นายราเชนทร์ พจนสุนทร อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ (คต.) เปิดเผยว่า หลังจากการค้าสิ่งทอของโลกเปิดเสรีเป็นเวลา 3 เดือนแล้ว ปรากฏว่า ทั้งสหรัฐอเมริกา และสหภาพยุโรปซึ่งเป็นตลาดหลักในการนำเข้าสินค้าสิ่งทอ ได้มียอดการนำเข้าสินค้าสิ่งทอจากจีนเป็นปริมาณที่สูงมาก จนทำให้สหรัฐฯประกาศจะเริ่มไต่สวนเพื่อใช้มาตรการปกป้องตลาด (Safeguard Measures) กับสินค้าสิ่งทอที่มีแหล่งกำเนิดจากจีน 6 รายการ ซึ่งได้แก่ เสื้อยืดผ้าฝ้ายสตรีและบุรุษ กางเกงผ้าฝ้ายสตรีและบุรุษ และชุดชั้นในสตรีผ้าฝ้ายและผ้าใยประดิษฐ์ เนื่องจากสหรัฐฯ เห็นว่า การนำเข้าสินค้าดังกล่าวก่อให้เกิดความเสียหายกับตลาดของสหรัฐฯ สำหรับ สหภาพยุโรปก็ได้ประกาศไต่สวนเพื่อใช้มาตรการปกป้องสินค้าสิ่งทอจากจีน 12 รายการ เช่น เสื้อทีเชิ้ต เสื้อเจอร์ซี่และพูลโอเวอร์ กางเกง เสื้อสตรี เสื้อโอเวอร์โค้ตสตรี ชุดสตรี ชุดชั้นในสตรี ถุงน่องและถุงเท้า เสื้อสูท เสื้อแจ็กเก็ตบุรุษ เป็นต้น เนื่องจากการนำเข้าสินค้าดังกล่าวจากจีนเพิ่มสูงขึ้นในปริมาณที่สูงมาก แต่ราคาสินค้ากลับลดลงจากเดิมอย่างมาก
จากการที่สหรัฐฯและสหภาพยุโรปนำมาตรการดังกล่าวมาใช้กับจีนจึงเป็นผลดีต่อผู้ผลิตและส่งออกของไทยที่จะมีโอกาสมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าดังกล่าวในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ขณะเดียวกัน กรมการค้าต่างประเทศก็ได้เตรียมการป้องกันปัญหาการแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้า (Circumvention) สิ่งทอจากจีนผ่านประเทศไทย จึงได้กำหนดมาตรการเพื่อกำกับดูแลการผลิตและการส่งออกสิ่งทอ ในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวและสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยจะดำเนินการ ดังนี้
กรณีของสหรัฐฯ
เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดให้รัฐบาลไทยต้องออกเอกสารรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอส่งไปสหรัฐฯ กรมการค้าต่างประเทศจึงกำหนดให้ผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มมาขึ้นทะเบียนกับกรมฯ ด้วยความสมัครใจ ซึ่งผู้ส่งออกดังกล่าวจะได้รับประโยชน์กรณีที่เกิดปัญหาที่สหรัฐฯ มีข้อสงสัยต้องการให้พิสูจน์แหล่งกำเนิด ทางกรมฯ ก็จะมีข้อมูลพร้อมที่จะชี้แจงให้สหรัฐฯได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว และกรมฯ จะนำรายชื่อผู้ส่งออกที่ขึ้นทะเบียนเผยแพร่ทาง Website ของกรมฯ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการจะประกอบธุรกิจด้วยและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป
กรณีของสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรป ได้กำหนดให้ผู้ส่งออกต้องขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอ (C/O Textile) จากกรมฯ ไปแสดงประกอบการนำเข้าทุกครั้ง และกรมฯได้กำหนดมาตรการให้ผู้ส่งออกต้องแสดงเอกสาร การส่งออก. การส่งออกหลังจากที่ได้รับหนังสือรับรองฯ เพื่อให้กรมฯ ตรวจสอบว่ามีการส่งออกจากไทยจริงหรือไม่ หากตรวจพบว่ามีการส่งออกที่ไม่ถูกต้องหรือแสดงเอกสารที่เป็นเท็จ กรมฯ จะดำเนินการระงับหนังสือ รับรองฯ และดำเนินคดีอาญากับผู้ส่งออกดังกล่าว
นอกจากนี้ กรมฯ จะได้ประสานและขอความร่วมมือจากกรมศุลกากรในการตรวจสอบ และแจ้งข้อมูลกรณีที่มีการนำเข้าสินค้าสิ่งทอและส่งออกไปสหรัฐฯและสหภาพยุโรปในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง เช่น การถ่ายลำเรือ (Transshipment) และการนำเข้าแล้วส่งต่อ (Re-export) เพื่อกรมฯ จะได้ประสานกับหน่วยงานศุลกากรของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตรวจสอบการนำเข้าต่อไป
ขณะนี้ กรมฯ กำลังจัดทำระบบสอบทานแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อรองรับการขยายเขตการค้าเสรี(Rule of Origin Auditing Systems) เพื่อใช้สอบทานแหล่งกำเนิดสินค้าที่ถูกต้อง โดยจะพัฒนาระบบข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบแหล่งกำเนิด เช่น ข้อมูลการใช้วัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต จำนวนคนงานและเครื่องจักร กำลังการผลิต รวมทั้งข้อมูลการส่งออกและข้อมูลการออกหนังสือรับรองฯ และจะมีระบบเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นแหล่งที่มาของข้อมูล เพื่อตรวจสอบความถูกต้องที่แท้จริงของข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ
