กระเทียม : ราคากระเทียมมีแนวโน้มต่ำลง
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ติดตามสถานการณ์กระเทียมฤดูกาลผลิต ปี 2543/44 มีผลผลิต 131,453 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 4.23 ในขณะที่ราคากระเทียมแห้งที่เกษตรกรขายได้เดือนมกราคม 2544 กิโลกรัมละ 24.26 บาท ลดลงจากปี 2543 ในช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 34 เนื่องจากราคากระเทียมปีที่ผ่านมาดี ทำให้เกษตรกรส่วนหนึ่งขยายพื้นที่เพาะปลูก จากปัญหากระเทียมลักลอบในต้นฤดูกาลเพาะปลูกเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับยังมีกระเทียมเก่าที่ค้างอยู่ในสต็อกของพ่อค้า ทำให้ราคากระเทียมในฤดูกาลเพาะปลูกปีนี้มีแนวโน้มต่ำลง ขณะนี้ราคากระเทียมสดเกรดคละในช่วงวันที่ 9-13 กุมภาพันธ์ 2544 กิโลกรัมละ 5.50 บาท
แนวทางแก้ไขปัญหา จากการติดตามสถานการณ์ที่ผ่านมาปัญหาการลักลอบนำเข้า หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้มีการเข้มงวดการปราบปรามกระเทียมลักลอบอยู่แล้ว ทำให้ปัญหาการลักลอบในขณะนี้ลดน้อยลง แต่ราคากระเทียมก็ยังไม่มีแนวโน้มสูงขึ้น และถ้าราคาต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5.00 บาท หน่วยงานรัฐควรดำเนินการแทรกแซงตลาดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยการดำเนินการ ดังนี้
1. ให้เกษตรจังหวัดหรือสหกรณ์จังหวัดรับรองเกษตรกรว่ามีผลผลิตกระเทียมที่ปลูกในปีนี้คงเหลืออยู่
2. ให้กระทรวงพาณิชย์ เตรียมการขอเงิน คชก. เป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าทั่วไป เพื่อไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่ได้รับการรับรองจากเกษตรจังหวัดหรือสหกรณ์จังหวัด
ปาล์มน้ำมัน : อนาคตยังไม่แจ่มใส
ราคาน้ำมันปาล์มและผลปาล์มที่เกษตรกรขายได้ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศกล่าวคือ โรงงานสกัดและโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มชะลอการซื้อ เนื่องจากเกิดความไม่แน่ใจถึงปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มที่มีอยู่ในระบบ ทั้ง ๆ ที่องค์การคลังสินค้าได้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบในสต็อกที่ซื้อไว้ตามโครงการแทรกแซงตลาดปี 2542 ออกสู่ตลาดต่างประเทศแล้วทั้งหมด ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้นำเข้าถั่วเหลืองตามข้อผูกพัน WTO ปี 2544 ปริมาณ 1.20 ล้านตัน จากเดิมที่คาดว่าจะอนุมัติ 800,000 ตัน สำหรับปัจจัยภายนอกนั้น ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดต่างประเทศลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา เพราะมาเลเซียและอินโดนีเซียต่างแข่งขันกันลดราคาส่งออก เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพื่อระบายน้ำมันส่วนเกินออกสู่นอกประเทศ และแข่งขันกับน้ำมันถั่วเหลืองที่มีราคาลดลงในช่วงนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามคาดว่ามาเลเซียและอินโดนีเซียจะร่วมเจรจากันในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้าน้ำมันปาล์ม ทั้งนี้เพื่อมิให้ราคาตกต่ำไปมากกว่านี้ โดยความเป็นพันธมิตรนี้จะครอบคลุมถึงการวิจัย การพัฒนา และการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมร่วมกัน อนึ่งคาดว่าพันธมิตรทางการค้าร่วมกันของมาเลเซียและอินโดนีเซีย อาจมีความเป็นไปได้น้อยเนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีน้ำมันส่วนเกินในระบบเป็นปริมาณมาก อีกทั้งต้องแข่งขันกับน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมัน Soft Oil อื่น ๆ ที่มีราคาลดลงในช่วงนี้ ดังนั้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าซึ่งเป็นช่วงที่ปาล์มของไทยจะให้ผลผลิตมาก ราคาผลปาล์มจึงยังคง ลดลงอีกเล็กน้อย อันเป็นผลจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก สำหรับโครงการแทรกแซงตลาดปี 2543 ที่สิ้นสุดเวลารับซื้อไปเมื่อ 31 มกราคม 2544 นั้น อคส.สามารถซื้อน้ำมันปาล์มดิบได้ 7,500 ตัน ซึ่งการแทรกแซงตลาดนี้ อคส.จะดำเนินการต่อไปหลังจากได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ คชก.
