00 บาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.1
ในภาคการประมง ปริมาณผลผลิตกุ้งกุลาดำออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เป็นการพิจารณาจากปริมาณกุ้งกุลาดำที่ส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ซึ่งมีปริมาณรวม 2,562.6 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.7 ส่วนราคาที่เกษตรกรขายได้ในเดือนนี้ปรับลดลง โดยกุ้งกุลาดำขนาด 30 ตัว/กิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 310.00 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 23.2 สำหรับสัตว์น้ำที่นำมาขึ้นที่ท่าเทียบเรือขององค์การสะพานปลาในภาคใต้ในเดือนนี้ มีจำนวน 53,509.0 เมตริกตัน มูลค่า 991.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 และ 21.6 ตามลำดับ เนื่องจาก ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูงและความเข้มงวดของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นสำคัญ
ภาคปศุสัตว์และสัตว์ปีก ในเดือนนี้ ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรและไก่เนื้อยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ภาวะตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ ราคาสุกรน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.22 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.7 และในขณะเดียวกันนี้ ไก่เนื้อ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.48 บาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.3
เหมืองแร่
ภาวะโดยทั่วไปชะลอตัว เนื่องจากราคาแร่อ่อนตัวลง โดยราคาสินแร่ดีบุกในเดือนนี้ เฉลี่ยเพียงกิโลกรัมละ 111.47 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 29.2 ทำให้ไม่จูงใจให้มีการผลิต ผลผลิตสินแร่ดีบุกในภาคใต้ในเดือนนี้มีจำนวน 165.3 เมตริกตัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.5 และในระยะเดียวกัน การส่งออกแร่ยิปซัมก็อยู่ในภาวะชะลอตัว ทำให้ผลผลิตแร่ยิปซัมจาก แหล่งผลิตหลักที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช มีจำนวน 276,160.0 เมตริกตัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 44.7
ในส่วนของก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตในอ่าวไทยที่ส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้เดือนนี้มีจำนวน 5,915.4 เมตริกตัน มูลค่า 59.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 116.4 และ 85.0 ตามลำดับ ขณะที่ น้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในอ่าวไทยที่ส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ มีจำนวน 133,509.5 เมตริกตัน มูลค่า 1,105.4 ล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 และ 16.1 ตามลำดับ
ภาคอุตสาหกรรม
สถานการณ์ด้านการค้าชะลอตัว ในส่วนของการส่งออกยางพาราและไม้ยางพาราแปรรูป ขณะที่ การผลิตน้ำมันปาล์มดิบ และ การผลิตอาหารทะเลแปรรูปยังขยายตัว
อุตสาหกรรมยาง การที่เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคอื่น ๆ ซบเซา และมีผลทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวตาม การส่งออกยางจึงลดลง โดยในเดือนนี้มีการส่งออกรวม 163,279.5 เมตริกตัน มูลค่า 3,518.1 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.1 และ 12.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นการส่งออกยางแผ่นรมควัน 58,585.9 เมตริกตัน มูลค่า 1,517.9 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.0 และ 10.9 ตามลำดับ สำหรับราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3 เดือนนี้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.17 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.4 ขณะที่ ยางแท่ง มีการส่งออกรวม 46,745.3 เมตริกตัน มูลค่า 1,109.7 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.8 และ 24.6 ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคายางแท่ง STR20 ในเดือนนี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.80 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 13.5 สำหรับน้ำยาง มีการส่งออกรวม 55,495.1 เมตริกตัน มูลค่า 855.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.6 และ 0.4 ตามลำดับ
ด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง การส่งออกถุงมือยางของภาคใต้ขยายตัวในเกณฑ์ดี มีการส่งออกรวม 7,107.2 เมตริกตัน มูลค่า 672.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 69.3 และ 40.1 ตามลำดับ ส่วนไม้ยางพาราแปรรูปส่งออกได้ 23,447.0 เมตริกตัน มูลค่า 257.1 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.0 และ 28.2 ตามลำดับ
อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ สถานการณ์ในอัฟกานิสสถานไม่น่าไว้วางใจ มาเลเซียจึงส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังอินเดียและปากีสถานได้ลดลง สต็อกภายในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาในตลาดโลกลดต่ำลง ราคาน้ำมันปาล์มดิบ ณ ตลาดกรุงเทพมหานคร ในเดือนนี้จึงปรับลดลงเหลือเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.73 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.3 และในเดือนนี้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้ 66,738.8 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.9
อุตสาหกรรมอาหารทะเล ภาวะการผลิตและการตลาดในเดือนนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจาก สถานการณ์โรควัวบ้าสร้างความกังวลให้กับผู้บริโภค ทำให้การบริโภคอาหารทะเลขยายตัว โดยในเดือนนี้มีการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งจำนวน 21,943.2 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.2 ขณะที่ มูลค่าที่ส่งออกได้ 2,034.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.4 เนื่องจาก ราคากุ้งปรับลดลงเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะการส่งออกกุ้งกุลาดำแช่แข็ง ในเดือนนี้มีการส่งออกรวม 2,562.6 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 ในขณะที่มีมูลค่าส่งออก 1,045.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.2 ขณะเดียวกัน มีการส่งออกอาหารทะเลกระป๋อง 11,112.3 เมตริกตัน มูลค่า 1,015.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.2 และ 16.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของมูลค่าเป็นผลจาก การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท
ปลาป่น สถานการณ์โดยทั่วไปของการใช้ปลาป่น ปริมาณการผลิตยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโรงงานผลิตอาหารกุ้ง มีความต้องการปลาป่นโปรตีนสูงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการผลิตอาหารกุ้งส่งออกและใช้ภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาปลาป่นทรงตัวในระดับสูง
โลหะดีบุก ในเดือนนี้การส่งออกโลหะดีบุกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ 1,517.0 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.8 ส่วนมูลค่าที่ส่งออกได้ 259.3 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.7
การท่องเที่ยว
ภาวะการท่องเที่ยวชะลอตัว มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ 165,775 คน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.3 เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยวของ ภาคใต้ตอนบน ขณะที่ ภาคใต้ตอนล่าง ภาวะการท่องเที่ยวขยายตัวเล็กน้อย เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ภาวะการท่องเที่ยวชะลอตัว เนื่องจาก นักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ที่มิใช่มาเลเซียและสิงคโปร์เดินทางเข้ามาลดลง ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางผ่านตรวจคนเข้าเมืองระนองและท่าอากาศยานภูเก็ตจำนวน 61,427 คน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.1
สำหรับภาวะการท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขยายตัว เนื่องจากในเดือนนี้ มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (สุดปลายทางที่หาดใหญ่ และเทศกาลอาหารสะอาด รสชาติอร่อย) ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านตรวจคนเข้าเมืองมากขึ้น โดยมีจำนวน 104,348 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 3.2
การลงทุน
การส่งเสริมการลงทุน มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้กับนักลงทุนชาวต่างประเทศเพื่อประกอบกิจการโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราในจังหวัดสงขลาเพียง 1 โครงการ เงินลงทุน 30.0 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.0 และ 51.6 ตามลำดับ
การจดทะเบียนธุรกิจ มีนักลงทุนสนใจประกอบธุรกิจและขอจดทะเบียนตั้งใหม่ 249 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.2 ขณะที่ เงินทุนจดทะเบียน 491.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24.9 การจดทะเบียนธุรกิจใหม่ในเดือนนี้ ร้อยละ 31.5 เป็นกิจการประเภทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
พื้นที่ก่อสร้าง มีพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในเขตเทศบาลเมือง เทศบาลนคร และ เทศบาลตำบล 85,953 ตารางเมตร ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.9 เนื่องจาก สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในการก่อสร้าง
