มาตรการตลาดทุนไตรมาส 3
1. มาตรการเร่งด่วนสนับสนุนตลาดทุนไทย คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) แถลงเมื่อ 18 ก.ค. 2543 ประกอบด้วยมาตรการสนับสนุนตลาดทุนไทย 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มอุปทาน การเสริมสร้างอุปสงค์ และการปรับปรุงโครงสร้างตลาด สาระสำคัญมีดังนี้
1) การเพิ่มอุปทาน (Supply) ที่สำคัญคือ
1.1 การผลักดันให้มีการกระจายหุ้น ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป
1.2 การจูงใจให้บริษัทที่ได้รับการ ส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการ ลงทุน (BOI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
1.3 การสนับสนุนให้บริษัทนอก ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
1.4 เพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนชาวไทยสามารถลงทุนในตราสารทางการเงินที่ทำให้ได้รับ ผลตอบแทนเช่นเดียวกับนักลงทุนในต่างประเทศ (Exchange Traded Fund) ซึ่งตราสารนี้จะถูกกำหนดเป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมาย และนำมา จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ซึ่ง จะส่งผลในการเพิ่มปริมาณการซื้อขายในตลาด หลักทรัพย์ฯ
1.5 การเร่งให้มีสินค้าประเภทตราสารอนุพันธ์
2 ) การเสริมสร้างอุปสงค์ (Demand) ที่สำคัญมีดังนี้
2.1 การเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุน ชาวต่างประเทศที่ไม่สามารถลงทุนในกองทุนรวม Thai Trust Fund สามารถลงทุนในตราสารทาง การเงินอื่นได้ด้วยการออก Non- Voting Depositary
Receipt (NVDR) ซึ่งเป็นรูปบริษัทเฉพาะที่ตลาด หลักทรัพย์ฯ จัดตั้งขึ้น เพื่อไปซื้อขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ เมื่อชาวต่างประเทศมีการซื้อหรือขายคืนซึ่งจะได้ ผลตอบแทนทางการเงินเพียงแต่ไม่มีสิทธิในการออกเสียงเท่านั้น
2.2 การสนับสนุนให้มี Internet Trading ในวงกว้างเพื่อลดต้นทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์
2.3 การสนับสนุนให้มีการออมระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุโดยการใช้กองทุนรวมที่มีข้อกำหนดพิเศษเป็นเครื่องมือ (Retirement Mutual Fund : RMF)
3) การปรับปรุงโครงสร้างตลาด (market) ที่สำคัญมีดังนี้
3.1 การปรับโครงสร้างของ ตลาดหลักทรัพย์ฯให้เป็นบริษัทเอกชน
3.2 การจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสำนักงานก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ
3.3 การพิจารณาลดอัตรา ค่าธรรมเนียมในการเป็นบริษัทจดทะเบียน
2. แผนพัฒนาตลาดทุนไทยปี 2543-2545 คณะกรรมการก.ล.ต. มีมติเห็นชอบ จัดทำแนวทางการพัฒนาตลาดทุนให้สอดคล้อง กับสภาวการณ์ปัจจุบันได้กำหนดแนวทางการพัฒนาเป็น 6 ด้านได้แก่
1. ตลาดตราสารทุนจะพัฒนา สินค้าให้เป็นที่น่าสนใจของผู้ลงทุนส่งเสริมการขยายฐานผู้ลงทุนและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความคล่องตัวและมีความสามารถในเชิง แข่งขัน
2. ตลาดตราสารหนี้จะพัฒนา ตลาดแรกให้มีสินค้าประเภทใหม่ๆ และให้มีคุณภาพ
สนับสนุนการลงทุนทั้งจากผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนทั่วไปและพัฒนาตลาดรองโดยวางโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความสมบูรณ์
3. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จะผลักดันกฎหมายให้มีผลใช้บังคับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ที่ เกี่ยวข้อง
4. ธุรกิจหลักทรัพย์จะวางโครงสร้างการประกอบธุรกิจให้มีความคล่องตัวและเหมาะสมสนับสนุนความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการให้บริการและปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่นและเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ
5. ธุรกิจจัดการลงทุนจะปรับปรุงโครงสร้างและรูปแบบการประกอบธุรกิจให้มีความ มั่นคงความคล่องตัวและมีการจัดการที่ดีกำกับดูแล ผู้บริหารทรัพย์สินของประชาชนแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจส่งเสริมให้มีการระดมเงินออมผ่านเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและ สร้างระบบคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน
6. ผู้ลงทุนจะให้ความคุ้มครองและความรู้แก่ผู้ลงทุนจัดให้มีข้อมูลสำหรับผู้ลงทุนอย่างเพียงพอเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุน
3. มาตรการอื่นๆ ของ ก.ล.ต.
