กรุงเทพฯ--5 เม.ย.--กระทรวงการต่างประเทศ
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าว ถ้อยแถลงในที่ประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 57 ประจำปี 2544 ณ นครเจนีวา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2544 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ไทยเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นองค์รวม และสมบูรณ์ ครอบคลุมทั้งสิทธิทางพลเมือง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมทั้งสิทธิในการพัฒนาโดยคำนึงว่าสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับ "สิทธิ" เท่านั้น แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความกินดี อยู่ดีของประชาชน ศักดิ์ศรีและศักยภาพของมนุษย์
2. นโยบายรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการอนุวัติหลักการสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นรูปธรรม และการส่งเสริมความเข้าใจเรื่องสิทธิและหน้าที่ของประชาชนโดยผ่านสถาบันการศึกษา ดังนั้นรัฐบาลไทย จึงมีนโยบายเชื่อมโยงหลักการ และการนำหลักการไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่นสิทธิในสุขภาพและการศึกษา ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกขั้นตอน ของกระบวนการตัดสินใจ และการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในทุกด้านเพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถ มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและโลกโดยรวม
3. สนับสนุนสิทธิในการพัฒนาและการทำงานของคณะทำงานว่าด้วยสิทธิในการ พัฒนาและผู้เชี่ยวชาญพิเศษเรื่องสิทธิในการพัฒนาในการก่อให้เกิดความเข้าใจต่อแนวคิดสิทธิในการพัฒนา ในการนี้ จึงเห็นว่า ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาความร่วมมือในการส่งเสริมสิทธิในการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม
4. เห็นว่าโลกาภิวัฒน์นำมาซึ่งสิ่งท้าทายใหม่ ๆ ในลักษณะข้ามชาติ เช่น ปัญหา ยาเสพติด การค้าสตรีและเด็ก การลักลอบค้าผู้ย้ายถิ่น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความกินดี อยู่ดีของมนุษย์ ศักดิ์ศรีและศักยภาพของมนุษย์ นอกจากนั้น โลกาภิวัฒน์ยังส่งผลกระทบต่อชุมชน ท้องถิ่นและความกินดีอยู่ดีของพวกเขา ดังนั้น กระบวนการพัฒนาของไทยจึงเน้น Localization ในการเสริมสร้างชุมชนท้องถิ่นและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในระดับรากหญ้า ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความพร้อมมากขึ้นในการใช้สิทธิและหน้าที่ที่พวกเขามีอยู่ในการพัฒนาชุมชนและ ประเทศตน
5. เห็นว่าประชาคมระหว่างประเทศมีบทบาทยิ่งในการส่งเสริมการพัฒนาที่เน้น มนุษย์เป็นศูนย์กลาง อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้สิทธิมนุษยชนเป็นเงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ เพราะประชาชนคือบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนความช่วยเหลือ มากที่สุด
6. ในการเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ นั้น ไทยตั้งใจที่จะร่วมทำงานกับประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนและร่วมกันที่จะทำให้คณะกรรมาธิการฯ เป็นเวทีที่ลดการโจมตีทางการเมือง แต่เป็นเวทีสำหรับการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีและศักยภาพของมนุษย์โดยไทยหวังว่าจะสามารถมีบทบาทในการช่วยประสานความแตกต่างด้านความคิดและแนวการปฏิบัติสำหรับการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนของทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ของนานาชาติและทุกส่วนของสังคม
7. แสดงความผิดหวังที่ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนจะไม่สมัครเป็นข้าหลวงใหญ่ฯ สมัยที่สอง และชื่นชมความพยายามและการอุทิศตนของข้าหลวงใหญ่ฯ ในการส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชนของประชาชนทั่วโลก นอกจากนั้น การเยือนประเทศไทยของข้าหลวงใหญ่ฯ ได้ช่วยในการพัฒนาสิทธิมนุษยชนในประเทศ และหวังว่าข้าหลวงใหญ่ฯ จะประสบความสำเร็จในหน้าที่ การงานต่อไปในอนาคต
