บทวิทยุรายการทิศทางการส่งออกและลงทุน
ออกอากาศวันพุธที่ 19 กันยายน 2544
ตอน การส่งออกไม้ตัดดอกไปญี่ปุ่น
(นานาสาระ. กท.ธ )
คุณผู้ฟังคะ ปัจจุบันอุตสาหกรรมไม้ตัดดอกของญี่ปุ่นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีการปลูกไม้ตัดดอกเองแต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ทำให้ต้องนำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ ไทย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ สำหรับผู้ส่งออกไทยที่ต้องการส่งไม้ตัดดอกไปญี่ปุ่นจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการกักกันพืชอย่างเคร่งครัดดังนี้ค่ะ 1. ญี่ปุ่นห้ามนำเข้าไม้ตัดดอกที่เป็นโรคพืชหรือมีแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น เพลี้ย รวมทั้งที่มีดินปะปนหรือบรรจุในหีบห่อที่ทำจากวัสดุต้องห้าม เช่น ฟางข้าว 2. ต้องมีใบรับรองปลอดศัตรูพืชจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยก่อนการส่งออก 3. ต้องผ่านการตรวจสอบก่อนนำเข้า ถ้าเจ้าหน้าที่พบว่าไม้ตัดดอกเป็นโรคพืชหรือมีแมลงระบาด จะกำจัดโดยการรมควัน แต่ถ้าไม่สามารถกำจัดได้จะส่งกลับคืนประเทศผู้ส่งออก และห้ามนำเข้าไปในประเทศญี่ปุ่นเด็ดขาด ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดทั้งหมด ฉะนั้น ผู้ส่งออกควรตรวจสอบสินค้าอย่างเข้มงวดก่อนส่งออก รวมทั้งมีใบรับรองที่ถูกต้อง เพื่อรักษาตลาดในญี่ปุ่นไว้และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาค่ะ
สนใจบทวิทยุระบุตอนที่ต้องการ พร้อมสถานีที่รับฟัง ส่งมายังรายการทิศทางการส่งออกและลงทุน โทรสาร 0-2691-4897 หรือ www.exim.go.th
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-
ออกอากาศวันพุธที่ 19 กันยายน 2544
ตอน การส่งออกไม้ตัดดอกไปญี่ปุ่น
(นานาสาระ. กท.ธ )
คุณผู้ฟังคะ ปัจจุบันอุตสาหกรรมไม้ตัดดอกของญี่ปุ่นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากเนเธอร์แลนด์และสหรัฐอเมริกา แม้ว่าญี่ปุ่นจะมีการปลูกไม้ตัดดอกเองแต่ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ ทำให้ต้องนำเข้าจากเนเธอร์แลนด์ ไทย นิวซีแลนด์ ไต้หวัน และเกาหลีใต้ สำหรับผู้ส่งออกไทยที่ต้องการส่งไม้ตัดดอกไปญี่ปุ่นจะต้องปฏิบัติตามกฎหมายว่าด้วยการกักกันพืชอย่างเคร่งครัดดังนี้ค่ะ 1. ญี่ปุ่นห้ามนำเข้าไม้ตัดดอกที่เป็นโรคพืชหรือมีแมลงศัตรูพืชระบาด เช่น เพลี้ย รวมทั้งที่มีดินปะปนหรือบรรจุในหีบห่อที่ทำจากวัสดุต้องห้าม เช่น ฟางข้าว 2. ต้องมีใบรับรองปลอดศัตรูพืชจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยก่อนการส่งออก 3. ต้องผ่านการตรวจสอบก่อนนำเข้า ถ้าเจ้าหน้าที่พบว่าไม้ตัดดอกเป็นโรคพืชหรือมีแมลงระบาด จะกำจัดโดยการรมควัน แต่ถ้าไม่สามารถกำจัดได้จะส่งกลับคืนประเทศผู้ส่งออก และห้ามนำเข้าไปในประเทศญี่ปุ่นเด็ดขาด ซึ่งผู้นำเข้าจะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการกำจัดทั้งหมด ฉะนั้น ผู้ส่งออกควรตรวจสอบสินค้าอย่างเข้มงวดก่อนส่งออก รวมทั้งมีใบรับรองที่ถูกต้อง เพื่อรักษาตลาดในญี่ปุ่นไว้และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาอื่นๆ ตามมาค่ะ
สนใจบทวิทยุระบุตอนที่ต้องการ พร้อมสถานีที่รับฟัง ส่งมายังรายการทิศทางการส่งออกและลงทุน โทรสาร 0-2691-4897 หรือ www.exim.go.th
--ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย--
-อน-