ไทยส่งสินค้าสิ่งทอไปสหรัฐฯ เดือน มกราคม — มีนาคม 2548 มูลค่า 465.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ประมาณ 17,950.3 ล้านบาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 9.2 ส่งไปสหภาพยุโรป มูลค่า 283.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 10,916.4 ล้านบาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 1.8
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-
จากการที่สหรัฐฯและสหภาพยุโรปนำมาตรการดังกล่าวมาใช้กับจีนจึงเป็นผลดีต่อผู้ผลิตและส่งออกของไทยที่จะมีโอกาสมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นสำหรับสินค้าดังกล่าวในสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ขณะเดียวกัน กรมการค้าต่างประเทศก็ได้เตรียมการป้องกันปัญหาการแอบอ้างแหล่งกำเนิดสินค้า (Circumvention) สิ่งทอจากจีนผ่านประเทศไทย จึงได้กำหนดมาตรการเพื่อกำกับดูแลการผลิตและการส่งออกสิ่งทอ ในการป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาดังกล่าวและสร้างความมั่นใจแก่ผู้ซื้อในต่างประเทศ โดยจะดำเนินการ ดังนี้
กรณีของสหรัฐฯ
เนื่องจากสหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดให้รัฐบาลไทยต้องออกเอกสารรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอส่งไปสหรัฐฯ กรมการค้าต่างประเทศจึงกำหนดให้ผู้ส่งออกเครื่องนุ่งห่มมาขึ้นทะเบียนกับกรมฯ ด้วยความสมัครใจ ซึ่งผู้ส่งออกดังกล่าวจะได้รับประโยชน์กรณีที่เกิดปัญหาที่สหรัฐฯ มีข้อสงสัยต้องการให้พิสูจน์แหล่งกำเนิด ทางกรมฯ ก็จะมีข้อมูลพร้อมที่จะชี้แจงให้สหรัฐฯได้ด้วยความสะดวกและรวดเร็ว และกรมฯ จะนำรายชื่อผู้ส่งออกที่ขึ้นทะเบียนเผยแพร่ทาง Website ของกรมฯ เพื่อให้ผู้ที่ต้องการจะประกอบธุรกิจด้วยและผู้ที่เกี่ยวข้องได้ทราบต่อไป
กรณีของสหภาพยุโรป
สหภาพยุโรป ได้กำหนดให้ผู้ส่งออกต้องขอหนังสือรับรองแหล่งกำเนิดสินค้าสิ่งทอ (C/O Textile) จากกรมฯ ไปแสดงประกอบการนำเข้าทุกครั้ง และกรมฯได้กำหนดมาตรการให้ผู้ส่งออกต้องแสดงเอกสาร การส่งออก. การส่งออกหลังจากที่ได้รับหนังสือรับรองฯ เพื่อให้กรมฯ ตรวจสอบว่ามีการส่งออกจากไทยจริงหรือไม่ หากตรวจพบว่ามีการส่งออกที่ไม่ถูกต้องหรือแสดงเอกสารที่เป็นเท็จ กรมฯ จะดำเนินการระงับหนังสือ รับรองฯ และดำเนินคดีอาญากับผู้ส่งออกดังกล่าว
นอกจากนี้ กรมฯ จะได้ประสานและขอความร่วมมือจากกรมศุลกากรในการตรวจสอบ และแจ้งข้อมูลกรณีที่มีการนำเข้าสินค้าสิ่งทอและส่งออกไปสหรัฐฯและสหภาพยุโรปในลักษณะที่ไม่ถูกต้อง เช่น การถ่ายลำเรือ (Transshipment) และการนำเข้าแล้วส่งต่อ (Re-export) เพื่อกรมฯ จะได้ประสานกับหน่วยงานศุลกากรของสหรัฐฯ และสหภาพยุโรป เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาตรวจสอบการนำเข้าต่อไป
ขณะนี้ กรมฯ กำลังจัดทำระบบสอบทานแหล่งกำเนิดสินค้าเพื่อรองรับการขยายเขตการค้าเสรี(Rule of Origin Auditing Systems) เพื่อใช้สอบทานแหล่งกำเนิดสินค้าที่ถูกต้อง โดยจะพัฒนาระบบข้อมูลที่ใช้ในการตรวจสอบแหล่งกำเนิด เช่น ข้อมูลการใช้วัตถุดิบ ขั้นตอนการผลิต จำนวนคนงานและเครื่องจักร กำลังการผลิต รวมทั้งข้อมูลการส่งออกและข้อมูลการออกหนังสือรับรองฯ และจะมีระบบเชื่อมโยงกับฐานข้อมูลของหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นแหล่งที่มาของข้อมูล เพื่อตรวจสอบความถูกต้องที่แท้จริงของข้อมูลได้โดยอัตโนมัติ
ไทยส่งสินค้าสิ่งทอไปสหรัฐฯ เดือน มกราคม — มีนาคม 2548 มูลค่า 465.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ประมาณ 17,950.3 ล้านบาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 9.2 ส่งไปสหภาพยุโรป มูลค่า 283.4 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 10,916.4 ล้านบาท สูงขึ้นจากระยะเดียวกันของปี 2547 ร้อยละ 1.8
--กรมการค้าระหว่างประเทศ--
-สส-