กรุงเทพฯ--12 ต.ค.--กระทรวงการต่างประเทศ
วันนี้ (10 ตุลาคม 2544) นายรัฐกิจ มานะทัต อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการ ต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการดูแลคนไทยในต่างประเทศภายหลังการปฏิบัติการทางทหารในอัฟกานิสถานเมื่อ 7 ตุลาคม 2544 สรุปประเด็นสำคัญดังนี้
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอิสลามาบัด รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 จนถึงขณะนี้ สถานการณ์ทั่วไปในกรุงอิสลามาบัดและเมืองราวัลปินดี ไม่ปรากฎมีการรวมตัวประท้วงขนาดใหญ่ ในขณะที่ การประท้วงในเมือง Quetta มีความรุนแรงกว่า ซึ่งมีประชาชนชาวปากีสถานรวมตัวกันประมาณ 2,000 คน เมืองการาจีมีผู้ประท้วงประมาณ 1,000 คน และเมือง Pechawar มีจำนวนผู้ประท้วงประมาณ 1,000 คน โดยลักษณะการประท้วงดังกล่าวเป็นการประท้วงการปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกาในอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตาม เอกอัครราชทูตไทยและคณะทูตประจำปากีสถานได้มีการประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และมีความเห็นตรงกันว่า ทางการปากีสถานจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ มีการออกตรวจตรารักษาความปลอดภัยของทหารและตำรวจในกรุงอิสลามาบัดอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะสถานที่สำคัญและย่านที่ตั้งของสถานทูต และมีการปิดกั้นถนนเพื่อจำกัดบริเวณและขอบเขตของการชุมนุมประท้วง ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 ได้แจ้งย้ำนักศึกษาไทยส่วนใหญ่ในปากีสถานให้หลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้บริเวณที่มีการประท้วง ตลอดจนการไปสังเกตการประท้วง และให้เพิ่มความระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง
ในประเด็นการเคลื่อนย้ายคนไทยจากปากีสถานกลับประเทศไทยนั้น สถานเอกอัคร ราชทูตฯ รายงานว่าขณะนี้ อยู่ในระหว่างการวิเคราะห์สถานการณ์โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ประกอบ อาทิ การสอบถามข้อมูลและความคิดเห็นของคณะทูตที่ประจำอยู่ที่ปากีสถาน การประเมินสถานการณ์ความรุนแรงโดยมีการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศโดยใกล้ชิด และการสอบถามความสมัครใจของนักศึกษาไทยที่มีบางรายได้แสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับแล้วในขณะนี้ ทั้งนี้ หากผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่ปากีสถานในขณะนี้ ก็สามารถเดินทางกลับประเทศไทยก่อนได้ ซึ่งถ้าเกิดมีความจำเป็น ที่ต้องเคลื่อนย้ายคนไทยกลับประเทศก็จะสามารถดำเนินการช่วยเหลือแก่ผู้ที่เหลือในปากีสถานได้อย่าง เต็มที่
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Pervez Musharaf ได้แถลงยืนยันเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2544ว่า รัฐบาลปากีสถานสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และไม่มีความจำเป็นที่ชาวต่างชาติต้องอพยพออกจากปากีสถานในขณะนี้
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานว่า สนามบินในกรุงอิสลามาบัด เมืองละฮอร์ และ การาจี ยังเปิดทำการตามปกติ ขณะนี้ยังคงเหลือสายการบินที่ยังคงทำการบินอยู่คือ สายการบินแห่งชาติปากีสถาน (PIA) สายการบิน Emirates และ สายการบิน Gulf Air ขณะที่มีเพียงสายการบิน (PIA) ที่มีเส้นทางบินกรุงอิสลามาบัด-กรุงเทพ โดยออกสัปดาห์ละครั้งทุกวันอังคาร
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในเมืองการาจี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 ความรุนแรงของเหตุการณ์ประท้วงได้ลดลงจากวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ประท้วงประมาณ 1,000 คน น้อยลงเกือบ หนึ่งเท่า โดยที่ทางการปากีสถาน มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย และมีกำลังทหาร และตำรวจประจำอยู่ตามจุดสำคัญ และในส่วนของการจัดการกับผู้ประท้วงนั้น ทางการปากีสถานได้ใช้มาตรการควบคุมผู้ประท้วงให้มีการกระจายการประท้วงในกลุ่มย่อยๆ หลายกลุ่ม หลายพื้นที่ และ ในชั้นนี้ กงสุลใหญ่ ณ เมืองการาจี เชื่อว่ารัฐบาลปากีสถานสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
สำหรับการบินไทยที่มีการบินเที่ยวสุดท้ายจากเมืองการาจี ไปยังกรุงเทพ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่การบินไทยที่ประจำอยู่ ณ เมืองการาจีจำนวน 4 คนเดินทางกลับไปด้วย พร้อมทั้งคนงานไทยที่ทำงานในร้านอาหารอีก 2 คน และนักเรียนไทยอีกจำนวน 4 คน ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองการาจี ได้มีการประสานกับคนไทยที่ยังเหลืออยู่ในเมืองการาจี และบริเวณใกล้เคียงอย่างใกล้ชิด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