1) การปรับปรุงเกณฑ์การทำธุรกรรมและการให้บริการด้านอนุพันธ์ของบริษัทหลักทรัพย์ นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (OTC Derivatives) ให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวยิ่งขึ้น เพื่อช่วยสนับสนุนการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ การทำธุรกรรมด้านอนุพันธ์ที่จะมีขึ้นในอนาคต โดย การทำอนุพันธ์ได้จะต้องเป็นเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ที่มีคู่สัญญาเป็นสถาบันการเงิน หรือ เพื่อฐานะอนุพันธ์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต จาก ก.ล.ต. และ ก.ล.ต.กำหนดให้สินค้าอ้างอิง เป็น ตราสารทางการเงิน จำกัดประเภทผู้ลงทุนเฉพาะ ผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาที่มี การลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 5 กันยายน 43 เป็นต้นไป
2) การปรับปรุงการมีสำนักงานสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งการจัดตั้งสำนักงานสาขา เต็มรูปแบบ (Full Branch) และสำนักงานสาขาออนไลน์ (Cyber Branch) โดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตต่อ ก.ล.ต. หากบริษัทหลักทรัพย์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งในด้านฐานะทางการเงินประวัติการดำเนินธุรกิจ สำหรับสำนักงานสาขาออนไลน์จะต้องให้บริการ เพียงให้ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านเครื่องมือ สื่อสาร On Line ไม่มีการแนะนำในด้านการลงทุนและไม่มีการให้บริการชำระราคาและส่งมอบ หลักทรัพย์ใด ๆ นอกจากนี้ สาขาดังกล่าวจะต้องดำรงอัตราส่วน NCR ตามเกณฑ์ มีผู้ถือหุ้นล่าสุด เป็นบวก ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
3) ปรับปรุงเกณฑ์การให้กู้ยืมเงิน เพื่อซื้อหลักทรัพย์ฯ โดยกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ฯ จะให้กู้ยืมได้เฉพาะสำหรับการซื้อหลักทรัพย์ จดทะเบียนที่ไม่ใช่ประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะ ซื้อหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์และออปชั่น โดยให้บริษัทหลักทรัพย์กำหนดอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 หรืออัตราที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด แล้วแต่อัตราใดจะสูงกว่า ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
4) ปรับปรุงข้อกำหนดสำหรับบริษัทหลักทรัพย์ที่ดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยรวมถึงกรณีบริษัทหลักทรัพย์มีเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่ำกว่าศูนย์ (NCR ติดลบ) ติดต่อกันเกิน 5 วันทำการ และให้รวมเงินลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ฯ หรือการดำเนินการตามภาระผูกพันที่ค้างอยู่ในระหว่างที่ถูกระงับการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
5) การกำหนดทุนจดทะเบียนซึ่ง ชำระแล้วของบริษัทหลักทรัพย์ที่จะขอรับใบอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลและการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมโดยบริษัท หลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เฉพาะกองทุน