ภาคการจ้างงานและการจัดหางานของรัฐ
ในเดือนนี้ผู้ประกอบการแจ้งความต้องการแรงงานผ่านสำนักงานจัดหางานในภาคใต้ 5,393 อัตรา เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.5 ตำแหน่งงานว่างส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ขณะที่ ผู้สมัครงานแจ้งความต้องการทำงานทั้งสิ้น 2,800 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 42.3 และมีผู้ได้รับการบรรจุงาน 1,004 คน คิดเป็นร้อยละ 18.6 ของตำแหน่งงานว่าง
ภาคการค้า
ภาคการค้า สถานการณ์ด้านการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรที่ชะลอตัวในเดือนนี้ มีผลทำให้ภาวะการค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ในด้านการค้ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ ยังขยายตัว และมีผลทำให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น โดยจัดเก็บได้ 424.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ปีก่อน ร้อยละ 23.3
สำหรับการจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เนื่องจาก มีการจัดกิจกรรมส่งเสริม การขาย และอัตราดอกเบี้ยต่ำจูงใจให้มีการซื้อขายเพิ่มขึ้น ทำให้ในเดือนนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รวม 791 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.4 ส่วนการจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล มีจำนวน 1,119 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.6 เนื่องจาก การจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 4 ประตู กำหนดให้จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ขณะที่ รถจักรยานยนต์ มีการจดทะเบียนใหม่ 13,290 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 28.3
ดัชนีราคา
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคใต้ ในเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าในหมวดไข่และผลิตภัณฑ์นม เป็ด ไก่ ปลาและสัตว์น้ำ และราคาสินค้าหมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าในหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอร์ การอ่านและการศึกษา ไฟฟ้า เชื้อเพลิงและประปา และการขนส่งสาธารณะ
การค้าระหว่างประเทศ
การส่งออก ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในทุกภูมิภาค ทำให้ในเดือนนี้ มีมูลค่าการ ส่งออกรวม 12,918.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 0.7 เท่านั้น สำหรับ สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ ถุงมือยาง อาหารบรรจุกระป๋อง และก๊าซธรรมชาติ ในส่วนของยางพาราซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ เดือนนี้ มูลค่าการส่งออกลดลงตามการ ลดลงของการส่งออกยางแผ่นรมควันและยางแท่ง ส่วนสัตว์น้ำแช่แข็ง มูลค่าการส่งออกลดลง เนื่องจากราคากุ้งกุลาดำลดลงเป็นสำคัญ
การนำเข้า ปรับสูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยมีมูลค่าการนำเข้ารวม 6,986.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 65.1 เนื่องจาก มีการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในการขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นมากอย่างน่าสังเกต คือมีการนำเข้ารวม 3,596.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 1,104.2
ภาคการคลัง
การเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการในภาคใต้เดือนนี้มีจำนวน 8,998.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.1 เนื่องจาก มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ ทั้งนี้ งบประมาณปี 2544 มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้นร้อยละ 88.1
ด้านการจัดเก็บภาษีอากร เดือนนี้จัดเก็บได้ทั้งสิ้น 1,087.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.9 เนื่องจากมีการจัดเก็บภาษีสรรพากรและภาษีศุลกากรได้เพิ่มขึ้น โดยภาษีสรรพากรจัดเก็บได้ 917.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.4 เนื่องจาก จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่มขึ้น ส่วนภาษีศุลกากร จัดเก็บได้ 108.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.4 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าได้เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ และสำหรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ในเดือนนี้จัดเก็บได้ 61.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9
ภาคการเงิน