วันนี้ (10 ตุลาคม 2544) นายรัฐกิจ มานะทัต อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการ ต่างประเทศได้แถลงข่าวต่อสื่อมวลชนถึงการดูแลคนไทยในต่างประเทศภายหลังการปฏิบัติการทางทหารในอัฟกานิสถานเมื่อ 7 ตุลาคม 2544 สรุปประเด็นสำคัญดังนี้
สถานเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงอิสลามาบัด รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 จนถึงขณะนี้ สถานการณ์ทั่วไปในกรุงอิสลามาบัดและเมืองราวัลปินดี ไม่ปรากฎมีการรวมตัวประท้วงขนาดใหญ่ ในขณะที่ การประท้วงในเมือง Quetta มีความรุนแรงกว่า ซึ่งมีประชาชนชาวปากีสถานรวมตัวกันประมาณ 2,000 คน เมืองการาจีมีผู้ประท้วงประมาณ 1,000 คน และเมือง Pechawar มีจำนวนผู้ประท้วงประมาณ 1,000 คน โดยลักษณะการประท้วงดังกล่าวเป็นการประท้วงการปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐอเมริกาในอัฟกานิสถาน อย่างไรก็ตาม เอกอัครราชทูตไทยและคณะทูตประจำปากีสถานได้มีการประชุมหารือเพื่อประเมินสถานการณ์และมีความเห็นตรงกันว่า ทางการปากีสถานจะสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้ มีการออกตรวจตรารักษาความปลอดภัยของทหารและตำรวจในกรุงอิสลามาบัดอย่างหนาแน่น โดยเฉพาะสถานที่สำคัญและย่านที่ตั้งของสถานทูต และมีการปิดกั้นถนนเพื่อจำกัดบริเวณและขอบเขตของการชุมนุมประท้วง ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานว่า เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 ได้แจ้งย้ำนักศึกษาไทยส่วนใหญ่ในปากีสถานให้หลีกเลี่ยงที่จะเข้าใกล้บริเวณที่มีการประท้วง ตลอดจนการไปสังเกตการประท้วง และให้เพิ่มความระมัดระวังความปลอดภัยของตนเอง
ในประเด็นการเคลื่อนย้ายคนไทยจากปากีสถานกลับประเทศไทยนั้น สถานเอกอัคร ราชทูตฯ รายงานว่าขณะนี้ อยู่ในระหว่างการวิเคราะห์สถานการณ์โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ ประกอบ อาทิ การสอบถามข้อมูลและความคิดเห็นของคณะทูตที่ประจำอยู่ที่ปากีสถาน การประเมินสถานการณ์ความรุนแรงโดยมีการประสานกับกระทรวงการต่างประเทศโดยใกล้ชิด และการสอบถามความสมัครใจของนักศึกษาไทยที่มีบางรายได้แสดงความประสงค์ขอเดินทางกลับแล้วในขณะนี้ ทั้งนี้ หากผู้ที่ไม่มีความจำเป็นต้องอยู่ที่ปากีสถานในขณะนี้ ก็สามารถเดินทางกลับประเทศไทยก่อนได้ ซึ่งถ้าเกิดมีความจำเป็น ที่ต้องเคลื่อนย้ายคนไทยกลับประเทศก็จะสามารถดำเนินการช่วยเหลือแก่ผู้ที่เหลือในปากีสถานได้อย่าง เต็มที่
ทั้งนี้ ประธานาธิบดี Pervez Musharaf ได้แถลงยืนยันเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2544ว่า รัฐบาลปากีสถานสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และไม่มีความจำเป็นที่ชาวต่างชาติต้องอพยพออกจากปากีสถานในขณะนี้
อนึ่ง สถานเอกอัครราชทูตฯ รายงานว่า สนามบินในกรุงอิสลามาบัด เมืองละฮอร์ และ การาจี ยังเปิดทำการตามปกติ ขณะนี้ยังคงเหลือสายการบินที่ยังคงทำการบินอยู่คือ สายการบินแห่งชาติปากีสถาน (PIA) สายการบิน Emirates และ สายการบิน Gulf Air ขณะที่มีเพียงสายการบิน (PIA) ที่มีเส้นทางบินกรุงอิสลามาบัด-กรุงเทพ โดยออกสัปดาห์ละครั้งทุกวันอังคาร
สำหรับสถานการณ์ทั่วไปในเมืองการาจี เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 ความรุนแรงของเหตุการณ์ประท้วงได้ลดลงจากวันที่ 8 ตุลาคม ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้ประท้วงประมาณ 1,000 คน น้อยลงเกือบ หนึ่งเท่า โดยที่ทางการปากีสถาน มีมาตรการเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัย และมีกำลังทหาร และตำรวจประจำอยู่ตามจุดสำคัญ และในส่วนของการจัดการกับผู้ประท้วงนั้น ทางการปากีสถานได้ใช้มาตรการควบคุมผู้ประท้วงให้มีการกระจายการประท้วงในกลุ่มย่อยๆ หลายกลุ่ม หลายพื้นที่ และ ในชั้นนี้ กงสุลใหญ่ ณ เมืองการาจี เชื่อว่ารัฐบาลปากีสถานสามารถควบคุมสถานการณ์ได้
สำหรับการบินไทยที่มีการบินเที่ยวสุดท้ายจากเมืองการาจี ไปยังกรุงเทพ เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2544 นั้น ได้มีเจ้าหน้าที่การบินไทยที่ประจำอยู่ ณ เมืองการาจีจำนวน 4 คนเดินทางกลับไปด้วย พร้อมทั้งคนงานไทยที่ทำงานในร้านอาหารอีก 2 คน และนักเรียนไทยอีกจำนวน 4 คน ซึ่งสถานกงสุลใหญ่ ณ เมืองการาจี ได้มีการประสานกับคนไทยที่ยังเหลืออยู่ในเมืองการาจี และบริเวณใกล้เคียงอย่างใกล้ชิด
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-