กรุงเทพ--13 ม.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
ตามที่ประเทศไทยได้ลงนามและให้สัตยาบันอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 และ 27 พฤศจิกายน 2541 ตามลำดับ นั้น ภายใต้อนุสัญญาฯ ดังกล่าว ไทยมีพันธกรณีที่จะไม่ใช้ สะสม ผลิต โอน ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล จะต้องทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในคลังให้หมดภายใน 4 ปี (สามารถเก็บไว้ได้จำนวนต่ำสุดจำนวนหนึ่งเพื่อการศึกษาวิจัยและการฝึกอบรม) และจะต้องเก็บกู้ทำลายทุ่นระเบิดในพื้นที่ให้หมดสิ้นไปภายในเวลา 10 ปีภายหลังจากอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ต่อไทย
เพื่อเป็นการรองรับการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 151/2541 แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินงานเรื่องทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งมีปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน และประกอบด้วยหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร และรายงานตรงต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
ต่อมา คณะกรรมการเพื่อดำเนินงานเรื่องทุ่นระเบิดสังหารบุคคลได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานหลักด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดของไทย ซึ่งครอบคลุมทั้ง การเก็บกู้ทำลายทุ่นระเบิด การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุ่นระเบิด การแจ้งเตือนภัยให้ความรู้ด้านปัญหาทุ่นระเบิด และการฟื้นฟูพื้นที่ทุ่นระเบิดเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยแจ้งว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ตกลงที่จะจัดสรรงบประมาณจำนวน 300,000 ปอนด์ให้แก่โครงการจัดทำการสำรวจระดับ 1 (Level 1 Survey) ของไทย โดยจะจัดสรรให้ประมาณเดือนเมษายน 2543 ทั้งนี้ การสำรวจระดับ 1 จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ในการนำข้อมูลต่าง ๆ มาจัดทำเป็นฐานข้อมูลระดับชาติเกี่ยวกับปัญหาทุ่นระเบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีต่อ ประชาชนอันเกิดจากปัญหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการทุ่นระเบิดของประเทศไทยต่อไป--จบ--
ตามที่ประเทศไทยได้ลงนามและให้สัตยาบันอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลหรืออนุสัญญาออตตาวาเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2540 และ 27 พฤศจิกายน 2541 ตามลำดับ นั้น ภายใต้อนุสัญญาฯ ดังกล่าว ไทยมีพันธกรณีที่จะไม่ใช้ สะสม ผลิต โอน ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล จะต้องทำลายทุ่นระเบิดสังหารบุคคลในคลังให้หมดภายใน 4 ปี (สามารถเก็บไว้ได้จำนวนต่ำสุดจำนวนหนึ่งเพื่อการศึกษาวิจัยและการฝึกอบรม) และจะต้องเก็บกู้ทำลายทุ่นระเบิดในพื้นที่ให้หมดสิ้นไปภายในเวลา 10 ปีภายหลังจากอนุสัญญาฯ มีผลบังคับใช้ต่อไทย
เพื่อเป็นการรองรับการปฏิบัติตามอนุสัญญาฯ ฯพณฯ นายชวน หลีกภัย นายกรัฐมนตรีได้มีคำสั่งที่ 151/2541 แต่งตั้งคณะกรรมการเพื่อดำเนินงานเรื่องทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งมีปลัดกระทรวงกลาโหมเป็นประธาน และประกอบด้วยหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องทั้งฝ่ายพลเรือนและฝ่ายทหาร และรายงานตรงต่อ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี
ต่อมา คณะกรรมการเพื่อดำเนินงานเรื่องทุ่นระเบิดสังหารบุคคลได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ขึ้นเพื่อเป็นหน่วยงานหลักด้านปฏิบัติการทุ่นระเบิดของไทย ซึ่งครอบคลุมทั้ง การเก็บกู้ทำลายทุ่นระเบิด การให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทุ่นระเบิด การแจ้งเตือนภัยให้ความรู้ด้านปัญหาทุ่นระเบิด และการฟื้นฟูพื้นที่ทุ่นระเบิดเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ด้านการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม
ในการนี้ กระทรวงการต่างประเทศได้รับหนังสือจากสถานเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักรประจำประเทศไทยแจ้งว่ารัฐบาลสหราชอาณาจักรได้ตกลงที่จะจัดสรรงบประมาณจำนวน 300,000 ปอนด์ให้แก่โครงการจัดทำการสำรวจระดับ 1 (Level 1 Survey) ของไทย โดยจะจัดสรรให้ประมาณเดือนเมษายน 2543 ทั้งนี้ การสำรวจระดับ 1 จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยและศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ (ศทช.) ในการนำข้อมูลต่าง ๆ มาจัดทำเป็นฐานข้อมูลระดับชาติเกี่ยวกับปัญหาทุ่นระเบิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคมที่มีต่อ ประชาชนอันเกิดจากปัญหาทุ่นระเบิดสังหารบุคคล และนำข้อมูลดังกล่าวมาจัดทำเป็นแผนปฏิบัติการทุ่นระเบิดของประเทศไทยต่อไป--จบ--