การรับ-จ่ายเงินสดผ่านผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ และผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย มีจำนวนรวม 26,525.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 0.9 เท่านั้น โดยในส่วนของเงินสดรับที่สาขาธนาคารพาณิชย์นำส่งผู้แทน ธปท. มีจำนวน 12,598.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.4 ส่วนเงินสดจ่ายที่สาขาธนาคารพาณิชย์ขอเบิกจากผู้แทน ธปท. มีจำนวน 13,926.9 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2
ในส่วนการใช้เช็คของภาคธุรกิจผ่านสำนักหักบัญชีในเดือนนี้มีจำนวน 383,856 ฉบับ มูลค่า 33,863.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.3 และ 0.8 ตามลำดับ สำหรับ สัดส่วนมูลค่าเช็คคืนเพราะไม่มีเงินต่อเช็ครับเข้ารวม ในเดือนนี้คิดเป็นร้อยละ 1.3
ด้านสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือนนี้ เงินฝากคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์มีจำนวน 254,000.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 3.5 และ ณ สิ้นระยะเดียวกันนี้ สินเชื่อคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์มีจำนวน 155,000.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.4
ในส่วนของการให้บริการของสำนักงานอำนวยสินเชื่อ (สอช.) ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดย ยอดเงินให้สินเชื่อมีจำนวน 5,902.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 67.6
สำหรับเงินฝากของสาขาธนาคารออมสิน ณ สิ้นเดือนนี้มีจำนวน 35,000.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.3
ส่วนการให้ความอนุเคราะห์สินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรมีจำนวน 1,402.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.4 เนื่องจาก โครงการ พักชำระหนี้ที่มีเงื่อนไขว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้าโครงการพักชำระหนี้ ไม่สามารถได้รับเงินสินเชื่อในช่วงเวลา 3 ปีของโครงการ
ในด้านการให้บริการสินเชื่อของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) มีลูกค้าบางส่วนไปใช้บริการจากธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของ ธสน. สูงกว่าธนาคารพาณิชย์ประมาณ 0.5-1.0% ทำให้สินเชื่อลดลงเหลือ 812.0 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 62.5
ส่วนสินเชื่อของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีจำนวน 260.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.8
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2544
ในไตรมาส 4 ปี 2544 เศรษฐกิจภาคใต้มีแนวโน้มชะลอตัวลง ทั้งนี้ ปัจจัยที่เป็นผลกระทบที่สำคัญได้แก่
ประการแรก การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งมีผลทำให้มีการนำเข้าสินค้าลดลง ทำให้ราคายางพารา ปาล์มน้ำมันและกุ้งกุลาดำ ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของภาคใต้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประการที่ 2 ภาวะสงครามที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งจะส่งผลให้ภาวะการท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวชะลอตัวลงด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่นที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต คาดว่าจะมีจำนวนลดลง
ประการที่ 3 จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้จ่าย มากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ภาคการค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ขยายตัวได้ดีในช่วง 9 เดือนแรกชะลอตัวลง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยการเช่าซื้อจะอยู่ในระดับต่ำ และมีการส่งเสริมการขายโดยการดาวน์ต่ำผ่อนนานก็ตาม
อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อการขยายตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัย รวมทั้งนโยบายขาดดุล งบประมาณ 200,000 ล้านบาทของปีงบประมาณ 2545 ซึ่งจะเริ่มใช้ในเดือนตุลาคม 2544 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการส่งออกอาหารทะเลกระป๋องที่มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสามารถกักตุนเพื่อบริโภคในภาวะสงครามได้อย่างสะดวก ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวลงจากการชะลอตัวของความต้องการน้ำมันในตลาดโลก จะส่งผลให้เศรษฐกิจภาคใต้ชะลอตัวลงไม่มากนัก และทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวไม่สูงนัก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
ภาคการเกษตร
ผลผลิตทางการเกษตรมีจำนวนมาก ประกอบกับแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจซบเซา ทำให้ราคาสินค้าเกษตรลดลง ทั้งในส่วนของยางพารา ปาล์มน้ำมัน และสัตว์น้ำ
