องค์การคลังสินค้ามีความประสงค์จะระบายข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่รับจำนำไว้ตามโครงการแทรกแซงตลาดข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ปี 2543/44 เพื่อการส่งออก โดยมีเงื่อนไขและรายละเอียดดังต่อไปนี้
1. คุณลักษณะของข้าวโพด (specification) ที่องค์การคลังสินค้าจะจำหน่ายเป็นไปตามรายละเอียดดังนี้
- เป็นข้าวโพด ปีฤดูการผลิต 2543/2544
- เมล็ดสีอื่นไม่เกิน 3% โดยน้ำหนัก
- เมล็ดเสียบางส่วน และเมล็ดเสียมากรวมกันไม่เกิน 6% โดยน้ำหนัก แต่เมล็ดเสียมากไม่เกิน 2% โดยน้ำหนัก
- เมล็ดที่ถูกแมลงทำลายไม่เกิน 3% โดยน้ำหนัก
- เมล็ดแตก และเมล็ดลีบรวมกันไม่เกิน 3% โดยน้ำหนัก
- วัตถุอื่นไม่เกิน 2% โดยน้ำหนัก
- ความชื้นไม่เกิน 14.5% โดยน้ำหนัก
2. ผู้เสนอราคาต้องเป็นนิติบุคคลที่ประกอบการค้าข้าวโพดและต้องแสดงหนังสือรับรองฐานะนิติบุคคล ซึ่งออกโดยนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทก่อนวันทำสัญญาไม่เกิน 3 เดือน หากได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ซื้อ
3. ให้เสนอราคาแยกตามรายโกดังที่จัดเก็บข้าวโพดเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยราคาดังกล่าวเป็นราคา FOB. กรุงเทพฯ และให้แจ้งรายละเอียดค่าขนส่งจากแต่ละโกดังถึงท่าเรือกรุงเทพฯ เป็นเงินบาท
4. ให้ผู้สนใจยื่นเสนอราคาตามแบบที่กำหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ณ ห้องประชุม ชั้น 2 องค์การคลังสินค้า ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2544 เวลา 10.00-11.30 น. ด้วยตนเอง กรณีให้ผู้อื่นยื่นเสนอราคาให้มีหนังสือมอบอำนาจจากผู้ที่มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคลรายดังกล่าวด้วย
5. การเสนอราคาขอซื้อข้าวโพด ให้ยืนราคาจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2544
6. ให้ผู้สนใจที่จะเสนอราคาซื้อ เข้ารับฟังการชี้แจงรายละเอียดการเสนอราคา ณ ห้องประชุมชั้น 2 องค์การคลังสินค้า ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2544 เวลา 10.00 น.
7. ผู้เสนอราคาที่ได้รับคัดเลือก จะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
7.1 ทำสัญญาซื้อขายกับองค์การคลังสินค้าตามแบบที่องค์การฯ กำหนด
7.2 วางหลักประกันสัญญาเป็นหนังสือค้ำประกันธนาคาร หรือเงินสด สั่งจ่ายองค์การคลังสินค้า ในอัตราร้อยละ 5 ของมูลค่าข้าวโพด ใน วันทำสัญญา
7.3 ชำระเงินค่าสินค้าเป็นเงินบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันทำสัญญา โดยชำระเป็นเงินสด หรือเช็คที่ธนาคารสั่งจ่าย (Cashier Cheque) ที่ออกโดยธนาคารที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ต้องชำระให้เสร็จสิ้นก่อนการขนย้ายสินค้า
8. การขนย้ายสินค้า จะต้องเริ่มดำเนินการภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ชำระเงิน ทั้งนี้จะต้องขนย้ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2544 หากขนย้ายไม่แล้วเสร็จตามกำหนด ผู้ซื้อต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของมูลค่าข้าวโพดที่ยังไม่ดำเนินการขนย้ายและต้องรับภาระค่าเช่าคลังสินค้าและอื่นๆ ที่เกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้ หากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา ผู้ซื้อจะถูกริบหลักประกันตามข้อ 7.2 และจะต้องชดเชยส่วนต่างราคาขาย ในกรณีที่มีการขายให้กับผู้ซื้อรายใหม่ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อที่ผู้ซื้อได้ทำสัญญาไว้