เพื่อกระตุ้นภาวะตลาดภายในในเรื่องของปริมาณสต๊อค กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ควรสำรวจปริมาณน้ำมันปาล์มที่มีอยู่ในระบบว่ามีปริมาณเท่าใด อีกทั้งควรปรับวิธีการแทรกแซงตลาดใหม่แทนวิธีการเดิมที่ อคส.รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และเก็บรักษาไว้โดยเช่าโกดังเอกชน เป็นรัฐให้สินเชื่อปลอดดอกเบี้ยแก่โรงงานสกัดและโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์ม เพื่อรับซื้อน้ำมันปาล์มและผลปาล์มจากเกษตรกร โดยมีเงื่อนไขต้องเก็บรักษาน้ำมันปาล์มดิบไว้ตามปริมาณที่ตกลงกันไว้กับทางราชการ ทั้งนี้เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา และปัญหาคุณภาพน้ำมันเปลี่ยนเมื่อเก็บไว้นาน ๆ
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 6 ประจำวันที่ 12-18 ก.พ. 2544---สส-
สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ได้ติดตามสถานการณ์กระเทียมฤดูกาลผลิต ปี 2543/44 มีผลผลิต 131,453 ตัน เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 4.23 ในขณะที่ราคากระเทียมแห้งที่เกษตรกรขายได้เดือนมกราคม 2544 กิโลกรัมละ 24.26 บาท ลดลงจากปี 2543 ในช่วงระยะเวลาเดียวกันร้อยละ 34 เนื่องจากราคากระเทียมปีที่ผ่านมาดี ทำให้เกษตรกรส่วนหนึ่งขยายพื้นที่เพาะปลูก จากปัญหากระเทียมลักลอบในต้นฤดูกาลเพาะปลูกเข้ามาเป็นจำนวนมาก ประกอบกับยังมีกระเทียมเก่าที่ค้างอยู่ในสต็อกของพ่อค้า ทำให้ราคากระเทียมในฤดูกาลเพาะปลูกปีนี้มีแนวโน้มต่ำลง ขณะนี้ราคากระเทียมสดเกรดคละในช่วงวันที่ 9-13 กุมภาพันธ์ 2544 กิโลกรัมละ 5.50 บาท
แนวทางแก้ไขปัญหา จากการติดตามสถานการณ์ที่ผ่านมาปัญหาการลักลอบนำเข้า หน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องได้มีการเข้มงวดการปราบปรามกระเทียมลักลอบอยู่แล้ว ทำให้ปัญหาการลักลอบในขณะนี้ลดน้อยลง แต่ราคากระเทียมก็ยังไม่มีแนวโน้มสูงขึ้น และถ้าราคาต่ำกว่ากิโลกรัมละ 5.00 บาท หน่วยงานรัฐควรดำเนินการแทรกแซงตลาดเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร โดยการดำเนินการ ดังนี้
1. ให้เกษตรจังหวัดหรือสหกรณ์จังหวัดรับรองเกษตรกรว่ามีผลผลิตกระเทียมที่ปลูกในปีนี้คงเหลืออยู่
2. ให้กระทรวงพาณิชย์ เตรียมการขอเงิน คชก. เป็นเงินทุนหมุนเวียนปลอดดอกเบี้ยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการค้าทั่วไป เพื่อไปรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรที่ได้รับการรับรองจากเกษตรจังหวัดหรือสหกรณ์จังหวัด
ปาล์มน้ำมัน : อนาคตยังไม่แจ่มใส