ส่วนบุคคลต้องมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท แต่ถ้าบริษัทหลักทรัพย์มีการประกอบธุรกิจ การเก็บรักษาทรัพย์สินหรือลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อบริษัท หรือรับ ผิดชอบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมให้คิดในอัตราร้อยละ 0.0045 ของค่าเฉลี่ยของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนส่วนบุคคล ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 28 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทจัดการ (ทั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชน จำกัด) กองทุนส่วนบุคคล ที่จัดตั้งขึ้น ใหม่จะต้องมีเงินกองทุนหมุนเวียนที่เพียงพอต่อ ประมาณการรายจ่ายในการประกอบธุรกิจของบริษัท จัดการในระยะเวลา 12 เดือน และให้บริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลดำรงหลักประกันหรือสินทรัพย์สภาพคล่อง ส่วนเกินอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกันให้มี มูลค่าเพียงพอตาม ก.ล.ต.กำหนด ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
6) หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการ เป็นนายหน้าซื้อขายและการค้าหลักทรัพย์ฯ อันเป็น ตราสารแห่งหนี้และมิใช่ตราสารแห่งหนี้ โดยกำหนดให้ บริษัทหลักทรัพย์ต้องมีระบบควบคุมภายในระบบบริหาร ความเสี่ยงและระบบป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ สำหรับการติดต่อให้บริการลูกค้า บริษัทหลักทรัพย์ต้องรู้ ข้อมูลของลูกค้าอย่างเพียงพอเพื่อสามารถให้บริการได้ อย่างเหมาะสม มีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องแก่ลูกค้า และเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าเป็นอย่างดีรวมทั้ง บุคคลากรที่ต้องติดต่อกับลูกค้าต้องมาขึ้นทะเบียนกับ ก.ล.ต. ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2543 และ 1 มกราคม 2544 ตามลำดับ เป็นต้นไป
4. มาตรการอื่นๆ ของตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
1) การจัดตั้งบริษัทที่ออกใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (Non-Voting Depositary Receipt : NVDR) โดยกำหนดให้ NVDR เป็นหลักทรัพย์ และสามารถออก NVDR ที่อ้างอิงกับหลักทรัพย์ จดทะเบียนใดๆ ก็ได้ ซึ่งจะต้องออกโดยบริษัท ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 99 การเสนอขาย NVDR จะต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. การออก NVDR นี้เป็นมาตรการเสริมสร้างอุปสงค์ที่จะแก้ไขอุปสรรคกรณีการลงทุนของ ผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศสามารถลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนต่างด้าว (Thai Trust Fund: TTF)
2) การจัดตั้งโครงการประมูลทางเครื่องอิเล็กทรอนิกส์และระบบ Market Maker ให้แก่สมาชิกและบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้น จะทำการประชาพิจารณ์ในกลุ่มสมาชิกและบริษัท จดทะเบียน ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มในปี 2544
3) การอนุญาตให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกอบธุรกิจอื่น โดยเฉพาะ บริษัทย่อยเพื่อให้บริการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบ internet ซึ่ง สอดคล้องกับมาตรการเสริมสร้างอุปสงค์ที่สนับสนุนให้มี internet trading เพื่อลดต้นทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-
1. มาตรการเร่งด่วนสนับสนุนตลาดทุนไทย คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์และตลาด หลักทรัพย์ ( ก.ล.ต.) แถลงเมื่อ 18 ก.ค. 2543 ประกอบด้วยมาตรการสนับสนุนตลาดทุนไทย 3 ด้าน ได้แก่ การเพิ่มอุปทาน การเสริมสร้างอุปสงค์ และการปรับปรุงโครงสร้างตลาด สาระสำคัญมีดังนี้
1) การเพิ่มอุปทาน (Supply) ที่สำคัญคือ
1.1 การผลักดันให้มีการกระจายหุ้น ของรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ให้แก่ผู้ลงทุนทั่วไป