ความต้องการใช้ยางในตลาดต่างประเทศที่อยู่ในระดับต่ำตามสถานการณ์เศรษฐกิจ ของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก ทำให้ราคายางแผ่นดิบชั้น 3 ลดลงเหลือเฉลี่ยกิโลกรัมละ 21.09 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.7 ส่วนราคาน้ำยางเฉลี่ยกิโลกรัมละ 19.27 บาท ลดลงร้อยละ 5.7 ขณะที่ ผลปาล์มสดทั้งทะลายเฉลี่ยกิโลกรัมละ 1.68 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 6.1 เนื่องจากผลผลิตยังมีมาก ส่วนข้าวเปลือกเจ้า 25% เดือนนี้ เฉลี่ยเมตริกตันละ 3,700.00 บาท ลดลงจากเดือนก่อนร้อยละ 4.1
ในภาคการประมง ปริมาณผลผลิตกุ้งกุลาดำออกสู่ตลาดเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ เป็นการพิจารณาจากปริมาณกุ้งกุลาดำที่ส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ซึ่งมีปริมาณรวม 2,562.6 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.7 ส่วนราคาที่เกษตรกรขายได้ในเดือนนี้ปรับลดลง โดยกุ้งกุลาดำขนาด 30 ตัว/กิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 310.00 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 23.2 สำหรับสัตว์น้ำที่นำมาขึ้นที่ท่าเทียบเรือขององค์การสะพานปลาในภาคใต้ในเดือนนี้ มีจำนวน 53,509.0 เมตริกตัน มูลค่า 991.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 และ 21.6 ตามลำดับ เนื่องจาก ราคาน้ำมันที่ยังอยู่ในระดับสูงและความเข้มงวดของประเทศเพื่อนบ้าน เป็นสำคัญ
ภาคปศุสัตว์และสัตว์ปีก ในเดือนนี้ ความต้องการบริโภคเนื้อสุกรและไก่เนื้อยังอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ภาวะตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี ทั้งนี้ ราคาสุกรน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม เฉลี่ยกิโลกรัมละ 40.22 บาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.7 และในขณะเดียวกันนี้ ไก่เนื้อ ราคาเฉลี่ยกิโลกรัมละ 31.48 บาท เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.3
เหมืองแร่
ภาวะโดยทั่วไปชะลอตัว เนื่องจากราคาแร่อ่อนตัวลง โดยราคาสินแร่ดีบุกในเดือนนี้ เฉลี่ยเพียงกิโลกรัมละ 111.47 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 29.2 ทำให้ไม่จูงใจให้มีการผลิต ผลผลิตสินแร่ดีบุกในภาคใต้ในเดือนนี้มีจำนวน 165.3 เมตริกตัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 18.5 และในระยะเดียวกัน การส่งออกแร่ยิปซัมก็อยู่ในภาวะชะลอตัว ทำให้ผลผลิตแร่ยิปซัมจาก แหล่งผลิตหลักที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีและนครศรีธรรมราช มีจำนวน 276,160.0 เมตริกตัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 44.7
ในส่วนของก๊าซธรรมชาติจากแหล่งผลิตในอ่าวไทยที่ส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้เดือนนี้มีจำนวน 5,915.4 เมตริกตัน มูลค่า 59.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 116.4 และ 85.0 ตามลำดับ ขณะที่ น้ำมันดิบจากแหล่งผลิตในอ่าวไทยที่ส่งออกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ มีจำนวน 133,509.5 เมตริกตัน มูลค่า 1,105.4 ล้านบาท เทียบกับเดือนก่อนเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 และ 16.1 ตามลำดับ
ภาคอุตสาหกรรม
สถานการณ์ด้านการค้าชะลอตัว ในส่วนของการส่งออกยางพาราและไม้ยางพาราแปรรูป ขณะที่ การผลิตน้ำมันปาล์มดิบ และ การผลิตอาหารทะเลแปรรูปยังขยายตัว
อุตสาหกรรมยาง การที่เศรษฐกิจของประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำของโลก โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา และญี่ปุ่น ยังไม่มีสัญญาณการฟื้นตัว ทำให้เศรษฐกิจในภูมิภาคอื่น ๆ ซบเซา และมีผลทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ชะลอตัวตาม การส่งออกยางจึงลดลง โดยในเดือนนี้มีการส่งออกรวม 163,279.5 เมตริกตัน มูลค่า 3,518.1 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 14.1 และ 12.1 ตามลำดับ ทั้งนี้ เป็นการส่งออกยางแผ่นรมควัน 58,585.9 เมตริกตัน มูลค่า 1,517.9 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.0 และ 10.9 ตามลำดับ สำหรับราคายางแผ่นรมควัน ชั้น 3 เดือนนี้ เฉลี่ยกิโลกรัมละ 24.17 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.4 ขณะที่ ยางแท่ง มีการส่งออกรวม 46,745.3 เมตริกตัน มูลค่า 1,109.7 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.8 และ 24.6 ตามลำดับ ทั้งนี้ ราคายางแท่ง STR20 ในเดือนนี้เฉลี่ยกิโลกรัมละ 22.80 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 13.5 สำหรับน้ำยาง มีการส่งออกรวม 55,495.1 เมตริกตัน มูลค่า 855.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 6.6 และ 0.4 ตามลำดับ
ด้านการส่งออกผลิตภัณฑ์ยาง การส่งออกถุงมือยางของภาคใต้ขยายตัวในเกณฑ์ดี มีการส่งออกรวม 7,107.2 เมตริกตัน มูลค่า 672.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 69.3 และ 40.1 ตามลำดับ ส่วนไม้ยางพาราแปรรูปส่งออกได้ 23,447.0 เมตริกตัน มูลค่า 257.1 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 21.0 และ 28.2 ตามลำดับ