ราคาน้ำมันปาล์มและผลปาล์มที่เกษตรกรขายได้ยังลดลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ทั้งนี้เนื่องจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศกล่าวคือ โรงงานสกัดและโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์มชะลอการซื้อ เนื่องจากเกิดความไม่แน่ใจถึงปริมาณสต็อกน้ำมันปาล์มที่มีอยู่ในระบบ ทั้ง ๆ ที่องค์การคลังสินค้าได้จำหน่ายน้ำมันปาล์มดิบในสต็อกที่ซื้อไว้ตามโครงการแทรกแซงตลาดปี 2542 ออกสู่ตลาดต่างประเทศแล้วทั้งหมด ประกอบกับคณะรัฐมนตรีได้มีมติอนุมัติให้นำเข้าถั่วเหลืองตามข้อผูกพัน WTO ปี 2544 ปริมาณ 1.20 ล้านตัน จากเดิมที่คาดว่าจะอนุมัติ 800,000 ตัน สำหรับปัจจัยภายนอกนั้น ขณะนี้ราคาน้ำมันปาล์มในตลาดต่างประเทศลดลงต่ำสุดในรอบ 7 ปีที่ผ่านมา เพราะมาเลเซียและอินโดนีเซียต่างแข่งขันกันลดราคาส่งออก เพื่อช่วงชิงส่วนแบ่งการตลาดซึ่งกันและกัน ทั้งนี้เพื่อระบายน้ำมันส่วนเกินออกสู่นอกประเทศ และแข่งขันกับน้ำมันถั่วเหลืองที่มีราคาลดลงในช่วงนี้เช่นกัน อย่างไรก็ตามคาดว่ามาเลเซียและอินโดนีเซียจะร่วมเจรจากันในวันที่ 23 กุมภาพันธ์นี้ เพื่อร่วมเป็นพันธมิตรทางการค้าน้ำมันปาล์ม ทั้งนี้เพื่อมิให้ราคาตกต่ำไปมากกว่านี้ โดยความเป็นพันธมิตรนี้จะครอบคลุมถึงการวิจัย การพัฒนา และการร่วมลงทุนในอุตสาหกรรมร่วมกัน อนึ่งคาดว่าพันธมิตรทางการค้าร่วมกันของมาเลเซียและอินโดนีเซีย อาจมีความเป็นไปได้น้อยเนื่องจากทั้ง 2 ประเทศมีน้ำมันส่วนเกินในระบบเป็นปริมาณมาก อีกทั้งต้องแข่งขันกับน้ำมันถั่วเหลืองและน้ำมัน Soft Oil อื่น ๆ ที่มีราคาลดลงในช่วงนี้ ดังนั้นในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าซึ่งเป็นช่วงที่ปาล์มของไทยจะให้ผลผลิตมาก ราคาผลปาล์มจึงยังคง ลดลงอีกเล็กน้อย อันเป็นผลจากปัจจัยทั้งภายในและภายนอก สำหรับโครงการแทรกแซงตลาดปี 2543 ที่สิ้นสุดเวลารับซื้อไปเมื่อ 31 มกราคม 2544 นั้น อคส.สามารถซื้อน้ำมันปาล์มดิบได้ 7,500 ตัน ซึ่งการแทรกแซงตลาดนี้ อคส.จะดำเนินการต่อไปหลังจากได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการ คชก.
เพื่อกระตุ้นภาวะตลาดภายในในเรื่องของปริมาณสต๊อค กระทรวงพาณิชย์โดยกรมการค้าภายใน ควรสำรวจปริมาณน้ำมันปาล์มที่มีอยู่ในระบบว่ามีปริมาณเท่าใด อีกทั้งควรปรับวิธีการแทรกแซงตลาดใหม่แทนวิธีการเดิมที่ อคส.รับซื้อน้ำมันปาล์มดิบจากโรงงานสกัดน้ำมันปาล์ม และเก็บรักษาไว้โดยเช่าโกดังเอกชน เป็นรัฐให้สินเชื่อปลอดดอกเบี้ยแก่โรงงานสกัดและโรงงานกลั่นน้ำมันปาล์ม เพื่อรับซื้อน้ำมันปาล์มและผลปาล์มจากเกษตรกร โดยมีเงื่อนไขต้องเก็บรักษาน้ำมันปาล์มดิบไว้ตามปริมาณที่ตกลงกันไว้กับทางราชการ ทั้งนี้เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเก็บรักษา และปัญหาคุณภาพน้ำมันเปลี่ยนเมื่อเก็บไว้นาน ๆ
--ข่าวการผลิต การตลาด ผลิตผลการเกษตร ฉบับที่ 6 ประจำวันที่ 12-18 ก.พ. 2544---สส-