1.2 การจูงใจให้บริษัทที่ได้รับการ ส่งเสริมการลงทุนจากคณะกรรมการส่งเสริมการ ลงทุน (BOI) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
1.3 การสนับสนุนให้บริษัทนอก ตลาดหลักทรัพย์ฯ มีการเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆ เพื่อข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
1.4 เพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุนชาวไทยสามารถลงทุนในตราสารทางการเงินที่ทำให้ได้รับ ผลตอบแทนเช่นเดียวกับนักลงทุนในต่างประเทศ (Exchange Traded Fund) ซึ่งตราสารนี้จะถูกกำหนดเป็นหลักทรัพย์ตามกฎหมาย และนำมา จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ซึ่ง จะส่งผลในการเพิ่มปริมาณการซื้อขายในตลาด หลักทรัพย์ฯ
1.5 การเร่งให้มีสินค้าประเภทตราสารอนุพันธ์
2 ) การเสริมสร้างอุปสงค์ (Demand) ที่สำคัญมีดังนี้
2.1 การเพิ่มทางเลือกให้ผู้ลงทุน ชาวต่างประเทศที่ไม่สามารถลงทุนในกองทุนรวม Thai Trust Fund สามารถลงทุนในตราสารทาง การเงินอื่นได้ด้วยการออก Non- Voting Depositary
Receipt (NVDR) ซึ่งเป็นรูปบริษัทเฉพาะที่ตลาด หลักทรัพย์ฯ จัดตั้งขึ้น เพื่อไปซื้อขายหุ้นของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยได้ เมื่อชาวต่างประเทศมีการซื้อหรือขายคืนซึ่งจะได้ ผลตอบแทนทางการเงินเพียงแต่ไม่มีสิทธิในการออกเสียงเท่านั้น
2.2 การสนับสนุนให้มี Internet Trading ในวงกว้างเพื่อลดต้นทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์
2.3 การสนับสนุนให้มีการออมระยะยาวเพื่อการเกษียณอายุโดยการใช้กองทุนรวมที่มีข้อกำหนดพิเศษเป็นเครื่องมือ (Retirement Mutual Fund : RMF)
3) การปรับปรุงโครงสร้างตลาด (market) ที่สำคัญมีดังนี้
3.1 การปรับโครงสร้างของ ตลาดหลักทรัพย์ฯให้เป็นบริษัทเอกชน
3.2 การจัดทำบันทึกความเข้าใจ (MOU) ระหว่างสำนักงานก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ฯ
3.3 การพิจารณาลดอัตรา ค่าธรรมเนียมในการเป็นบริษัทจดทะเบียน
2. แผนพัฒนาตลาดทุนไทยปี 2543-2545 คณะกรรมการก.ล.ต. มีมติเห็นชอบ จัดทำแนวทางการพัฒนาตลาดทุนให้สอดคล้อง กับสภาวการณ์ปัจจุบันได้กำหนดแนวทางการพัฒนาเป็น 6 ด้านได้แก่
1. ตลาดตราสารทุนจะพัฒนา สินค้าให้เป็นที่น่าสนใจของผู้ลงทุนส่งเสริมการขยายฐานผู้ลงทุนและปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้มีความคล่องตัวและมีความสามารถในเชิง แข่งขัน
2. ตลาดตราสารหนี้จะพัฒนา ตลาดแรกให้มีสินค้าประเภทใหม่ๆ และให้มีคุณภาพ
สนับสนุนการลงทุนทั้งจากผู้ลงทุนสถาบันและผู้ลงทุนทั่วไปและพัฒนาตลาดรองโดยวางโครงสร้างพื้นฐาน ให้มีความสมบูรณ์
3. ตลาดสัญญาซื้อขายล่วงหน้า จะผลักดันกฎหมายให้มีผลใช้บังคับพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จำเป็นและเตรียมความพร้อมให้แก่ผู้ที่ เกี่ยวข้อง
4. ธุรกิจหลักทรัพย์จะวางโครงสร้างการประกอบธุรกิจให้มีความคล่องตัวและเหมาะสมสนับสนุนความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ในการให้บริการและปรับปรุงหลักเกณฑ์ต่างๆ ให้มีความยืดหยุ่นและเอื้อต่อการประกอบธุรกิจ
5. ธุรกิจจัดการลงทุนจะปรับปรุงโครงสร้างและรูปแบบการประกอบธุรกิจให้มีความ มั่นคงความคล่องตัวและมีการจัดการที่ดีกำกับดูแล ผู้บริหารทรัพย์สินของประชาชนแก้ไขข้อจำกัดต่างๆ ที่เป็นอุปสรรคต่อการประกอบธุรกิจส่งเสริมให้มีการระดมเงินออมผ่านเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพและ สร้างระบบคุ้มครองประโยชน์ของผู้ลงทุน
6. ผู้ลงทุนจะให้ความคุ้มครองและความรู้แก่ผู้ลงทุนจัดให้มีข้อมูลสำหรับผู้ลงทุนอย่างเพียงพอเพื่อใช้ในการตัดสินใจลงทุน
3. มาตรการอื่นๆ ของ ก.ล.ต.