อุตสาหกรรมน้ำมันปาล์มดิบ สถานการณ์ในอัฟกานิสสถานไม่น่าไว้วางใจ มาเลเซียจึงส่งออกน้ำมันปาล์มไปยังอินเดียและปากีสถานได้ลดลง สต็อกภายในประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาในตลาดโลกลดต่ำลง ราคาน้ำมันปาล์มดิบ ณ ตลาดกรุงเทพมหานคร ในเดือนนี้จึงปรับลดลงเหลือเฉลี่ยกิโลกรัมละ 10.73 บาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.3 และในเดือนนี้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบได้ 66,738.8 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.9
อุตสาหกรรมอาหารทะเล ภาวะการผลิตและการตลาดในเดือนนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เนื่องจาก สถานการณ์โรควัวบ้าสร้างความกังวลให้กับผู้บริโภค ทำให้การบริโภคอาหารทะเลขยายตัว โดยในเดือนนี้มีการส่งออกอาหารทะเลแช่แข็งจำนวน 21,943.2 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.2 ขณะที่ มูลค่าที่ส่งออกได้ 2,034.5 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 6.4 เนื่องจาก ราคากุ้งปรับลดลงเป็นสำคัญ ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะการส่งออกกุ้งกุลาดำแช่แข็ง ในเดือนนี้มีการส่งออกรวม 2,562.6 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.7 ในขณะที่มีมูลค่าส่งออก 1,045.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 11.2 ขณะเดียวกัน มีการส่งออกอาหารทะเลกระป๋อง 11,112.3 เมตริกตัน มูลค่า 1,015.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 2.2 และ 16.2 ตามลำดับ ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นของมูลค่าเป็นผลจาก การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินบาท
ปลาป่น สถานการณ์โดยทั่วไปของการใช้ปลาป่น ปริมาณการผลิตยังคงไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะโรงงานผลิตอาหารกุ้ง มีความต้องการปลาป่นโปรตีนสูงเป็นจำนวนมาก เนื่องจากมีการผลิตอาหารกุ้งส่งออกและใช้ภายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ราคาปลาป่นทรงตัวในระดับสูง
โลหะดีบุก ในเดือนนี้การส่งออกโลหะดีบุกผ่านด่านศุลกากรในภาคใต้ 1,517.0 เมตริกตัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.8 ส่วนมูลค่าที่ส่งออกได้ 259.3 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 13.7
การท่องเที่ยว
ภาวะการท่องเที่ยวชะลอตัว มีนักท่องเที่ยวเดินทางผ่านตรวจคนเข้าเมืองในภาคใต้ 165,775 คน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.3 เนื่องจากเป็นช่วงนอกฤดูการท่องเที่ยวของ ภาคใต้ตอนบน ขณะที่ ภาคใต้ตอนล่าง ภาวะการท่องเที่ยวขยายตัวเล็กน้อย เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยว
ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ภาวะการท่องเที่ยวชะลอตัว เนื่องจาก นักท่องเที่ยวชาติอื่น ๆ ที่มิใช่มาเลเซียและสิงคโปร์เดินทางเข้ามาลดลง ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศที่เดินทางผ่านตรวจคนเข้าเมืองระนองและท่าอากาศยานภูเก็ตจำนวน 61,427 คน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 8.1
สำหรับภาวะการท่องเที่ยวในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขยายตัว เนื่องจากในเดือนนี้ มีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา (สุดปลายทางที่หาดใหญ่ และเทศกาลอาหารสะอาด รสชาติอร่อย) ทำให้มีนักท่องเที่ยวชาวต่างประเทศเดินทางผ่านตรวจคนเข้าเมืองมากขึ้น โดยมีจำนวน 104,348 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อน ร้อยละ 3.2
การลงทุน
การส่งเสริมการลงทุน มีการอนุมัติส่งเสริมการลงทุนให้กับนักลงทุนชาวต่างประเทศเพื่อประกอบกิจการโรงงานแปรรูปไม้ยางพาราในจังหวัดสงขลาเพียง 1 โครงการ เงินลงทุน 30.0 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.0 และ 51.6 ตามลำดับ
การจดทะเบียนธุรกิจ มีนักลงทุนสนใจประกอบธุรกิจและขอจดทะเบียนตั้งใหม่ 249 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.2 ขณะที่ เงินทุนจดทะเบียน 491.4 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 24.9 การจดทะเบียนธุรกิจใหม่ในเดือนนี้ ร้อยละ 31.5 เป็นกิจการประเภทรับเหมาก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์
พื้นที่ก่อสร้าง มีพื้นที่ได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างในเขตเทศบาลเมือง เทศบาลนคร และ เทศบาลตำบล 85,953 ตารางเมตร ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.9 เนื่องจาก สภาพอากาศไม่เอื้ออำนวยในการก่อสร้าง