9. ผู้ขายจะส่งมอบข้าวโพดให้ผู้ซื้อ ณ หน้าโกดังที่เก็บสินค้า โดยผู้ขายจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งมอบข้าวโพดขึ้นบนยานพาหนะที่ผู้ซื้อเป็นผู้จัดหามารับมอบสินค้า
10. ผู้ขายจะรับผิดชอบคุณภาพและน้ำหนักข้าวโพด ณ หน้าโกดังที่เก็บสินค้า โดยผู้ซื้อสามารถจัดหาบริษัทตรวจสอบสินค้า มาร่วมดำเนินการตรวจสอบได้ โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
11. ผู้ซื้อจะต้องดำเนินการส่งออกภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2544 โดยจะต้องแสดงเอกสารการส่งออกต่างๆ ภายใน 30 วัน นับแต่วันส่งออก ดังนี้
11.1 สำเนาใบขนสินค้าที่กรมศุลกากร ประทับตราว่าได้ตรวจปล่อยสินค้าออกไปต่างประเทศแล้ว
11.2 สำเนาใบรับรองจากบริษัทเรือที่ขนสินค้าขึ้นเรือ (Mate ’s Receipt)
11.3 สำเนาใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading : B/L)
11.4 สำเนาหลักฐานแสดงการชำระเงินจากต่างประเทศ (Credit Advice)
หากไม่สามารถส่งออกได้ภายในเวลาที่กำหนด ผู้ซื้อจะต้องเสียค่าปรับในอัตราร้อยละ 25 ของมูลค่าข้าวโพดที่ยังไม่ได้ส่งออก
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กรกฎาคม 2544--
-ปส-
1. คุณลักษณะของข้าวโพด (specification) ที่องค์การคลังสินค้าจะจำหน่ายเป็นไปตามรายละเอียดดังนี้
- เป็นข้าวโพด ปีฤดูการผลิต 2543/2544
- เมล็ดสีอื่นไม่เกิน 3% โดยน้ำหนัก
- เมล็ดเสียบางส่วน และเมล็ดเสียมากรวมกันไม่เกิน 6% โดยน้ำหนัก แต่เมล็ดเสียมากไม่เกิน 2% โดยน้ำหนัก
- เมล็ดที่ถูกแมลงทำลายไม่เกิน 3% โดยน้ำหนัก
- เมล็ดแตก และเมล็ดลีบรวมกันไม่เกิน 3% โดยน้ำหนัก
- วัตถุอื่นไม่เกิน 2% โดยน้ำหนัก
- ความชื้นไม่เกิน 14.5% โดยน้ำหนัก
2. ผู้เสนอราคาต้องเป็นนิติบุคคลที่ประกอบการค้าข้าวโพดและต้องแสดงหนังสือรับรองฐานะนิติบุคคล ซึ่งออกโดยนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทก่อนวันทำสัญญาไม่เกิน 3 เดือน หากได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ซื้อ
3. ให้เสนอราคาแยกตามรายโกดังที่จัดเก็บข้าวโพดเป็นเงินสกุลดอลล่าร์สหรัฐฯ โดยราคาดังกล่าวเป็นราคา FOB. กรุงเทพฯ และให้แจ้งรายละเอียดค่าขนส่งจากแต่ละโกดังถึงท่าเรือกรุงเทพฯ เป็นเงินบาท
4. ให้ผู้สนใจยื่นเสนอราคาตามแบบที่กำหนดตามสิ่งที่ส่งมาด้วย ณ ห้องประชุม ชั้น 2 องค์การคลังสินค้า ในวันที่ 10 กรกฎาคม 2544 เวลา 10.00-11.30 น. ด้วยตนเอง กรณีให้ผู้อื่นยื่นเสนอราคาให้มีหนังสือมอบอำนาจจากผู้ที่มีอำนาจลงนามผูกพันนิติบุคคลรายดังกล่าวด้วย
5. การเสนอราคาขอซื้อข้าวโพด ให้ยืนราคาจนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2544
6. ให้ผู้สนใจที่จะเสนอราคาซื้อ เข้ารับฟังการชี้แจงรายละเอียดการเสนอราคา ณ ห้องประชุมชั้น 2 องค์การคลังสินค้า ในวันที่ 9 กรกฎาคม 2544 เวลา 10.00 น.