1) การปรับปรุงเกณฑ์การทำธุรกรรมและการให้บริการด้านอนุพันธ์ของบริษัทหลักทรัพย์ นอกตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (OTC Derivatives) ให้มีความยืดหยุ่นและคล่องตัวยิ่งขึ้น เพื่อช่วยสนับสนุนการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับ การทำธุรกรรมด้านอนุพันธ์ที่จะมีขึ้นในอนาคต โดย การทำอนุพันธ์ได้จะต้องเป็นเพื่อป้องกันความเสี่ยง (Hedging) ที่มีคู่สัญญาเป็นสถาบันการเงิน หรือ เพื่อฐานะอนุพันธ์ของบริษัทหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาต จาก ก.ล.ต. และ ก.ล.ต.กำหนดให้สินค้าอ้างอิง เป็น ตราสารทางการเงิน จำกัดประเภทผู้ลงทุนเฉพาะ ผู้ลงทุนสถาบันหรือผู้ลงทุนที่เป็นบุคคลธรรมดาที่มี การลงทุนตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป ทั้งนี้ มีผลใช้บังคับตั้งแต่ 5 กันยายน 43 เป็นต้นไป
2) การปรับปรุงการมีสำนักงานสาขาของบริษัทหลักทรัพย์ ทั้งการจัดตั้งสำนักงานสาขา เต็มรูปแบบ (Full Branch) และสำนักงานสาขาออนไลน์ (Cyber Branch) โดยไม่ต้องยื่นขออนุญาตต่อ ก.ล.ต. หากบริษัทหลักทรัพย์มีคุณสมบัติครบถ้วนทั้งในด้านฐานะทางการเงินประวัติการดำเนินธุรกิจ สำหรับสำนักงานสาขาออนไลน์จะต้องให้บริการ เพียงให้ลูกค้าส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านเครื่องมือ สื่อสาร On Line ไม่มีการแนะนำในด้านการลงทุนและไม่มีการให้บริการชำระราคาและส่งมอบ หลักทรัพย์ใด ๆ นอกจากนี้ สาขาดังกล่าวจะต้องดำรงอัตราส่วน NCR ตามเกณฑ์ มีผู้ถือหุ้นล่าสุด เป็นบวก ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
3) ปรับปรุงเกณฑ์การให้กู้ยืมเงิน เพื่อซื้อหลักทรัพย์ฯ โดยกำหนดให้บริษัทหลักทรัพย์ฯ จะให้กู้ยืมได้เฉพาะสำหรับการซื้อหลักทรัพย์ จดทะเบียนที่ไม่ใช่ประเภทใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะ ซื้อหุ้น ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นกู้ ใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์และออปชั่น โดยให้บริษัทหลักทรัพย์กำหนดอัตรามาร์จิ้นเริ่มต้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 50 หรืออัตราที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด แล้วแต่อัตราใดจะสูงกว่า ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
4) ปรับปรุงข้อกำหนดสำหรับบริษัทหลักทรัพย์ที่ดำรงเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิไม่ได้ตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยรวมถึงกรณีบริษัทหลักทรัพย์มีเงินกองทุนสภาพคล่องสุทธิต่ำกว่าศูนย์ (NCR ติดลบ) ติดต่อกันเกิน 5 วันทำการ และให้รวมเงินลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ฯ หรือการดำเนินการตามภาระผูกพันที่ค้างอยู่ในระหว่างที่ถูกระงับการประกอบธุรกิจ ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
5) การกำหนดทุนจดทะเบียนซึ่ง ชำระแล้วของบริษัทหลักทรัพย์ที่จะขอรับใบอนุญาต ให้ประกอบธุรกิจประเภทการจัดการกองทุนส่วนบุคคลและการกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมโดยบริษัท หลักทรัพย์ที่ประกอบธุรกิจหลักทรัพย์เฉพาะกองทุน