ภาคการจ้างงานและการจัดหางานของรัฐ
ในเดือนนี้ผู้ประกอบการแจ้งความต้องการแรงงานผ่านสำนักงานจัดหางานในภาคใต้ 5,393 อัตรา เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 20.5 ตำแหน่งงานว่างส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ขณะที่ ผู้สมัครงานแจ้งความต้องการทำงานทั้งสิ้น 2,800 คน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 42.3 และมีผู้ได้รับการบรรจุงาน 1,004 คน คิดเป็นร้อยละ 18.6 ของตำแหน่งงานว่าง
ภาคการค้า
ภาคการค้า สถานการณ์ด้านการผลิตและการค้าสินค้าเกษตรที่ชะลอตัวในเดือนนี้ มีผลทำให้ภาวะการค้าอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ดีนัก อย่างไรก็ตาม ในด้านการค้ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ ยังขยายตัว และมีผลทำให้การจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มเพิ่มขึ้น โดยจัดเก็บได้ 424.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ปีก่อน ร้อยละ 23.3
สำหรับการจำหน่ายรถยนต์และรถจักรยานยนต์ เนื่องจาก มีการจัดกิจกรรมส่งเสริม การขาย และอัตราดอกเบี้ยต่ำจูงใจให้มีการซื้อขายเพิ่มขึ้น ทำให้ในเดือนนี้มีการจดทะเบียนรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน รวม 791 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 25.4 ส่วนการจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล มีจำนวน 1,119 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.6 เนื่องจาก การจดทะเบียนรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล 4 ประตู กำหนดให้จดทะเบียนเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ขณะที่ รถจักรยานยนต์ มีการจดทะเบียนใหม่ 13,290 คัน เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 28.3
ดัชนีราคา
ดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไปของภาคใต้ ในเดือนนี้เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9 ตามการเพิ่มขึ้นของราคาสินค้าในหมวดอาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าในหมวดไข่และผลิตภัณฑ์นม เป็ด ไก่ ปลาและสัตว์น้ำ และราคาสินค้าหมวดที่ไม่ใช่อาหารและเครื่องดื่มที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.1 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าในหมวดยาสูบและเครื่องดื่มมีแอลกอฮอร์ การอ่านและการศึกษา ไฟฟ้า เชื้อเพลิงและประปา และการขนส่งสาธารณะ
การค้าระหว่างประเทศ
การส่งออก ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในทุกภูมิภาค ทำให้ในเดือนนี้ มีมูลค่าการ ส่งออกรวม 12,918.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 0.7 เท่านั้น สำหรับ สินค้าที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นในเดือนนี้ ได้แก่ ถุงมือยาง อาหารบรรจุกระป๋อง และก๊าซธรรมชาติ ในส่วนของยางพาราซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญของภาคใต้ เดือนนี้ มูลค่าการส่งออกลดลงตามการ ลดลงของการส่งออกยางแผ่นรมควันและยางแท่ง ส่วนสัตว์น้ำแช่แข็ง มูลค่าการส่งออกลดลง เนื่องจากราคากุ้งกุลาดำลดลงเป็นสำคัญ
การนำเข้า ปรับสูงขึ้นค่อนข้างมาก โดยมีมูลค่าการนำเข้ารวม 6,986.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 65.1 เนื่องจาก มีการนำเข้าเครื่องจักรอุปกรณ์ที่ใช้ในการขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยเพิ่มขึ้นมากอย่างน่าสังเกต คือมีการนำเข้ารวม 3,596.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกัน ปีก่อนร้อยละ 1,104.2
ภาคการคลัง
การเบิกจ่ายงบประมาณของส่วนราชการในภาคใต้เดือนนี้มีจำนวน 8,998.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 5.1 เนื่องจาก มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณในเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณ ทั้งนี้ งบประมาณปี 2544 มีการเบิกจ่ายทั้งสิ้นร้อยละ 88.1
ด้านการจัดเก็บภาษีอากร เดือนนี้จัดเก็บได้ทั้งสิ้น 1,087.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 10.9 เนื่องจากมีการจัดเก็บภาษีสรรพากรและภาษีศุลกากรได้เพิ่มขึ้น โดยภาษีสรรพากรจัดเก็บได้ 917.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 11.4 เนื่องจาก จัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีเงินได้นิติบุคคล และ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้เพิ่มขึ้น ส่วนภาษีศุลกากร จัดเก็บได้ 108.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 15.4 ทั้งนี้ การเพิ่มขึ้นเป็นผลจากการจัดเก็บภาษีนำเข้าได้เพิ่มขึ้นเป็นสำคัญ และสำหรับการจัดเก็บภาษีสรรพสามิต ในเดือนนี้จัดเก็บได้ 61.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.9
ภาคการเงิน
