ภาพรวมอุตสาหกรรม
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและย่อม อีกทั้งพลาสติกยังเป็นอุตสาหกรรมเชื่อมต่อระหว่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ป้อนวัตถุดิบให้การผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งผลิตต่อเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกรูปแบบต่างๆ กับอุตสาหกรรมต่อเนื่องนานาประเภท อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย รองเท้า วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องเขียน ของเล่น เครื่องกีฬา บรรจุภัณฑ์ อาหารแปรรูป ฯลฯ ที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นวัตถุดิบ กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นส่วนประกอบการผลิต แต่อย่างไรก็ดีในช่วงปี 2547 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกกลับประสบปัญหาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ นโยบายจัดเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง ราคาเม็ดพลาสติกที่สูงขึ้น ส่งกระทบทางด้านลบต่อ อุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก และอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของในอุตสาหกรรมลดลงได้
การตลาด
การส่งออก
ปี 2547 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1560.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.95 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สหราชอาณาจักร กลุ่มประเทศในอาเชียน และออสเตรเลีย ผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์ และแถบ ถุงและกระสอบพลาสติก และพลาสติกปูพื้นและผนัง ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 30.38 23.96 และ 2.65 เมื่อเทียบกับปี 2546 พบว่าผลิตภัณฑ์หลักซึ่งมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 3 ลำดับแรกได้แก่ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ หลอดและท่อพลาสติก และกล่องหีบที่ทำด้วยพลาสติก โดยมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.36 25.66 และ 23.8 ตามลำดับ
การนำเข้า
ปี 2547 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 1,956.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.90 เมื่อเทียบกับปีก่อน แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และกลุ่มอาเซียน สำหรับผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด คือ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก ถุง กล่องและกระสอบพลาสติก หลอดและท่อพลาสติก โดยมีสัดส่วนนำเข้าร้อยละ 34.84 12.17 และ 4.05 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2546 ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 3 ลำดับแรกได้แก่ ถุง กล่องและกระสอบพลาสติก เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งในบ้าน และหลอดและท่อพลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.54 21.36 และ 18.49 ตามลำดับ
แนวโน้ม
ปี 2548 คาดว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกจะยังคงเผชิญสภาวะการแข่งขันในตลาดโลกที่ รุนแรง โดยเฉพาะจากคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างจีน ที่กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกเชิงรุกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งจากประเทศกลุ่มอาเซียน เช่น มาเลเซียและ เวียดนาม ดังนั้นผู้ผลิตของไทยควรดำเนินกลยุทธ์ในเชิงรุกอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ควรปรับปรุงสินค้าตลอดจนกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ ๆ ของประเทศผู้นำเข้าอีกด้วย เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-
อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สำคัญยิ่งต่อเศรษฐกิจไทย เนื่องจากเป็นอุตสาหกรรมสร้างมูลค่าเพิ่มให้ระบบเศรษฐกิจประเทศปีละหลายหมื่นล้านบาท อีกทั้งยังเกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจขนาดกลางและย่อม อีกทั้งพลาสติกยังเป็นอุตสาหกรรมเชื่อมต่อระหว่างอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ป้อนวัตถุดิบให้การผลิตเม็ดพลาสติก ซึ่งผลิตต่อเป็นผลิตภัณฑ์พลาสติกรูปแบบต่างๆ กับอุตสาหกรรมต่อเนื่องนานาประเภท อาทิ อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ เครื่องแต่งกาย รองเท้า วัสดุก่อสร้าง เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้สำนักงาน เครื่องเขียน ของเล่น เครื่องกีฬา บรรจุภัณฑ์ อาหารแปรรูป ฯลฯ ที่ต้องใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกเป็นวัตถุดิบ กึ่งสำเร็จรูปหรือเป็นส่วนประกอบการผลิต แต่อย่างไรก็ดีในช่วงปี 2547 ที่ผ่านมาผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกกลับประสบปัญหาต่างๆ อย่างต่อเนื่อง เริ่มตั้งแต่ นโยบายจัดเก็บภาษีบรรจุภัณฑ์ ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่เพิ่มขี้นอย่างต่อเนื่อง ราคาเม็ดพลาสติกที่สูงขึ้น ส่งกระทบทางด้านลบต่อ อุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก และอาจทำให้ความสามารถในการแข่งขันของในอุตสาหกรรมลดลงได้
การตลาด
การส่งออก
ปี 2547 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการส่งออกประมาณ 1560.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเพิ่มขึ้น ร้อยละ 19.95 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ตลาดส่งออกที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา ฮ่องกง สหราชอาณาจักร กลุ่มประเทศในอาเชียน และออสเตรเลีย ผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่าส่งออกสูงสุด 3 ลำดับแรกได้แก่ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์ และแถบ ถุงและกระสอบพลาสติก และพลาสติกปูพื้นและผนัง ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 30.38 23.96 และ 2.65 เมื่อเทียบกับปี 2546 พบว่าผลิตภัณฑ์หลักซึ่งมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 3 ลำดับแรกได้แก่ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบ หลอดและท่อพลาสติก และกล่องหีบที่ทำด้วยพลาสติก โดยมีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นร้อยละ 37.36 25.66 และ 23.8 ตามลำดับ
การนำเข้า
ปี 2547 ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีมูลค่าการนำเข้าประมาณ 1,956.25 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.90 เมื่อเทียบกับปีก่อน แหล่งนำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา จีน เกาหลีใต้ และกลุ่มอาเซียน สำหรับผลิตภัณฑ์หลักที่มีมูลค่านำเข้าสูงสุด คือ แผ่นฟิล์ม ฟอยล์และแถบพลาสติก ถุง กล่องและกระสอบพลาสติก หลอดและท่อพลาสติก โดยมีสัดส่วนนำเข้าร้อยละ 34.84 12.17 และ 4.05 ตามลำดับ เมื่อเทียบกับปี 2546 ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น 3 ลำดับแรกได้แก่ ถุง กล่องและกระสอบพลาสติก เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งในบ้าน และหลอดและท่อพลาสติกเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.54 21.36 และ 18.49 ตามลำดับ
แนวโน้ม
ปี 2548 คาดว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกจะยังคงเผชิญสภาวะการแข่งขันในตลาดโลกที่ รุนแรง โดยเฉพาะจากคู่แข่งที่น่ากลัวอย่างจีน ที่กำลังพัฒนาอุตสาหกรรมพลาสติกเชิงรุกอย่างรวดเร็ว รวมทั้งจากประเทศกลุ่มอาเซียน เช่น มาเลเซียและ เวียดนาม ดังนั้นผู้ผลิตของไทยควรดำเนินกลยุทธ์ในเชิงรุกอย่างเร่งด่วน นอกจากนี้ควรปรับปรุงสินค้าตลอดจนกระบวนการผลิตให้สอดคล้องกับกฎระเบียบใหม่ ๆ ของประเทศผู้นำเข้าอีกด้วย เพื่อเพิ่มศักยภาพการส่งออกผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยและสามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก
--สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม--
-พห-