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-
นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้กล่าว ถ้อยแถลงในที่ประชุมคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติสมัยที่ 57 ประจำปี 2544 ณ นครเจนีวา เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2544 สรุปสาระสำคัญได้ดังนี้
1. ไทยเห็นความสำคัญของการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นองค์รวม และสมบูรณ์ ครอบคลุมทั้งสิทธิทางพลเมือง การเมือง เศรษฐกิจ สังคม และวัฒนธรรม รวมทั้งสิทธิในการพัฒนาโดยคำนึงว่าสิทธิมนุษยชนไม่ใช่เรื่องเกี่ยวกับ "สิทธิ" เท่านั้น แต่เป็นเรื่องเกี่ยวกับความกินดี อยู่ดีของประชาชน ศักดิ์ศรีและศักยภาพของมนุษย์
2. นโยบายรัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการอนุวัติหลักการสิทธิมนุษยชนอย่างเป็นรูปธรรม และการส่งเสริมความเข้าใจเรื่องสิทธิและหน้าที่ของประชาชนโดยผ่านสถาบันการศึกษา ดังนั้นรัฐบาลไทย จึงมีนโยบายเชื่อมโยงหลักการ และการนำหลักการไปปฏิบัติให้เกิดผลเป็นรูปธรรม เช่นสิทธิในสุขภาพและการศึกษา ซึ่งต้องอาศัยการมีส่วนร่วมของประชาชนทุกขั้นตอน ของกระบวนการตัดสินใจ และการเสริมสร้างศักยภาพของประชาชนในทุกด้านเพื่อให้เขาเหล่านั้นสามารถ มีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศและโลกโดยรวม
3. สนับสนุนสิทธิในการพัฒนาและการทำงานของคณะทำงานว่าด้วยสิทธิในการ พัฒนาและผู้เชี่ยวชาญพิเศษเรื่องสิทธิในการพัฒนาในการก่อให้เกิดความเข้าใจต่อแนวคิดสิทธิในการพัฒนา ในการนี้ จึงเห็นว่า ทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาความร่วมมือในการส่งเสริมสิทธิในการพัฒนาอย่างเป็นรูปธรรม
4. เห็นว่าโลกาภิวัฒน์นำมาซึ่งสิ่งท้าทายใหม่ ๆ ในลักษณะข้ามชาติ เช่น ปัญหา ยาเสพติด การค้าสตรีและเด็ก การลักลอบค้าผู้ย้ายถิ่น ซึ่งปัญหาเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อความกินดี อยู่ดีของมนุษย์ ศักดิ์ศรีและศักยภาพของมนุษย์ นอกจากนั้น โลกาภิวัฒน์ยังส่งผลกระทบต่อชุมชน ท้องถิ่นและความกินดีอยู่ดีของพวกเขา ดังนั้น กระบวนการพัฒนาของไทยจึงเน้น Localization ในการเสริมสร้างชุมชนท้องถิ่นและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของชุมชนในระดับรากหญ้า ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีความพร้อมมากขึ้นในการใช้สิทธิและหน้าที่ที่พวกเขามีอยู่ในการพัฒนาชุมชนและ ประเทศตน
5. เห็นว่าประชาคมระหว่างประเทศมีบทบาทยิ่งในการส่งเสริมการพัฒนาที่เน้น มนุษย์เป็นศูนย์กลาง อย่างไรก็ตาม ไม่ควรใช้สิทธิมนุษยชนเป็นเงื่อนไขในการให้ความช่วยเหลือระหว่างประเทศ เพราะประชาชนคือบุคคลที่ได้รับผลกระทบจากการขาดแคลนความช่วยเหลือ มากที่สุด
6. ในการเข้าเป็นสมาชิกคณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ นั้น ไทยตั้งใจที่จะร่วมทำงานกับประเทศสมาชิกในการแก้ไขปัญหาสิทธิมนุษยชนและร่วมกันที่จะทำให้คณะกรรมาธิการฯ เป็นเวทีที่ลดการโจมตีทางการเมือง แต่เป็นเวทีสำหรับการส่งเสริมสิทธิมนุษยชน ศักดิ์ศรีและศักยภาพของมนุษย์โดยไทยหวังว่าจะสามารถมีบทบาทในการช่วยประสานความแตกต่างด้านความคิดและแนวการปฏิบัติสำหรับการส่งเสริมและปกป้องสิทธิมนุษยชนของทั้งประเทศพัฒนาแล้วและประเทศกำลังพัฒนาเพื่อผลประโยชน์ของนานาชาติและทุกส่วนของสังคม
7. แสดงความผิดหวังที่ข้าหลวงใหญ่สิทธิมนุษยชนจะไม่สมัครเป็นข้าหลวงใหญ่ฯ สมัยที่สอง และชื่นชมความพยายามและการอุทิศตนของข้าหลวงใหญ่ฯ ในการส่งเสริมและคุ้มครอง สิทธิมนุษยชนของประชาชนทั่วโลก นอกจากนั้น การเยือนประเทศไทยของข้าหลวงใหญ่ฯ ได้ช่วยในการพัฒนาสิทธิมนุษยชนในประเทศ และหวังว่าข้าหลวงใหญ่ฯ จะประสบความสำเร็จในหน้าที่ การงานต่อไปในอนาคต
กองการสื่อมวลชน กรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ โทร. 643-5105 โทรสาร. 643-5106-7Press Division, Department of Information Tel. 643-5105 Fax. 643-5106-7 E-mail : div0704@mfa.go.th-- จบ--
-อน-