ส่วนบุคคลต้องมีทุนชำระแล้วไม่น้อยกว่า 20 ล้านบาท แต่ถ้าบริษัทหลักทรัพย์มีการประกอบธุรกิจ การเก็บรักษาทรัพย์สินหรือลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อบริษัท หรือรับ ผิดชอบการชำระราคาและส่งมอบหลักทรัพย์ สำหรับอัตราค่าธรรมเนียมให้คิดในอัตราร้อยละ 0.0045 ของค่าเฉลี่ยของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุนส่วนบุคคล ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 28 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ บริษัทจัดการ (ทั้งบริษัทจำกัด หรือบริษัทมหาชน จำกัด) กองทุนส่วนบุคคล ที่จัดตั้งขึ้น ใหม่จะต้องมีเงินกองทุนหมุนเวียนที่เพียงพอต่อ ประมาณการรายจ่ายในการประกอบธุรกิจของบริษัท จัดการในระยะเวลา 12 เดือน และให้บริษัทจัดการกองทุนส่วนบุคคลดำรงหลักประกันหรือสินทรัพย์สภาพคล่อง ส่วนเกินอย่างใดอย่างหนึ่งหรือทั้งสองอย่างรวมกันให้มี มูลค่าเพียงพอตาม ก.ล.ต.กำหนด ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2543 เป็นต้นไป
6) หลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการในการ เป็นนายหน้าซื้อขายและการค้าหลักทรัพย์ฯ อันเป็น ตราสารแห่งหนี้และมิใช่ตราสารแห่งหนี้ โดยกำหนดให้ บริษัทหลักทรัพย์ต้องมีระบบควบคุมภายในระบบบริหาร ความเสี่ยงและระบบป้องกันความขัดแย้งทางผลประโยชน์ สำหรับการติดต่อให้บริการลูกค้า บริษัทหลักทรัพย์ต้องรู้ ข้อมูลของลูกค้าอย่างเพียงพอเพื่อสามารถให้บริการได้ อย่างเหมาะสม มีการเปิดเผยข้อมูลที่ถูกต้องแก่ลูกค้า และเก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้าเป็นอย่างดีรวมทั้ง บุคคลากรที่ต้องติดต่อกับลูกค้าต้องมาขึ้นทะเบียนกับ ก.ล.ต. ทั้งนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 6 ตุลาคม 2543 และ 1 มกราคม 2544 ตามลำดับ เป็นต้นไป
4. มาตรการอื่นๆ ของตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
1) การจัดตั้งบริษัทที่ออกใบแสดงสิทธิในผลประโยชน์ที่เกิดจากหลักทรัพย์อ้างอิงไทย (Non-Voting Depositary Receipt : NVDR) โดยกำหนดให้ NVDR เป็นหลักทรัพย์ และสามารถออก NVDR ที่อ้างอิงกับหลักทรัพย์ จดทะเบียนใดๆ ก็ได้ ซึ่งจะต้องออกโดยบริษัท ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ ถือหุ้นไม่น้อยกว่าร้อยละ 99 การเสนอขาย NVDR จะต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. การออก NVDR นี้เป็นมาตรการเสริมสร้างอุปสงค์ที่จะแก้ไขอุปสรรคกรณีการลงทุนของ ผู้ลงทุนสถาบันต่างประเทศสามารถลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุนรวมเพื่อผู้ลงทุนต่างด้าว (Thai Trust Fund: TTF)
2) การจัดตั้งโครงการประมูลทางเครื่องอิเล็กทรอนิกส์และระบบ Market Maker ให้แก่สมาชิกและบริษัทจดทะเบียนในตลาด หลักทรัพย์ฯ เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้น จะทำการประชาพิจารณ์ในกลุ่มสมาชิกและบริษัท จดทะเบียน ซึ่งโครงการนี้จะเริ่มในปี 2544
3) การอนุญาตให้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยประกอบธุรกิจอื่น โดยเฉพาะ บริษัทย่อยเพื่อให้บริการและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านระบบ internet ซึ่ง สอดคล้องกับมาตรการเสริมสร้างอุปสงค์ที่สนับสนุนให้มี internet trading เพื่อลดต้นทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์
--ธนาคารแห่งประเทศไทย--
-สส-