การรับ-จ่ายเงินสดผ่านผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานภาคใต้ และผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย มีจำนวนรวม 26,525.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 0.9 เท่านั้น โดยในส่วนของเงินสดรับที่สาขาธนาคารพาณิชย์นำส่งผู้แทน ธปท. มีจำนวน 12,598.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 7.4 ส่วนเงินสดจ่ายที่สาขาธนาคารพาณิชย์ขอเบิกจากผู้แทน ธปท. มีจำนวน 13,926.9 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 4.2
ในส่วนการใช้เช็คของภาคธุรกิจผ่านสำนักหักบัญชีในเดือนนี้มีจำนวน 383,856 ฉบับ มูลค่า 33,863.6 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 1.3 และ 0.8 ตามลำดับ สำหรับ สัดส่วนมูลค่าเช็คคืนเพราะไม่มีเงินต่อเช็ครับเข้ารวม ในเดือนนี้คิดเป็นร้อยละ 1.3
ด้านสถาบันการเงิน ณ สิ้นเดือนนี้ เงินฝากคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์มีจำนวน 254,000.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือนเดียวกันปีก่อนเพียงร้อยละ 3.5 และ ณ สิ้นระยะเดียวกันนี้ สินเชื่อคงค้างของสาขาธนาคารพาณิชย์มีจำนวน 155,000.0 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 10.4
ในส่วนของการให้บริการของสำนักงานอำนวยสินเชื่อ (สอช.) ยังขยายตัวต่อเนื่อง โดย ยอดเงินให้สินเชื่อมีจำนวน 5,902.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 67.6
สำหรับเงินฝากของสาขาธนาคารออมสิน ณ สิ้นเดือนนี้มีจำนวน 35,000.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 19.3
ส่วนการให้ความอนุเคราะห์สินเชื่อของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรมีจำนวน 1,402.5 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 33.4 เนื่องจาก โครงการ พักชำระหนี้ที่มีเงื่อนไขว่ากลุ่มลูกค้าที่เข้าโครงการพักชำระหนี้ ไม่สามารถได้รับเงินสินเชื่อในช่วงเวลา 3 ปีของโครงการ
ในด้านการให้บริการสินเชื่อของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.) มีลูกค้าบางส่วนไปใช้บริการจากธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของ ธสน. สูงกว่าธนาคารพาณิชย์ประมาณ 0.5-1.0% ทำให้สินเชื่อลดลงเหลือ 812.0 ล้านบาท ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 62.5
ส่วนสินเชื่อของบรรษัทเงินทุนอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยมีจำนวน 260.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันปีก่อนร้อยละ 12.8
แนวโน้มภาวะเศรษฐกิจในไตรมาสสุดท้ายของปี 2544
ในไตรมาส 4 ปี 2544 เศรษฐกิจภาคใต้มีแนวโน้มชะลอตัวลง ทั้งนี้ ปัจจัยที่เป็นผลกระทบที่สำคัญได้แก่
ประการแรก การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะประเทศสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่น ซึ่งมีผลทำให้มีการนำเข้าสินค้าลดลง ทำให้ราคายางพารา ปาล์มน้ำมันและกุ้งกุลาดำ ซึ่งเป็นสินค้าเกษตรที่สำคัญของภาคใต้ลดลงอย่างต่อเนื่อง
ประการที่ 2 ภาวะสงครามที่มีแนวโน้มยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งจะส่งผลให้ภาวะการท่องเที่ยวในไตรมาส 4 ซึ่งเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวชะลอตัวลงด้วย โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากสหรัฐอเมริกา ยุโรปและญี่ปุ่นที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวที่จังหวัดภูเก็ต คาดว่าจะมีจำนวนลดลง
ประการที่ 3 จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ทำให้ประชาชนระมัดระวังในการใช้จ่าย มากขึ้น ซึ่งอาจจะทำให้ภาคการค้ารถยนต์และรถจักรยานยนต์ที่ขยายตัวได้ดีในช่วง 9 เดือนแรกชะลอตัวลง แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยการเช่าซื้อจะอยู่ในระดับต่ำ และมีการส่งเสริมการขายโดยการดาวน์ต่ำผ่อนนานก็ตาม
อย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของสถาบันการเงินที่ยังอยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะเงินกู้เพื่อที่อยู่อาศัยยังคงเป็นปัจจัยบวกต่อการขยายตัวของการก่อสร้างที่อยู่อาศัย รวมทั้งนโยบายขาดดุล งบประมาณ 200,000 ล้านบาทของปีงบประมาณ 2545 ซึ่งจะเริ่มใช้ในเดือนตุลาคม 2544 เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และการส่งออกอาหารทะเลกระป๋องที่มีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากสามารถกักตุนเพื่อบริโภคในภาวะสงครามได้อย่างสะดวก ประกอบกับราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มปรับตัวลงจากการชะลอตัวของความต้องการน้ำมันในตลาดโลก จะส่งผลให้เศรษฐกิจภาคใต้ชะลอตัวลงไม่มากนัก และทำให้อัตราเงินเฟ้อขยายตัวไม่สูงนัก
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-