7. ผู้เสนอราคาที่ได้รับคัดเลือก จะต้องดำเนินการดังต่อไปนี้
7.1 ทำสัญญาซื้อขายกับองค์การคลังสินค้าตามแบบที่องค์การฯ กำหนด
7.2 วางหลักประกันสัญญาเป็นหนังสือค้ำประกันธนาคาร หรือเงินสด สั่งจ่ายองค์การคลังสินค้า ในอัตราร้อยละ 5 ของมูลค่าข้าวโพด ใน วันทำสัญญา
7.3 ชำระเงินค่าสินค้าเป็นเงินบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันทำสัญญา โดยชำระเป็นเงินสด หรือเช็คที่ธนาคารสั่งจ่าย (Cashier Cheque) ที่ออกโดยธนาคารที่ตั้งอยู่ในเขตกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ต้องชำระให้เสร็จสิ้นก่อนการขนย้ายสินค้า
8. การขนย้ายสินค้า จะต้องเริ่มดำเนินการภายใน 3 วันทำการ นับตั้งแต่วันที่ชำระเงิน ทั้งนี้จะต้องขนย้ายให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 15 สิงหาคม 2544 หากขนย้ายไม่แล้วเสร็จตามกำหนด ผู้ซื้อต้องเสียค่าปรับเป็นรายวันในอัตราร้อยละ 0.2 ของมูลค่าข้าวโพดที่ยังไม่ดำเนินการขนย้ายและต้องรับภาระค่าเช่าคลังสินค้าและอื่นๆ ที่เกิดขึ้นด้วย
ทั้งนี้ หากผู้ซื้อไม่ปฏิบัติให้เป็นไปตามสัญญา ผู้ซื้อจะถูกริบหลักประกันตามข้อ 7.2 และจะต้องชดเชยส่วนต่างราคาขาย ในกรณีที่มีการขายให้กับผู้ซื้อรายใหม่ ในราคาที่ต่ำกว่าราคาซื้อที่ผู้ซื้อได้ทำสัญญาไว้
9. ผู้ขายจะส่งมอบข้าวโพดให้ผู้ซื้อ ณ หน้าโกดังที่เก็บสินค้า โดยผู้ขายจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการส่งมอบข้าวโพดขึ้นบนยานพาหนะที่ผู้ซื้อเป็นผู้จัดหามารับมอบสินค้า
10. ผู้ขายจะรับผิดชอบคุณภาพและน้ำหนักข้าวโพด ณ หน้าโกดังที่เก็บสินค้า โดยผู้ซื้อสามารถจัดหาบริษัทตรวจสอบสินค้า มาร่วมดำเนินการตรวจสอบได้ โดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายเอง
11. ผู้ซื้อจะต้องดำเนินการส่งออกภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2544 โดยจะต้องแสดงเอกสารการส่งออกต่างๆ ภายใน 30 วัน นับแต่วันส่งออก ดังนี้
11.1 สำเนาใบขนสินค้าที่กรมศุลกากร ประทับตราว่าได้ตรวจปล่อยสินค้าออกไปต่างประเทศแล้ว
11.2 สำเนาใบรับรองจากบริษัทเรือที่ขนสินค้าขึ้นเรือ (Mate ’s Receipt)
11.3 สำเนาใบตราส่งสินค้า (Bill of Lading : B/L)
11.4 สำเนาหลักฐานแสดงการชำระเงินจากต่างประเทศ (Credit Advice)
หากไม่สามารถส่งออกได้ภายในเวลาที่กำหนด ผู้ซื้อจะต้องเสียค่าปรับในอัตราร้อยละ 25 ของมูลค่าข้าวโพดที่ยังไม่ได้ส่งออก
--กรมเศรษฐกิจการพาณิชย์ กรกฎาคม 2544--
-ปส-